สมัยนี้ใคร ๆ ก็มีต้นไม้อยู่ในบ้าน อยู่ในห้องกันทั้งนั้น ห้องที่ดูธรรมดา ก็ดูมีอะไรขึ้นมาเพียงแค่มีต้นไม้เข้ามาประดับ แถมบางต้นก็ยังสามารถฟอกอากาศให้กับเราอีกด้วย ถ้าคุณเป็นคนนึงที่อยากปลูกต้นไม้เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง แต่ไม่ว่าจะปลูกอะไร ก็ไม่รอดทุกที ทั้ง ๆ ที่ดูแลอย่างดี เอาใจใส่ทุกอย่าง แต่เพื่อนที่ซื้อมาพร้อมกันรดน้ำอาทิตย์ละครั้งกลับรอด! วันนี้จะมาเอาใจคนที่ไม่มีดวงเรื่องการดูแลต้นไม้เลย ต้นไม้ 5 ชนิดที่รวบรวมมาในวันนี้ รับรองว่าปลูกยังไงก็รอดชัวร์

1.ต้นกวักมรกต ขวัญใจสายฟอกอากาศ

หากคุณเป็นคนที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง อย่าว่าแต่รดน้ำต้นไม้เลย แค่เวลากินข้าวยังแทบไม่มี แต่ก็อยากมีต้นไม้ไว้ในห้องบ้าง ต้องบอกเลยว่าต้นกวักมรกตเป็นต้นไม้ที่เหมาะกับคุณมาก เพราะการดูแลต้นไม้ต้นนี้ เรียกได้ว่าง่ายสุด ๆ ไม่ต้องทำอะไรมากเลย

• น้องชอบน้ำน้อย ๆ รดน้ำเพียงอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้งก็พอแล้ว
• หาแสงแดดอ่อน ๆ รำไร ๆ ให้น้องก็พอ น้องไม่ชอบแดดเปรี้ยง
• ควรเลี้ยงในดินร่วน เพราะสามารถอุ้มน้ำได้ดี

นอกจากนี้ต้นกวักมรกต ยังเป็นต้นไม้มงคล เชื่อกันว่าช่วยเสริมทรัพย์ เสริมโชคลาภ เลี้ยงแล้วเฮง! ปัง! ต้นกวักมรกตเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง ทนทาน และดูแลง่ายมาก ๆ นอกจากความดูแลง่ายแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วยนะ เพราะกวักมรกตช่วยดูดสารพิษและฟอกอากาศในบ้านได้ เหมาะกับอากาศบ้านเราตอนนี้เป็นที่สุด จะเลี้ยงไว้ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นก็ได้

เคล็ดลับการเลี้ยงต้นกวักมรกตคือ สามารถใช้ปุ๋ยละลายน้ำรดให้น้องเดือนละครั้งจะทำให้น้องโตและแข็งแรงมากขึ้น!

2.ลิ้นมังกร ขวัญใจสายมู

ลิ้นมังกร มีชื่อภาษาอังกฤษสุดเท่ว่า Devil Tongue เป็นอีกหนึ่งในต้นไม้ที่ดูแลง่าย เพราะโตง่ายตายยาก

• รดน้ำให้น้องลิ้นมังกรวันเว้นวัน หรือจะ 3 วันครั้งก็ได้ แต่ถ้าไม่รดน้ำเลยก็คงจะไม่ได้ เพราะเจ้าลิ้นมังกรคงจะอยู่กับคุณได้ไม่นานแน่ ๆ
• ไม่ต้องการแสงแดด แต่! ลิ้นมังกรก็ต้องการน้ำเพื่อที่จะอยู่รอด
• ควรจะเป็นดินร่วนหรือดินปนทราย เพราะระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุเพียงพอ

ส่วนเรื่องของอากาศ บอกเลยว่าไม่เป็นอุปสรรค เอาไว้ในห้องแอร์ก็ได้ จะโดนแดด โดนลมก็ยังได้ ยิ่งโดนแดดเยอะก็จะยิ่งโตไว แต่ถ้าไม่อยากให้ลิ้นมังกรโตเร็วล่ะก็ แนะนำว่าให้เอาไว้ในที่เงียบสงบ ต้นไม้ชนิดนี้เหมาะที่จะเอาไว้ในห้องนอน เพราะตอนกลางคืนลิ้นมังกรจะปล่อยออกซิเจนออกมา ทำให้หายใจได้ดีขึ้นในระหว่างนอน และยังช่วยฟอกอากาศและดูดสารพิษได้อีกด้วย อ้อ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้จะปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกจากบ้านด้วยนะ เรียกได้ว่าครบเครื่อง!

เคล็ดลับเสริมสวยของต้นไม้ชนิดนี้คือ สามารถใช้ผ้าเปียกหมาด ๆ เช็ดใบน้อง จะทำให้ดูเงางามอยู่ตลอดเวลา

3.พลูด่าง ขวัญใจโต๊ะคุณครู

ถ้าจะให้นึกถึงต้นไม้ที่เลี้ยงง่ายที่สุด! ทนที่สุด! จะเป็นอะไรไปได้นอกจากพลูด่าง เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ที่ชิลมาก อยู่ง่ายมาก ราคาก็ไม่แรง อยู่ที่หลักสิบเท่านั้น เหตุผลที่ทำให้พลูด่างเป็นขวัญใจมือใหม่หัดปลูกก็คือ

• สามารถอยู่ในน้ำได้ เปลี่ยนน้ำแค่ 3 วัน / 1 ครั้ง
• ชอบแดดร่มรำไร ไปจนถึงแสงแดดปานกลาง
• ใช้ดินผสมกับวัสดุอินทรีย์ เช่น แกลบ ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ หรือมูลสัตว์ ลดน้ำ 3 วัน / 1 ครั้ง

และด้วยความที่ไม่ค่อยจะชอบแสงนี่แหละ ที่ทำให้โตได้ดีถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่ที่ไม่มีแสง พลูด่างมักจะถูกเอาไปตกแต่งในห้องน้ำ หรือเอาวางไว้บนชั้น และให้ใบของพลูด่างเลื้อยลงมาข้างล่าง ทำให้การแต่งชั้นแต่งห้องดูมีอะไรขึ้นมาทันที นอกจากจะสวยและเลี้ยงง่ายแล้ว พลูด่างก็ยังสามารถดูดสารพิษในอากาศได้อีกด้วย

เคล็ดลับแต่งบ้านด้วยพลูด่างคือ นอกจากจะปล่อยให้เลื้อยลงมาจากกระถางอย่างธรรมชาติ ยังสามารถหาวัสดุมาให้น้องเกี่ยวเป็นทิศทางตามต้องการได้อีกด้วย

4.เศรษฐีเรือนใน ขวัญใจคนเป็นภูมิแพ้

ต้นเศรษฐีเรือนในอาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่เป็นชื่อที่เมื่อได้ยินแล้วก็อยากรีบเอาต้นไม้ต้นนี้มาปลูกทันที เผื่อว่าปลูกแล้วจะได้เป็นเศรษฐีบ้าง! ถือว่าเป็นต้นไม้มงคล ปลูกแล้วจะร่ำรวย บางคนถึงกับต้องท่องคาถาตอนรดน้ำกันเลยก็มี

• รดน้ำ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็พอแล้ว
• ต้องการแสงแดดเล็กน้อย ไม่ชอบความชื้น
• ชอบดินร่วน หรือดินปนทรายก็ได้ทั้งนั้น

เป็นต้นไม้มงคลที่เชื่อว่าช่วยเรื่องโชคลาภ, เมตตามหานิยม และยังสามารถช่วยกรองอากาศ และดักจับสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่มาจากวัสดุก่อสร้างในบ้านได้ด้วย คนที่เป็นภูมิแพ้บอกเลยว่าควรจะมีต้นไม้ต้นนี้ไว้ในห้อง ต้นไม้ชนิดนี้ไม่ได้ถึงกับชอบแสง แต่ก็ยังต้องการแสงบ้างเล็กน้อย หากจะเอาไว้ในห้องนอนก็เปิดม่านให้โดนแสงผ่านบ้างสักหน่อยก็พอแล้ว ต้นเศรษฐีเรือนในใช้เวลานานมากกว่าจะออกดอก เป็นดอกสีขาวเล็ก ๆ แต่ถ้าเลี้ยงได้ถูกต้องตามวิธี ก็จะได้เห็นดอกของต้นไม้ชนิดนี้แน่นอน 

นอกจากนี้มีความเชื่อว่าถ้าช่วงไหนน้องออกดอก หรือโตไว แปลว่าผู้เลี้ยงหรือเจ้าของบ้านกำลังจะดวงดี!

5.ว่านหางจระเข้ ขวัญใจสาวโก๊ะ

ว่านหางจระเข้เป็นต้นไม้สารพัดประโยชน์ที่ดูแลง่ายกว่าที่คิด ถึงประโยชน์จะมาก แต่ขั้นตอนการดูแลไม่ได้มากตามไปด้วยนะ

• ก่อนที่จะรดน้ำครั้งต่อไป ต้องมั่นใจว่าดินแห้งสนิทแล้ว รดน้ำเพียง 1 ครั้ง / 2 อาทิตย์ ก็พอ
• ไม่ต้องการแสงแดดโดยตรง
• ชอบดินร่วนซุย ถ้าดินเหนียวมากให้ผสมใบไม้แห้งผุ และทรายลงไป ดินควรใส่ปุ๋ยด้วย ให้ใช้คอก ไม่ต้องใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์

ช่วงที่อากาศเย็นหน่อยก็อาจชะลอการรดน้ำเป็น 3 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง ส่วนประโยชน์ของว่านหางจระเข้ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเอามามาสก์หน้าลดสิว เอาไปบำรุงผมให้เงางาม หรือจะเอามาทาผิวที่แสบหลังเจอแดดร้อน ๆ

เมื่อมีแผลจากการไหม้ หรือโดนลวก สามารถใช้วุ้นว่านหางจระเข้บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้เป็นอย่างดี

แอบกระซิบเคล็ดลับที่เป็นตัวช่วยสำหรับมือใหม่หัดปลูกต้นไม้

อย่างที่ได้อ่านกันไปก็พอจะเห็นความแตกต่างกันของเจ้าต้นไม้แต่ละชนิดกันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าน้องมีความต้องการและความชอบที่ไม่เหมือนกัน ถึงจะดูเล็กน้อยจุกจิก อาจเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่บอกเลยว่าเรื่องเล็ก ๆ พวกนี้นี่แหละ ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้น้องอยู่รอดได้ 

1.เข้าใจธรรมชาติของต้นไม้

ธรรมชาติของต้นไม้คืออะไร? ก็คือสิ่งที่ต้นไม้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่างเรื่องความทนทานต่อสภาพอากาศและอุณหภูมิ พูดง่าย ๆ ก็คือ ลองเปรียบเทียบต้นไม้กับคน บางคนอยู่อากาศเย็นได้ บางคนอยู่อากาศร้อนได้ บางคนอยู่อากาศแบบไหนก็ไม่มีปัญหา ดังนั้นความแข็งแรงและความทนทานของต้นไม้จึงไม่ได้เหมือนกันไปหมดทุกต้น รวมไปถึงความชอบด้วย ถึงแม้ว่าต้นไม้บางต้นจะโดนแดดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าชอบแดดและสามารถเติบโตในแดดได้ดี ปัจจัยเรื่องอุณหภูมิเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากก็จริง แต่หากต้องการที่จะปลูกต้นไม้สักต้น ก็ต้องทำความเข้าใจกับต้นไม้ต้นนั้น ๆ ว่าจะสามารถอยู่ได้ในสภาพอากาศแบบไหน ลองศึกษาเรื่องธรรมชาติของต้นไม้สักนิด ใส่ใจต้นไม้สักหน่อย ก็จะทำให้เจ้าต้นไม้อยากอยู่กับคุณไปนาน ๆ 

2.ให้อาหารที่เหมาะสมกับต้นไม้

นอกจากเรื่องปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างดินฟ้าอากาศแล้ว เราก็มีปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้ อย่างการให้อาหารที่เหมาะสมกับต้นไม้ต้นนั้น ๆ นั่นก็คือน้ำและดิน หลายคนอาจไม่ได้คำนึงถึงการใช้ดินมากนัก รู้แค่ว่าปลูกต้นไม้จะต้องรดน้ำ แต่การใช้ดินให้เหมาะสมกับต้นไม้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ดินก็มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นดินร่วน ดินทรายหรือดินเหนียว นอกจากการให้อาหารหลักที่เป็นดินแล้ว ต้นไม้บางชนิดก็ต้องการอาหารเสริมอย่างเช่น การใช้ดินหลายชนิดผสมกัน หรือการให้ปุ๋ยอย่างเปลือกถั่ว ใบไม้ผุ ถ่าน นอกจากต้นไม้จะต้องกินอาหารแล้ว ก็ยังต้องกินน้ำเหมือนกัน ความถี่ในการรดน้ำก็แตกต่างกัน รดน้ำมากไปก็ตายได้ ไม่รดน้ำเลยก็ตายได้เหมือนกัน แต่การรดน้ำขาดยังดีกว่ารดน้ำเกินนะคะ เพราะถ้ารากของเจ้าต้นไม้เน่าไปแล้ว บอกเลยว่ายากมากที่จะกู้น้องกับมา แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าละเลยกับการรดน้ำจะดีที่สุด

3.ย้ายต้นไม้บ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดี

ถึงแม้ว่าจะเป็นการหวังดีกับเจ้าต้นไม้ที่พาออกไปรับแดด พาหนีฝน แต่! การที่จะย้ายที่ไปมา อาจทำให้เจ้าต้นไม้โตช้าได้ และบางทีอาจจะตายได้เลยนะ! เพราะทุกครั้งที่เราเคลื่อนย้ายต้นไม้ รากของต้นไม้ก็จะโยกเยกไปมา ทำให้รากของต้นไม้ไม่แข็งแรง และทำให้การเจริญเติบโตของต้นไม้บางทีก็ถูกชะงักไป เจ้าต้นไม้จะเกิดอาการสับสนเวลาที่เราเคลื่อนย้ายมันบ่อย ๆ แต่หลายคนคงจะสงสัยว่า อ้าว ก็อากาศมันเปลี่ยนแปลงนี่ เราย้ายต้นไม้ไปมาไม่ได้เลยเหรอ? คำตอบก็คือได้ค่ะ แต่ต้องระวังและเบามือที่สุดไม่ให้ไปกระทบกับรากของต้นไม้ ถึงจะทำให้ต้นไม้เติบโตได้ที ทางที่ดีควรหาที่ที่เหมาะสมสำหรับการวางต้นไม้จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องย้ายที่บ่อย

4.เปลี่ยนกระถางให้ต้นไม้บ้าง

ต้นไม้เหมือนกับคนมากกว่าที่คิด! เวลาที่เราโตขึ้น เราก็จะรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเรามันตัวเล็กลงซะงั้น ใส่ไปก็อึดอัดไม่สบายตัวเอาซะเลย ต้นไม้ก็เหมือนกัน ต้นไม้ก็สามารถโตขึ้นได้ และก็ต้องการเปลี่ยนกระถางบ้าง เพราะถ้าไม่เปลี่ยนกระถางเลย รากก็จะไปกระจุกรวมกันอยู่ก้นกระถาง ทำให้ไม่สามารถกินอาหารได้อย่างเต็มที่ วิธีการสังเกตว่าเมื่อไหร่ควรจะเปลี่ยนกระถางก็คือ การที่ใบของต้นไม้เริ่มงอกออกมาจนล้นกระถาง หรือบางทีอาจจะเห็นรากล้นออกมาด้วย นั่นคือวิธีที่เจ้าต้นไม้กำลังบอกกับเราว่าอึดอัด ช่วยเปลี่ยนกระถางให้ที! 

ต้นไม้ที่รวบรวมมาในวันนี้เป็นตัวเลือกให้สำหรับคนที่ปลูกอะไรก็ไม่เคยรอดได้เลย นอกจากจะดูแลง่ายแล้วยังได้ประโยชน์จากการปลูกต้นไม้อีกด้วย หวังว่าเคล็ดลับพวกนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

หากต้องการเรียนรู้ศาสตร์ของการดูแลและตัดแต่งต้นไม้ที่ช่วยให้ต้นไม้ใหญ่สุขภาพดีมีความสวยงามเพิ่มเติม

สามารถติดตามรับชมได้ที่ รายการ 2 องศา ทาง ALTV ช่องหมายเลข 4