การทำข้อสอบปรนัย หรือ ข้อสอบที่มีหลายตัวเลือก ถือเป็นการสอบที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและการวิเคราะห์มากมายเพื่อเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่เมื่อถึงคราวที่เจอโจทย์ที่ยาก หลายคนมักหยิบเทคนิคที่เรียกว่า "เดา" ต่างนานา อย่างการสุ่ม นับตัวเลข หมุนปากกา หรือหลับตาจิ้ม ซึ่งอาจถูกบ้างไม่ถูกบ้างแล้วแต่ดวง ALTV จึงแนะนำ เทคนิคทำข้อสอบอย่างมีชั้นเชิง เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้หรือไม่มั่นใจในคำตอบ หากลองทำตามวิธีเหล่านี้ก็สามารถเพิ่มคะแนนสอบได้ไม่ยาก
การตัดตัวเลือก เป็นเทคนิคพื้นฐานที่หลายคนมักนำมาใช้กับ “ข้อสอบปรนัย” อยู่เสมอ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องการคำตอบแบบตายตัว จากตัวเลือก ก. ข. ค. ง. หรือ A B C D แต่หากไม่แน่ใจว่าข้อใดถูกต้อง วิธีที่ง่ายที่สุดให้ทำตามนี้
การตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกอย่างน้อย 1-2 ตัวเลือก จะช่วยเพิ่มโอกาสการได้คะแนนจากข้อนั้นมากขึ้น ซึ่งตัวเลือกที่เหลืออาจเป็นคำตอบที่ถูกต้องก็ได้
บางครั้งตัวเลือกก็เหมือน “ตัวลวง” ผู้ออกสอบมักสร้างช้อยส์ให้มีความหมายคล้ายกัน เพื่อให้ผู้สอบคาดเดายาก เกิดความสับสนและอาจตอบผิด
โจทย์ตัวอย่าง
ลำไส้เล็กส่วนต้นมีหน้าที่อะไร
ก. สร้างวิตามิน
ข. ผลิตวิตามินในร่างกาย
ค. ย่อยอาหาร
ทั้ง ก. และ ข. นี้มีความหมายเหมือนกัน สามารถตัดสองช้อยส์นี้ออกได้ จากนั้นค่อยดูตัวเลือกอื่นที่อาจเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
ข้อสอบปรนัยส่วนใหญ่มักใช้ตัวเลือก ง. ให้เป็น “ถูกทุกข้อ” หรือ “ไม่มีข้อใดถูกต้อง” เพื่อลวงให้ผู้สอบเกิดความไม่มั่นใจกับคำตอบของตัวเอง และเผลอเลือกช้อยส์นี้ ดังนั้น หากเจอตัวเลือกลักษณะนี้เมื่อไหร่ ให้เอะใจไว้ก่อนว่าอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง สามารถ “ตัดทิ้ง” ได้เลย
เทคนิคนี้ค่อนข้างสำคัญมากในการสอบวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ต้องใช้ทักษะการคำนวณเพื่อ “ประมาณค่า” หรือ “การคาดคะเน” เข้าช่วย เป็นการคำนวนคร่าว ๆ อย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบคำตอบนั้นว่ามีเหตุผลและเหมาะสมหรือไม่ สามารถทำได้โดยการนำจำนวนต่าง ๆ ในโจทย์มาหาค่าประมาณ เช่น การปัดเศษของจำนวนเต็ม หรือ การปัดเศษของทศนิยม แล้วมาบวก ลบ คูณ หาร หาผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งการประมาณค่าคำตอบจะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นและประหยัดเวลาในการทำข้อสอบ
โจทย์ตัวอย่าง
กรุงเทพมหานครมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3,342,158 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 1,403,336 คน ดังนั้นผู้ไม่มาเลือกตั้งจะประมาณเต็มพันคือข้อใด
ก. 1,937,000 คน
ข. 1,939,000 คน
ค. 1,940,000 คน
ง. 1,949,000 คน
คำตอบ คือ ข. 1,939,000 คน
วิธีคิด
3,342,158-1,403,336 = 1,938,822
ให้ดูหลักร้อยของ 1,938,822 เท่ากับ 822 การหาค่าประมาณเต็มพัน ถ้าเลขโดดตั้งแต่ 500 ขึ้นไปให้ปัดขึ้นเป็นพัน ดังนั้น การค่าประมาณเต็มพันก็คือ 1,939,000
ทุกวินาทีในห้องสอบนั้น “มีค่า”ในการทำคะแนนให้ได้ตามเป้า ยิ่งทำข้อสอบเสร็จเร็วเท่าไหร่ เรายิ่งเหลือเวลากลับมาทบทวนคำตอบได้มากเท่านั้น บางครั้งเราอาจเจอโจทย์ที่ยาก อย่างการคำนวนหรือการอ่านตีความ ซึ่งกินเวลานานในการตีโจทย์ สถานการณ์แบบนี้แนะนำให้ ข้ามไปก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาทำข้อเดิมอีกครั้ง
แต่ก่อนจะ skip ไปข้ออื่น ให้ลองอ่านโจทย์นั้นเพื่อทำความเข้าใจคร่าว ๆ สัก 1 รอบ หากยังไม่มั่นใจในคำตอบก็ “วงกลม” เลขข้อนั้นไว้ แล้วลุยข้อต่อไปทันที เพราะข้อสอบมีทั้งโจทย์ยากและง่ายคละเคล้ากันไป ดังนั้น หากเราข้ามไปทำโจทย์ที่ง่ายหรือมั่นใจได้ก่อน เราจะมีเวลาเหลือกลับมาทำความเข้าใจข้อที่ยากได้อย่างละเอียดมากขึ้น
เทคนิคสุดท้ายโดยส่วนมากคำตอบที่ถูกต้องมักอยู่ใน “ตัวเลือกเดิมซ้ำ ๆ” การกาตัวเลือกเดิมเป็น “แนวดิ่ง” อาจช่วยเพิ่มคะแนนได้บ้างประมาณ 25% หากไม่รู้ว่าควรเริ่มจากช้อยส์ไหน ให้ยึดจากโจทย์ที่เรามั่นใจคำตอบไว้ก่อน เพื่อเป็นไกด์ในการตอบแนวดิ่งในข้อที่เราไม่รู้ได้ เช่น หากเรารู้คำตอบของข้อ 1 คือ ค. และไม่รู้คำตอบข้อ 3, 4, 5 ก็สามารถตอบ ค. เช่นเดียวกันได้เลย หลายคนชอบใช้เทคนิคนี้เป็นตัวช่วยสุดท้ายในตอนที่ใกล้หมดเวลา เพราะไม่ต้องคิดเยอะและทำเวลาได้รวดเร็ว
เทคนิคการทำข้อสอบที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงตัวช่วยเฉพาะหน้าเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใด การที่เราจะได้คะแนนไม่ได้มากจาก "ดวง" หรือ "การเดา" เคล็ดลับสำคัญ คือการหมั่นทบทวนบทเรียนและฝึกทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอต่างหาก จึงจะสอบผ่านฉลุย!!!
การหาคำตอบเป็นหนทางที่ฉลาดกว่าการคาดเดา
It is wiser to find out than to suppose. (Mark Twain)
สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย สามารถเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ในแต่ละวิชาได้ในรายการ ห้องเรียนติวเข้ม ม.6 เข้ามหาวิทยาลัย
ขอบคุณข้อมูล : ติวเตอร์จุฬา, gotoknow.org