หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร เขตทุ่งครุ-บางขุนเทียน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเพื่อนตัวน้อยอย่าง “นาก” ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติมาตั้งแต่ครั้งที่กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ปัจจุบันนากไม่ใช่สัตว์พบเห็นได้ง่ายนัก เนื่องจากจำนวนประชากรที่ลดลงจากการถูกรุกล้ำถิ่นที่อยู่และถูกล่า และอยู่ในสถานะเกือบใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีแดง ของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List of Threatened Species) ไม่อนุญาตให้ล่า ครอบครอง หรือเพาะเลี้ยงเพื่อการค้า
นาก เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนใหญ่พบได้ในพื้นที่ชุ่มน้ำหรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ รวมทั้งพื้นที่ป่าชายเลน มักอาศัยรวมกันเป็นฝูง มีนิสัยขี้เล่นซุกซน ฉลาด เคลื่อนที่ว่องไวในน้ำ ทำให้มันเป็นหนึ่งในสัตว์ผู้ล่าอันดับบนสุดของห่วงโซ่อาหาร และถึงแม้ว่าหน้าตาจะน่ารักและมีนิสัยขี้อ้อน แต่นากยังเป็นสัตว์ที่ชอบใช้ความรุนแรง เมื่อหงุดหงิดจะเข้าจู่โจมสัตว์หรือมนุษย์ก่อน และบางสายพันธ์ุก็มีนิสัยก้าวร้าวมาก
ปัจจุบันนากถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์ุ จัดอยู่ในสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และมีสถานะจัดอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาไซเตส ห้ามเลี้ยงหรือมีไว้ครอบครอง เพราะฉะนั้นหากโชคดีพบเห็นนากโดยบังเอิญ ควรชื่นชมความน่ารักของน้องอย่างห่าง ๆ จะปลอดภัยกับตัวเรามากกว่า
🔹รู้จักตัวนากให้มากขึ้น ในรายการ Have a newsday ตอน นากศึกษา คลิก
นกกาเหว่า (Koel) หรืออีกชื่อหนึ่ง “นกดุเหว่า” เป็นนกชนิดหนึ่งในวงศ์นกคัคคู (Cuculidae) จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ซึ่งยังคงสามารถพบเห็นได้ในเขตเมือง ตามพื้นที่สวนหรือป่าโปร่งทั่วทุกภาคของไทย
ลักษณะทั่วไปของนกกาเหว่ามีความคล้ายคลึงกับอีกา คือมีลำตัวเพรียวยาว หางยาว ตาสีแดง ตัวผู้จะมีขนสีดำ ส่วนตัวเมียมีขนสีน้ำตาลเข้มและจุดขาวทั่วตัว ในช่วงเช้ามืด-ใกล้ค่ำ ตัวผู้มักส่งเสียงร้องดังกังวาลคล้ายกับคำว่า “กา…เหว่า” ซึ่งภายหลังก็กลายมาเป็นชื่อเรียกของพวกมันนั่นเอง
โดยทั่วไปนดนกกาเหว่ามีนิสัยดุ และขึ้นชื่อว่าเป็น “นกปรสิต” นกกาเหว่าตัวเมียมีพฤติกรรมชอบฝากไข่ให้นกชนิดอื่นฟักแทน เช่น อีกา นกเอี้ยง นกอีเสือหัวดำ แต่ถึงแม้ว่านกกาเหว่าจะไม่ใช่แม่นกที่ดีนัก แต่พวกมันขึ้นชื่อในเรื่องการจับแมลงและหนอนผีเสื้อที่เป็นศัตรูพืชได้ดี ทำให้พวกมันได้ชื่อว่าเป็นนกผู้พิทักษ์ป่าไม้เช่นเดียวกัน
นกตีทอง (Coppersmith Barbet) เจ้าของเสียงร้อง “ต๊ง…ต๊ง” อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นนกที่จัดอยู่ในวงศ์นกโพระดก สามารถพบเห็นได้ทั่วทุกภาคของไทยโดยเฉพาะในเขตเมือง อาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง พื้นที่เกษตรกรรม หรือสวนสาธารณะใกล้แหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ มักทำรังอยู่ตามโพรงไม้ที่ตายแล้ว เพราะสามารถขุดเจาะทำโพรงได้ง่าย
นกตีทองเป็นนกขนาดเล็ก มีลำตัวยาวเพียง 16-17 ซม. มีสีสันสดใสสะดุดตา ด้านบนลำตัวมีสีเขียว หน้าอกมีแถบสีแดงเช่นเดียวกับบริเวณหน้าผาก และมักส่งเสียงร้องว่า “ต๊ง ต๊ง” คล้ายเสียงการใช้ค้อนเหล็กตีเข้ากับทองคำ ภายหลังจึงเป็นที่มาของชื่อนกตีทองนั่นเอง
สำหรับในประเทศไทย “นกตีทอง” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 หากใครพบเห็นจึง ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ห้ามครอบครอง รวมถึงห้ามเพาะพันธุ์ด้วย
🔹รู้จักกับ “นกตีทอง” ให้มากขึ้นที่รายการ Nature Spy สายลับธรรมชาติ ตอน นกตีทองร้อง ต๊ง…ต๊ง คลิก
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักกับ “ตัวเงินตัวทอง” (Varanus salvator) หรือที่เรียกแบบบ้าน ๆ ว่า “ตัวเหี้ย” สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาขนาดใหญ่ มักอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำลำคลอง ป่าชายเลน ป่าดิบชื้น ปัจจุบันยังเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามพื้นที่รกชื้นในเขตเมือง
ลักษณะทั่วไปของตัวเงินตัวทอง มีลำตัวสีดำหรือสีน้ำตาลเข้มและลายดอกสีเหลืองทั่วตัว ขนาดตัวยาวตั้งแต่ 2.5 – 3 เมตร มีลิ้นสองแฉกเพื่อรับกลิ่นเหมือนงู พวกมันเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถว่ายน้ำ/ ดำน้ำได้คล่องแคล่ว และมีเล็บยาวที่ช่วยให้ปีนต้นไม้ได้
นิสัยตามธรรมชาติ ไม่ใช่สัตว์ที่จู่โจมสัตว์อื่น ค่อนข้างรักสันโดษ แต่ในช่วงฤดูผสมพันธ์ุจะดุ และหวงอาณาเขต วิ่งไล่กัดคนได้ ตามความเชื่อโบราณของไทยตัวเงินตัวทองถือเป็นสัตว์อัปมงคล นำมาซึ่งโชคร้ายกลายมาเป็นคำด่า แต่หากควบคุมประชากร ส่งผลดีต่อระบบริเวศ เพราะเป็นนักกำจัดซากสัตว์ ไข่งูพิษไข่จระเข้ และเศษอาหารที่ถูกทิ้งลงในแม่น้ำลำคลอง
ตัวเงินตัวทองเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามล่า เลี้ยง ซื้อขาย หรือครอบครอง หากต้องการเพาะเลี้ยงจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชก่อนเท่านั้น
ทำความรู้จัก “ตัวเงินตัวทอง” ให้มากขึ้น ได้ที่รายการ สัตว์ป่วนเมือง ตอน เหี้ย นักกำจัดซาก "ตัวซวย" คลิก
ที่มา