วันที่ 18 พฤษภาคมของทุกปี สภาพิพิธภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Council Of Museums : Icom) ได้กำหนดให้เป็น “วันพิพิธภัณฑ์สากล” (International Museum Day) เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้เห็นว่าพิพิธภัณฑ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการแลกเปลี่ยนทาง วัฒนธรรม การสร้างความเข้าใจร่วมกัน การสร้างความร่วมมือและก่อให้เกิดสันติภาพระหว่างประชาชน และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสัปดาห์แห่งวันพิพิธภัณฑ์สากล Altv จึงขอชวนทุกคนเปิดประสบการณ์ใหม่กับ “พิพิธภัณฑ์สุดแหวกแนว” ที่ทั้งเปิดโลกการเรียนรู้และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง
หลายคนมองว่า “การเงินและการลงทุน” เป็นเรื่องซับซ้อน ยากเกินจะเข้าใจ แต่สำหรับ พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน ทำให้เป็นทุกอย่าง “ง่าย” กว่าที่คิด เพราะที่นี่คือ “แหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนแห่งแรกของไทย” ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Interactive Self-Discovery Museum) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการวางแผนการเงินและต่อยอดการลงทุนได้อย่างลึกซึ้ง รวมทั้งเข้าใจระบบการทำงานของตลาดทุนไทยและความเป็นมาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตื่นตาตื่นใจกับพื้นที่การเรียนรู้ที่กว้างขวาง มีทั้งนิทรรศการถาวรและนิทรรศการชุดพิเศษ ภายในมีการตกแต่งสีสันสดใสสไตล์แนว Pop Art รูปแบบ Comic พบประติมากรรม Bull&Bear สัญลักษณ์สากล แทนภาวะขึ้น-ลงของตลาดหุ้น
จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์จะพาไปทำความไปรู้จักกับ Money Monster ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ตัวการที่คอยขัดขวางการเงินและการลงทุน และเต็มอิ่มกับการเรียนรู้ผ่าน Set Heroes ทั้ง 6 ผู้ช่วยที่จะคอยแนะนำเรื่องการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ตัวแทนผู้ลงทุนยุคใหม่
ไฮไลท์เด็ด ๆ ที่ไม่ควรพลาด
เครดิตภาพ : Blog เที่ยวทั้งบ้าน
Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET Thailand ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเงินและการลงทุน ภายใต้แนวคิดสร้างแรงบันดาลใจสู่การลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Inspire to Invest for Sustainability) ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ เยาวชนไทยและบุคคลทั่วไป ให้มีความสนใจในเรื่องการวางแผนทางการเงิน และเกิดแรงบันดาลใจที่จะเริ่มต้นลงทุน ตลอดจนเข้าใจถึงความสำคัญของตลาดหุ้นและบทบาทหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
🏡ที่ตั้ง Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ลงทุน
ชั้นใต้ดิน อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ. รัชดาภิเษก
🕒เวลาทำการ : ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์)
🪙อัตราค่าเข้าชม บุคคลทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ราคา 100 บาท/ เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ เช้าชมฟรี
📞สอบถามเพิ่มเติม : โทร 0-2009-9000 ต่อ 3566
📍พิกัด Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ลงทุน (คลิก)
💡เกร็ดน่ารู้ : เคล็ดลับสำหรับนักลงทุนมือใหม่
ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางการลงทุน แนะนำให้สำรวจความพร้อมเพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะกับจริตตัวเอง และเข้าใกล้เป้าหมายทางการเงินที่วาดฝัน ด้วยทริคง่าย ๆ ดังนี้
1.สำรวจตัวเอง ลองถามตัวเองว่าเป้าหมายการลงทุนคืออะไร? ต้องการใช้เงินมากน้อยแค่ไหน? และต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่? จากนั้นพิจารณา “เงื่อนไขการลงทุน” ว่าเราชอบ สนใจ หรือถนัด สินทรัพย์ประเภทใด และยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน?
2.สำรวจเส้นทางลงทุน ในโลกของการลงทุนไม่ได้มีเพียงการฝากเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีตัวเลือกอื่นมากมาย หลัก ๆ ก็มี 6 ประเภท ได้แก่ หุ้น, กองทุนรวม, ตราสารอนุพันธ์, กองทุนรวมดัชนี และตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่งผู้ลงทุนมือใหม่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อน
3.วิเคราะห์สิ่งที่มีผลต่อการลงทุน ดูภาพรวมเศรษฐกิจว่าปัจจุบันเป็นอย่างไรและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตหรือไม่ ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินเชิงบวกหรือลบอย่างไร เพื่อค้นหาสินทรัพย์ที่น่าสนใจมาลงทุน และวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของทรัพย์สินนั้น ๆ
4.สร้างพอร์ตและทำคัมภีร์การลงทุน สร้างพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง จัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสม ดูว่าควรกระจายความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และจดบันทึกเพื่อใช้เป็นกรอบในการตัดสินใจลงทุน
5.ลงมือทำตามแผน เปิดบัญชีเพื่อใช้ในการซื้อหรือขาย กรณีลงทุนหุ้นตราสารหนี้ หรืออนุพันธ์ ต้องเปิดบัญชีกับ “โบรกเกอร์” ส่วนการลงทุนในกองทุนรวม ครั้งแรกต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง หรือตัวแทนขายของ บลจ.
เครดิตภาพ : Batcat Museum & Toys Thailand
ของเล่น ไม่เคยจำกัดเพศ วัย หรือว่ายุคสมัย ใครที่ชื่นชอบซุปเปอร์ฮีโรและตัวการ์ตูนต้องไม่พลาด พิพิธภัณฑ์ของเล่น Batcat Museum & Toys Thailand เป็นแน่ เพราะที่นี่ได้รวบรวมของเล่นของสะสม มีหุ่นจำลองจากภาพยนตร์แอ็กชัน เหล่าตัวการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรและอานิเมะ ทั้งตัว Top และหายาก เอาไว้มากที่สุด เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ เสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ยังมีของเล่นยุคเก่าที่จะชวนผู้ชมย้อนรอยในความทรงจำวัยเด็ก รวมทั้งสิ้นกว่า 60,000 ชิ้น
ด้านในมีจัดแสดงของเล่นที่แบ่งตามยุคสมัย เริ่มจาก “ของเล่นวินเทจ” ที่ผลิตในยุค 60 ไล่เรียงจนถึงของเล่นยุคใหม่ในปัจจุบัน มีการตกแต่งพื้นที่เพื่อสื่อถึงตัวละครต่าง ๆ ทั้งหุ่นจำลองขนาดใหญ่ วอลเปเปอร์ลายการ์ตูน และสิ่งของประดับตกแต่ง โดยเฉพาะตัวการ์ตูนจากเรื่อง Batman ในหลากหลายเวอร์ชัน ซึ่งถือเป็นหัวใจของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
เครดิตภาพ : Batcat Museum & Toys Thailand
สำหรับ ไอเทมชิ้นเด็ด ที่ถือว่า “หายากมากที่สุด” ในพิพิธภัณฑ์ของเล่นแห่งนี้ ได้แก่
นอกเหนือจากการเที่ยวชมของเล่น ที่นี่ยังมี “มุมคาเฟ่” สำหรับผู้มาเยือนได้พักผ่อน มีเครื่องดื่มและจุดถ่ายรูปมากมาย พร้อมของที่ระลึกเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโรให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เครดิตภาพ : Batcat Museum & Toys Thailand
พิพิธภัณฑ์ของเล่น Batcat Museum & Toys Thailand เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของเล่นจำนวนมาก ทั้งจากทางฝั่งยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยมาจากการสะสมคอลเล็กชันตัวการ์ตูนต่าง ๆ ของคุณสมชาย นิติมงคลชัย (คุณแดง) และต้องการนำมาแบ่งปันให้คนทั่วไปได้ชม
🏡ที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์ของเล่น Batcat Museum & Toys Thailand
ซอยรามคำแหง 14 หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพฯ
🕒เวลาทำการ : วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 10.00 - 17.00 น. ค่าเข้าบริการ บัตรผู้ใหญ่ 100 บาท/ บัตรเด็ก 50 บาท
📞สอบถามเพิ่มเติม : โทร 081- 018 - 3200
📍พิกัด พิพิธภัณฑ์ของเล่น Batcat Museum & Toys Thailand (คลิก)
💡เกร็ดน่ารู้ : ของเล่นที่แพงที่สุดในโลก
คือ ปราสาทบ้านตุ๊กตา Astolat มีมูลค่าสูงถึง 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 272 ล้านบาท เนื่องจากเป็นชิ้นงานที่ละเอียด ศูนย์รวมงานศิลปะ วิศวกรรม และสถาปัตยกรรมชั้นยอด ซึ่งมีทั้งการแกะสลัก การออกแบบโครงสร้างและกลไกลที่ซับซ้อน ภายในมีเครื่องเรือนหรูหรา พร้อมเตาผิงที่ใช้งานได้ แผงกระจกสี และของจิ๋วทำมือ 10,000 ชิ้น
เครดิตภาพ : www.bloomberg.com
มีห้องพัก 29 ประกอบด้วยห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำ, ห้องครัว, ห้องเก็บไวน์, ห้องใต้ดิน, โถงทางเดิน, บันได, ห้องแกรนด์บอลรูม, ห้องดนตรี, ห้องสมุด และห้องพิธีการ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบาร์เครื่องดื่ม, ขวดเหล้าขนาดจิ๋ว และชั้นบนสุดเป็นหอคอยพ่อมดสูงที่ตระหง่าน โดยแต่ละห้องจะตกแต่งด้งเฟอร์นิเจอร์, โต๊ะ, เก้าอี้ และงานศิลปะ ด้วยวัสดุเฉพาะที่มีราคาแพง รวมถึง การจัดแสง ที่ช่วยเพิ่มมิติและความหรูหรา ทั้งภายในและภายนอกปราสาท
แรงบันดาลใจในการสร้าง ปราสาทบ้านตุ๊กตา Astolat มาจากบทกวีของ Alfred Tennyson ประพันธ์ขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1974-1987 โดย Elaine Diehl นักประดิษฐ์จิ๋วระดับปรมาจารย์ โดยได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากช่างฝีมือทั่วโลก
ปัจจุบันปราสาทบ้านตุ๊กตา Astolat ถูกซื้อโดยนักสะสมนามว่า L. Freeman ในปี 1996 มีการจัดแสดงสู่สายตาสาธารณชนมากมายตามพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญ เพื่อระดมทุนให้แก่องค์กรการกุคลสำหรับเด็ก
พิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ล้วนจัดแสดงของดี ของแท้ เชิดหน้าชูตา แต่ที่นี่เป็นศูนย์รวมสินค้าปลอมและสินค้าเลียนไว้มากที่สุดในประเทศ ซึ่ง พิพิธภัณฑ์สินค้าปลอมและสินค้าเลียน แบบติลลีกี แอนด์ กิบบินส์ แห่งนี้ เรียงรายไปด้วยสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น แชมพู ยาสระผม เครื่องสำอาง น้ำหอม ขนม ซีดีเพลง รวมทั้งให้ความรู้เรื่องสินค้าปลอมและเลียนแบบ เพื่อให้สังคมได้เห็นคุณค่าของทรัพย์สินทางปัญญา และความเสียหายจากการใช้สินค้นปลอมและเลียนแบบ
วัตถุประสงค์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ไม่เพียงเป็นแหล่งความรู้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นกรณีศึกษาให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีความ เช่น ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา รวมถึงเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อให้ “แยกแยะ” ได้ว่าสินค้าใดเป็นของจริง สินค้าใดเป็นของปลอมหรือทำเลียนแบบ และมีความผิดทางกฎหมายข้อใดบ้าง
สินค้าที่นำออกมาจัดแสดง ส่วนมากได้มาจากการดำเนินคดี เริ่มจากสินค้าเพียงไม่กี่ประเภท จาก 20 ชิ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีสินค้าปลอมและเลียนแบบสะสมไว้มากกว่า 4,000 รายการ มีทั้งละเมิดเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ โดยจะนำสินค้าของแท้และของเทียมมาจัดวางคู่กัน เพื่อเปรียบเทียบให้เป็นความแตกต่าง
ตัวอย่างประเภทสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่มีการจัดแสดงหมุนเวียนกันไปมากกว่า 14 ประเภท เช่น
พิพิธภัณฑ์สินค้าปลอมและสินค้าเลียน แบบติลลีกี แอนด์ กิบบินส์ ตั้งขึ้นปี พ.ศ. 2532 เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานกฏหมาย เหตุผลที่จัดตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมาก็เพื่อรวบรวมสินค้าที่มาจากการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ระหว่างทนาย ประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
🏡ที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์สินค้าปลอมและสินค้าเลียน แบบติลลีกี แอนด์ กิบบินส์
อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ชั้น 20 - 26 เลขที่ 1011 ถ.พระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
🕒เวลาทำการ : ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ย์ เวลา 10.00 - 17.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อล่วงหน้าก่อนเข้าชม หรือทำจดหมายขออนุญาตอย่างน้อย 1 สัปดาห์
📞สอบถามเพิ่มเติม : โทร 0 2263 7700 ต่อ 523
📍พิกัด พิพิธภัณฑ์สินค้าปลอมและสินค้าเลียน (คลิก)
💡เกร็ดน่ารู้ : ของปลอม VS ของเลียนแบบ ต่างกันอย่างไร? ดูอย่างไรให้รู้ว่าแท้
เลือกอย่างไรให้ชัวร์! ก่อนซื้อสินค้า
สำนักงานทนายความของบริษัทติลลีกี แอนด์กิบบินส์ฯ มีข้อแนะนำดี ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าที่เป็นของแท้และมีคุณภาพ ด้วยหลักเกณฑ์ง่าย ๆ 3 P คือ
P1 = Product/ Package คือ การเลือกจากคุณภาพของตัวสินค้า สังเกตุหีบห่อบรรจุภัณฑ์และวัสดุที่ใช้
P2 = Place คือ สถานที่จำหน่าย ให้สังเกตดูว่าสินค้าดังกล่าวเหมาะที่จะขายตามตลาดทั่วไปหรือไม่ เช่น สินค้าแบรนด์เนมควรมีจำหน่ายเฉพาะในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น หากมีขายตามตลาดก็อาจเสี่ยงเป็นของปลอม
P3 = Price คือ ราคาสินค้า บางครั้งสินค้าที่ “ราคาถูกกว่า” อาจไม่ใช่ของแท้เสมอไป ควรเลือกซื้อสินค้าจากตัวแทนที่น่าเชื่อถือและเปรียบเทียบที่ความคุ้มค่าจะดีกว่า
เครดิตภาพ : ศูนย์มานุษยวิทยาศิรินธร
ไม่น่าเชื่อว่าในกรุงเทพฯ จะมีพิพิธภัณฑ์สุดแปลกแหวกแนวแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวม “ถุงยางอนามัย” แบบต่าง ๆ จากหลายยี่ห้อ ทั้งที่ขายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ถุงยางอนามัยในยุคแรกคนไทยที่รู้จัก ในนาม “ถุงยางอนามัยมีชัยสายรุ้ง” มีการจัดแสดงวิวัฒนาการของถุงยางอนามัย ตั้งแต่รูปลักษณ์สีสัน การแต่งกลิ่น รูปแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีแค่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายเท่านั้น ถุงอนามัยของผู้หญิงก็มีให้ได้ชมอีกด้วย
เครดิตภาพ : ศูนย์มานุษยวิทยาศิรินธร
ความสนุกไม่ได้อยู่แค่นั้น ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการสาธิตทดสอบ “ความทนทาน” ของถุงยางอนามัยว่าจะทนต่อแรงอัดและยืดหยุ่นมากแค่ไหน ด้วยเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง โดยจะอัดลมเข้าไปในถุงยางให้ได้มากที่สุดจนระเบิด จากนั้นก็วัดค่าจากเสียงแตก แล้วนำมาคำนวณคุณภาพถุงยางอนามัย
นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำดี ๆ ถึงวิธีการเลือกซื้อถุงยางที่ถูกต้อง ทั้งการเลือกขนาด วิธีใช้ และการเลือกใช้สารหล่อลื่นเฉพาะที่เหมาะกับถุงยาง เพื่อให้มั่นใจว่าได้ว่าถุงยางอนามัยที่เลือกซื้อ ได้ผ่านการทดสอบคุณภาพภายใต้มาตรฐานสาธารณสุข
เครดิตภาพ : ศูนย์มานุษยวิทยาศิรินธร
พิพิธภัณฑ์ถุงยางอนามัย เดิมเคยเป็น “ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพถุงยางอนามัย” ก่อนนำออกขายสู่ท้องตลาด ซึ่งมีการทดสอบทั้งของนำเข้าและที่ผลิตในไทย และเก็บตัวอย่างถุงยางไว้มากมายเพื่อศึกษา ต่อมา “กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข” เล็งเห็นว่าควรนำมาเป็นแหล่งความรู้ให้ประชาชนทั่วไป จึงเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ถุงยางอนามัย อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 โดย ดร.พรรณสิริ กุลนาถสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น วัตถุประสงค์ก็เพื่อต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของถุงยางอนามัย ที่ผลิตขึ่นมาเพื่อการคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างโรคเอดส์, หนองใน, เริม และซิฟิลิส (Syphilis) เป็นต้น
🏡ที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์ถุงยางอนามัย
สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชั้น 8 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี
🕒เวลาทำการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 16.30 น.(หยุดวันนักขัตฤกษ์) ติดต่อล่วงหน้าก่อนเข้าชม
📞สอบถามเพิ่มเติม : โทร. 02 - 589 - 0022
📍พิกัด พิพิธภัณฑ์ถุงยางอนามัย (คลิก)
💡เกร็ดน่ารู้ : ❌ข้อควรเลี่ยง ในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย
เครดิตภาพ : เพจพิพิธภัณฑ์ศิริราช
1 ใน 7 พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของ "พิพิธภัณฑ์ศิริราช" แหล่งความรู้และค้นคว้าเกี่ยวกับงานทางนิติเวชศาสตร์ มีการรวบรวมวัตถุพยานจากคดีต่าง ๆ ที่สิ้นสุดแล้ว เช่น คดีฆาตรกรรม, การฆ่าตัวตาย, อุบัติเหตุ หลักฐานจากศพในคดีต่าง ๆ เช่น ดีเอ็นเอ, ลักษณะบาดแผลอาวุธ, รวมถึงจำลองเหตุการณ์ที่แพทย์ศิริราชช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากภัยพิบัติสึนามิในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2547
พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ ก่อตั้งเป็นครั้งแรกโดย ศ. นพ.สงกรานต์นิยมเสน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง โดยรวบรวมวัตถุพยานจากคดีที่สิ้นสุดแล้วจำนวนมาก มาจัดแสดงเพื่อให้เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้แก่นักเรียน นักศึกษาแพทย์และประชาชนทั่วไป ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงโซนที่น่าสนใจ ทั้งหมด 5 โซน ได้แก่
เครดิตภาพ : หนังสือ 120 ปีชิ้นเอกของศิริราช
🏡ที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน
ชั้น 2 ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช ถ.พรานนก แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
🕒เวลาทำการ : จันทร์,พุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00 - 17.00 น. (ปิดจำหน่ายตั๋วเวลา 16.00 น.) ปิดทำการวันอังคารเเละวันหยุดนักขัตฤกษ์
📍พิกัด พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน (คลิก)
💡เกร็ดน่ารู้ : อยากเป็นหมอนิติเวชต้องเรียนอะไร?
หน้าที่สำคัญของงานนิติเวชศาสตร์ ใช้ในการหาสาเหตุการตายผิดธรรมชาติ เช่น ฆ่าตัวตาย, อุบัติเหตุ, ฆาตรกรรม รวมทั้งการตายแบบธรรมชาติทั่วไป โดย “หมอนิติเวช” จะทำงานร่วมกับ “นักนิติวิทยาศาสตร์” เพื่อหาความจริงจากหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น อาวุธและกระสุนปืน, ตรวจหาสารพิษ, สารเสพติด, แอลกอฮอล์ ตลอดจนการตรวจ DNA จากลายพิมพ์นิ้วมือ และการตรวจทางทันตกรรมเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และอาจต้องผ่าชันสูตรศพหาหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนการตาย ตลอดจนหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องสงสัย ซึ่งจะนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป
สำหรับ “นิติเวชศาสตร์ในประเทศไทย” เปิดสอนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2456 ในหลักสูตรแพทย์ประกาศนียบัตรของโรงเรียนแพทย์แห่งแรกของประเทศไทย ชื่อ "ราชแพทยาลัย" หรือคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน
นิติเวช เป็นวิชาบังคับตามหลักสูตร หลักสูตรแพทย์ศาสตร์บัณฑิต ใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 9 ปี ในการฝึกอบรมแพทย์เพื่อวุฒิบัตร แสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขานิติเวชศาสตร์ของแพทยสภา (จบ
พ.บ.ได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมอย่างน้อย 3 ปี) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน “นิติเวชศาสตร์เฉพาะทาง” ได้แก่
นอกจากนี้ นิติเวชยังเป็นวิชาเลือกใน “คณะนิติศาสตร์” ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือ 120 ปีชิ้นเอกของศิริราช, ศูนย์มานุษยวิทยาศิรินธร, www.museumthailand.com, สารคดี ของดีประเทศไทย, museumsiam.org, Batcat Museum & Toys Thailand