ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
11 คำศัพท์เกี่ยวกับ "การเลือกตั้ง" พร้อมคำอธิบาย
แชร์
ชอบ
11 คำศัพท์เกี่ยวกับ "การเลือกตั้ง" พร้อมคำอธิบาย
04 เม.ย. 66 • 20.00 น. | 9,136 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

หากใครติดตามข่าวสาร การเลือกตั้ง 66 หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ปาร์ตี้ลิสต์ หรือแคนดิเดต อยู่บ่อย ๆ รวมถึงคำศัพเกี่ยวกับการเมืองอื่น ๆ ที่ชวนสงสัย ก่อนที่จะเข้าคูหาเลือก “คนที่ชอบ พรรคที่ใช่” ALTV ขอชวนทุกคนมาเรียนรู้ “คำศัพท์ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง” พร้อมความหมายเพื่อให้เข้าใจอย่างกระจ่าง

 

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับ “การเลือกตั้ง”

🔸การเลือกตั้ง : Election

เป็นกระบวนที่ประชาชนจะใช้สิทธิของตัวเอง “เลือกผู้แทน” เพื่อทำหน้าที่ปกครองประเทศทั้งระดับชาติและท้องถิ่น

การเลือกตั้งในประเทศไทยนั้นมีหลายระดับ ได้แก่

  • ระดับหมู่บ้าน คือ ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้านและสมาชิกสภาท้องถิ่น
  • ระดับตำบล คือ กํานัน ผู้บริหารท้องถิ่น
  • ระดับอำเภอ คือ สมาชิกสภาเทศบาลและสมาชิกสภาเมืองพัทยา
  • ระดับจังหวัด คือ สมาชิกสภาจังหวัด และการเลือกตั้งในกรุงเทพฯ อย่างการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต
  • ระดับชาติ คือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, สมาชิกวุฒิสภา

4 ระบบการเลือกตั้งที่ทั่วโลกนิยมใช้ ได้แก่

  • ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด หรือระบบเสียงข้างมาก (First-Past-The-Post ย่อว่า Fptp) เป็นระบบที่ถูกใช้มากที่สุดในการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา โดยผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
  • การเลือกตั้งระบบสัดส่วน (Proportional Representation ย่อว่า Pr) เช่น การเลือกตั้งระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตีลิสต์ (Party List) โดยเลือกลงคะแนนจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองจัดทำไว้ เมื่อพรรคใดได้รับเลือก ผู้สมัครที่อยู่ในบัญชีของพรรคนั้นก็จะได้รับเลือกตามสัดส่วน
  • ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed-Member Proportional Representation ย่อว่า Mmp/ Mmpr) หรือที่เรียกกันว่า “ระบบเยอรมนี” ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนบนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส. แบบเขตอีกใบหนึ่งเลือกบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง ระบบนี้ใช้กันในหลายประเทศ เช่น เยอรมัน อิตาลี เม็กซิโก นิวซีแลนด์ รวมถึงประเทศไทยก็มีการนำระบบนี้มาใช้ในการเลือกตั้งส.ส.ปี 2566 ด้วยเช่นกัน
  • ระบบเลือกตั้งแบบผสมเสียงข้างมาก (Mixed Member Majoritarian ย่อว่า Mmm) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ระบบเลือกตั้งผสมแบบคู่ขนาน (Parallel System) เป็นการเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ โดยเอาวิธีการเลือกตั้งแบบสัดส่วนและเสียงข้างมากรวมเข้าด้วยกัน ประเทศไทยเคยใช้ระบบการเลือกตั้งนี้ตามกำหนดรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540

🔸รัฐธรรมนูญ : Constitution 

หมายถึง กฎหมายขั้นพื้นฐานของประเทศ อยู่สูงกว่ากฎหมายอื่น ๆ ทั้งปวง กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ ว่าด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดระเบียบการปกครองของประเทศ 

 

รัฐธรรมนูญในปัจจุบัน มีทั้งเป็นลักษณะลายลักษณ์อักษร และไม่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยลักษณะไม่เป็นลายลักษณ์อักษร จะใช้หลักของขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีการปกครอง คำพิพากษาของศาลยุติธรรม และธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ ที่ยึดถือต่อกันมา กฎหมายทุกตัวที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญด้วย

 

สำหรับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Constitution Of The Kingdom Of Thailand เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” มาเป็น “ระบอบประชาธิปไตย” อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแล้วทั้งสิ้น 20 ฉบับ โดยฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

 

🔸นายกรัฐมนตรี : Prime Minister

หมายถึง “ผู้นำประเทศ” หรือผู้นำคณะรัฐมนตรี ในตำแหน่งหัวหน้าของฝ่ายบริหารในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา มาจากการลงมติเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

 

ตามกฏมายแล้ว นายกรัฐมนตรีจะมีวาระครั้งละ 4 ปี รวมกันแล้วต้องเกิน 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ โดยไม่นับรวมระยะเวลาระหว่างรักษาการหลังพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว

 

คุณสมบัติของผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่กำหนดไว้ มีดังนี้

1.มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด

2.มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์

3.จบการศึกษาไม่ต่ำกว่า “ปริญญาตรี” หรือเทียบเท่า

4.ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

5.ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

6.ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

 

❌ นายกรัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะ “ต้องห้าม” ดังต่อไปนี้

  1. ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ
  2. ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
  3. ไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
  4. ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
  5. ไม่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
  6. ไม่วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
  7. ไม่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
  8. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
  9. ไม่ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
  10. ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
  11. ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง
  12. ไม่เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
  13. ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
  14. ไม่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
  15. ไม่อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่ชอบตามกฎหมาย
  16. ไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
  17. ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีก่อนได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  18. ไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งสมาชิกภาพสิ้นสุดลงมาแล้วยังไม่เกินสองปีนับถึงวันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี

🔸ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง : Candidate, Candidacy, Candidature

“แคนดิเดต” โดยทั่วไปแปลว่า ผู้สมัคร, การเสนอตัว แต่หากนิยามสำหรับการเลือกตั้งในประเทศไทยจะหมายถึง ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดให้แต่ละพรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อส.ส.เพื่อเป็น “แคนดิเดตนายก” ได้ไม่เกิน 3 ชื่อ โดยพิจารณาคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จากนั้น กกต.จะประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ

🔸ยุบสภา : Dissolve The Parliament

การยุบสภานั้นเป็นการทำให้สถานะความเป็นสมาชิกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สิ้นสุดลงหรือพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เสนอให้พระมหากษัตริย์ทรงตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลังจากยุบสภาแล้วก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ 

 

ตามกฎหมาย กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายในกรอบเวลา 45 - 60 วัน ส่วนคณะรัฐมนตรีก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

 

รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่บังคับใช้ล่าสุด มาตรา 108 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่จะทรงใช้พระราชอำนาจนั้นได้ ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีเสนอเท่านั้น

 

การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะทำเพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน หากจะให้มีการยุบสภาอีกครั้งต้องใช้เหตุผลที่ไม่ซ้ำกับการการยุบสภาครั้งก่อน

 

เหตุผลของการยุบสภา ไม่ได้มีบัญญัติในกฎหมายใดชัดเจน ส่วนมากมักนำมาแก้ปัญหาทางการเมืองตามสถานการณ์ในขณะนั้น เช่น รัฐบาลลาออก, ความขัดแย้งในรัฐสภา, วิกฤตการณ์ทางการเมือง (รัฐประหาร) เป็นต้น

🔸คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. : Election Commissioner

เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่หลักเป็นผู้ควบคุม ออกระเบียบ ประกาศและจัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, สมาชิกวุฒิสภา, สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ความคิดเห็นอย่างเที่ยงตรงและยุติธรรม

 

ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีทั้งหมด 7 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา สำหรับวาระของกรรมการการเลือกตั้งแต่ละท่านให้ดำรงตำแหน่งเพียง 7 ปีนับแต่วันที่มีแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

ที่มา: สยามรัฐ

🔸สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. : Members Of The House Of Representatives

ในสภาผู้แทนราษฎร (The House f Representatives) จะประกอบด้วยสมาชิกส.ส.ทั้งหมด 500 คน โดยมาจากการเลือกตั้ง 2 แบบ คือ แบบแบ่งเขต จำนวน 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง จำนวน 100 คน สำหรับอายุการทำงานของส.ส. มีกำหนดคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง

 

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนของประชาชนที่ได้จากการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ออกกฎหมาย ตรวจสอบ และควบคุมการทำงานของรัฐบาล เช่น การให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ารับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี, การตั้งกระทู้ถาม และเปิดประชุมอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี โดยทำงานร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา

 

สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. มีดังต่อไปนี้

1.มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด

2.มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

3.เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพียงพรรคการเมืองเดียวติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง หากมีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลา 90 วันดังกล่าวจะลดลงเหลือ 30 วัน

4.ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะตรงตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้

  • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งนั้นไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
  • เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
  • เคยเรียนในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา
  • เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี

5. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อ 1-4 ด้วย แต่ลักษณะดังกล่าวในกรณีใดที่กำหนดถึงจังหวัด ให้หมายถึงกลุ่มจังหวัด

 

🔸สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หรือ ส.ส.เขต : Members Elected On A Constituency Basis

คือ ผู้สมัครส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสูงสุด จากการเลือกตั้ง 400 เขต พูดง่าย ๆ ใครที่ได้คะแนนสูงสุดในเขตเลือกตั้ง จะได้เป็น ส.ส.เขตนั้น

 

แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีผู้สมัครส.ส.จากแต่ละพรรคเพียง 1 คน โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส. หรือเลือกไม่ออกคะแนนเสียงก็ได้

 

ตัวอย่างการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต

สมมติว่าในกรุงเทพฯ เขตพระนคร มีผู้สมัคร ส.ส.เขต ทั้งหมด 5 คน ได้แก่

  • นางสาว A พรรค A เบอร์ 1
  • นาย B พรรค B เบอร์ 5
  • นาย C พรรค C เบอร์ 8
  • นางสาว D พรรค D เบอร์ 10
  • นาย E พรรค E เบอร์ 12

ประชาชนก็จะพิจารณา “คนที่ถูกใจ” แล้วกากบาท ❎ เลือกผู้สมัคร ส.ส. หมายเลขนั้น หากนาย B เบอร์ 5 ได้คะแนนมากที่สุด ก็จะได้เป็น ส.ส. เขตพระนคร ตามกฏหมายเลือกตั้งแบบแบ่งเขต

ที่มา: www.thaipbs.or.th/Election66

🔸สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ หรือ แบบปาร์ตี้ลิสต์ : Party Lists

คือ ส.ส. ที่ได้จากการคำนวนด้วยสูตร “ระบบคู่ขนาน” (Parallel System) เป็นการนำคะแนนเสียงที่ได้ของแต่ละพรรคมาคำนวณด้วยสูตร "หาร 100" เพื่อจัดสรรที่นั่งในสภาของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ต่อไป

การจัดทำบัญชีรายชื่อ แต่ละพรรคการเมืองจะจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. บัญชีละ 100 คน ตามเงื่อนไข ดังนี้

  • รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม ชายหญิงเท่าเทียม
  • ผู้สมัครส.ส.ของแต่ละพรรคการเมืองต้องไม่ซ้ำกัน
  • ผู้สมัคร ส.ส.ต้องไม่ซ้ำกับรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

โดยส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

หากประชาชนจะเลือก “พรรคที่ชอบ” ก็ให้เลือกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคนั้นเพียง 1 คน เช่น

ถ้าเราชื่นชอบนาย A. พรรค A ก็ให้กากบาท ❎ ไปที่ช่องหมายเลขผู้สมัครนั้น

🔸การรณรงค์หาเสียง : Electoral, Electoral Campaign

 คำว่า หาเสียง หมายถึง แสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชน หรือสมาชิกของชุมชน เพื่อได้คะแนนโหวตในการเลือกตั้ง (สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ปี 2555)

เมื่อมีการเลือกตั้ง นักการเมืองและผู้สนับสนุนจะเริ่มทำแผนรณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้สมัครหรือพรรคการเมืองสามารถหาเสียงเลือกตั้งได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ 

  • แจก “ใบปลิว” หาเสียงเลือกตั้งในเขตชุมชน สถานที่ต่าง ๆ หรืองานพิธีการต่าง ๆ โดยเอกสารการหาเสียงเลือกตั้งสามารถมีรูปถ่าย หรือข้อความเกี่ยวกับตัวผู้สมัครได้
  • ใช้ “รถแห่” ในการหาเสียงเลือกตั้ง หรือจัดสถานที่ "เปิดเวทีปราศัย" เพื่อโฆษณาหาเสียง
  • ใช้ “เครื่องขยายเสียง” เพื่อช่วยในการหาเสียงเลือกตั้ง
  • ทำ “แผ่นป้าย” โฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีชื่อ, รูปถ่าย, หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร หรือรูปถ่ายที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร
  • จัดหาเสื้อผ้า สิ่งของ เลี้ยงอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้แก่บุคคลที่ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยต้องแจ้งรายชื่อและจำนวนบุคคลผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบด้วย
  • สามารถโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านทางเว็บไซต์, จดหมาย, สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้
  • สามารถทำเอกสารที่เป็นตัวอย่างการลงคะแนน โดยการกากบาท❌ในช่องลงคะแนนเลือกตั้งให้กับตนเองหรือผู้สมัครอื่นเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งได้ แต่เอกสารดังกล่าวต้องไม่มีขนาดลักษณะ หรือสีที่คล้ายกับบัตรเลือกตั้ง

 

ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพ จัดให้มีการอบรมผู้ช่วยในการหาเสียงเลือกตั้งให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งอย่างถูกต้อง และ “หลีกเลี่ยง” การใช้ นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร ที่มีชื่อเสียงในวงการวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อสารมวลชน สื่อโฆษณา มาช่วยหาเสียง

 

ข้อห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง มีดังต่อไปนี้

  • ห้ามแจกใบปลิวหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยวิธีการวางหรือโปรยในที่สาธารณะ
  • ห้ามใช้อำนาจสั่งการหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีสถานีอยู่ในสังกัด เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาหาเสียง ทั้งในแง่สนับสนุนหรือกล่าวร้ายผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
  • ห้ามมิให้ผู้สมัครโฆษณาหาเสียงในรายการของสถานี ยกเว้นสถานีนั้นจะรายงานข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวด้วยความเป็นกลาง
  • ห้ามซื้อหรือเช่าเวลาของรายการสถานีต่าง ๆ หรือใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อให้ได้ออกอากาศเพื่อโฆษณาหาเสียง

🔸ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง : Voter, Electorate, Elector 

หมายถึง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือลงคะแนนเสียงโดยชอบด้วยกฎหมาย โดย 1 คนจะเท่ากับ 1 เสียง

ในการเลือกตั้งสมาชิกสมาชิกผู้แทนราษฏร ประชาชนที่ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งได้ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • มีสัญชาติไทย แต่ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันเลือกตั้ง
  • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง

ใครบ้างที่ “ไม่มีสิทธ์เลือกตั้ง”

  • ภิกษุ, สามเณร, นักพรต, นักบวช 
  • ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
  • ต้องคุมขังโดยหมายศาลหรือมีคำสั่งตามกฎหมาย 
  • วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน หรือไม่สมประกอบ

 

จะเกิดอะไรขึ้น หากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง?

ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง และไม่ได้แจ้งเหตุผลไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุฯ แล้วแต่เหตุนั้นไม่สมควร ผู้นั้นจะเสียสิทธิ 5 ประการ ครั้งละ 2 ปี ดังต่อไปนี้

  • สิทธิในการยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.
  • หมดสิทธิ์ลงสมัครเกี่ยวกับการเมืองต่าง ๆ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, สมาชิกสภาท้องถิ่น, ผู้บริหารท้องถิ่น, สมาชิกวุฒิสภา ตลอดการสมัครรับเลือกกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
  • หมดสิทธิ์ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
  • หมดสิทธิ์ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น, เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น, ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น, ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น, ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • หากเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้เริ่มนับเวลาการจำกัดสิทธิ 2 ปีครั้งใหม่ โดยนับจากวันที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิครั้งล่าสุด

 

คำศัพท์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ยังมีให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ใน The Election Vocabulary (คลิก) พร้อมติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพรรคการเมืองและสาระน่ารู้ทุกมิติการเลือกตั้ง 2566 กับ Thai PBS ได้ทาง www.thaipbs.or.th/Election66

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐, thaipbs.or.th, ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#คำศัพท์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง, 
#การเลือกตั้ง66, 
#ส.ส.บัญชีรายชื่อมาจากไหน, 
#ส.ส.แบบแบ่งเขต, 
#กฎหมายการหาเสียงเลือกตั้ง, 
#ความหมายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร, 
#คำศัพท์ภาษาอังกฤษการเมืองและการเลือกตั้ง, 
#คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส., 
#คุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
ALTV CI
Interest Thing
Interest Thing
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#คำศัพท์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง, 
#การเลือกตั้ง66, 
#ส.ส.บัญชีรายชื่อมาจากไหน, 
#ส.ส.แบบแบ่งเขต, 
#กฎหมายการหาเสียงเลือกตั้ง, 
#ความหมายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร, 
#คำศัพท์ภาษาอังกฤษการเมืองและการเลือกตั้ง, 
#คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส., 
#คุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 
แชร์
ชอบ
ติดตามเรา