ท่ามกลางกระแสสังคมที่สนับสนุนให้ผู้หญิงมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง เทรนด์ไลฟ์สไตล์แบบ ‘Girlboss’ หรือ ‘แนวคิดแบบหญิงแกร่ง’ ก็ได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของผู้หญิงยุคใหม่ในระยะหนึ่ง เห็นได้จากคอนเทนต์ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ที่พยายามส่งเสริมความเป็นผู้นำให้กับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงต้องสวย เก่ง ทะเยอะทะยานสูง และมีความเป็นผู้นำไม่ต่างจากผู้ชาย
แน่นอนว่าความสวย เก่ง เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันถึงและไม่ใช่เรื่องผิด แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงบางกลุ่มมองว่าแนวคิดแบบ “Girlboss” เป็นเพียงถ้อยคำขายฝัน ที่ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ในแง่บวกให้กับผู้หญิงจริง ๆ อีกทั้งไม่ใช่ตัวการันตีความสำเร็จทั้งหมดในชีวิต ทำให้ศัพท์ใหม่อย่าง “Snail Girl Era” หรือ "ยุคสาวหอยทาก" ถือกำเนิดขึ้น นิยามถึงผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ปฏิเสธการอุทิศชีวิตให้กับงาน เน้นให้ความสำคัญไปที่การดูแลตัวเองและ Work-Life Balance
ไอเดียนี้ดึงดูดหญิงสาวยุคใหม่จำนวนไม่น้อย เห็นได้จากยอดการค้นหา “The Snail Girl” ที่ยอดเข้าชม กว่า 3 หมื่น ครั้งบนแฟลตฟอร์ม TikTok
‘Snail Girl Era’ ไม่ใช่ศัพท์ใหม่แต่ถูกพูดถึงมาแล้วตั้งแต่ ปี 2013 โดยผู้จุดกระแส คือ เซียนนา ลัดบีย์ (Sienna Ludbey) ดีไซน์เนอร์และเจ้าของแบรนด์เครื่องประดับทำมือชาวออสเตรเลีย เธอเผยแพร่แนวคิดนี้ลงในเว็บไซต์ Fashion Journal ในบทความที่ชื่อว่า "Snail girl era': Why I'm slowing down and choosing to be happy rather than busy" (ยุคสาวหอยทาก: ทำไมฉันถึงเลือกที่จะช้าลงและเลือกความสุขมากกว่าชีวิตที่ยุ่ง)
ลัดบีย์ กล่าวในบทความว่า เธอเคยเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Girlboss เธออุทิศเวลาทั้งหมดในชีวิตไปกับการทำแบรนด์เครื่องประดับในตลอดระยะเวลา 5 ปี เธอมักคิดถึงแต่เรื่องงานตลอดเวลาแม้ไม่ใช่เวลางาน
จนกระทั่ง การล็อกดาวน์ครั้งใหญ่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ลัดบีย์ประสบกับภาวะหมดไฟอย่างรุนแรงจากความเครียดและความรู้สึกกดดันอย่างต่อเนื่อง เธอเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการคิดของเธอ และเริ่มตระหนักได้ว่าความสุขไม่ได้เชื่อมโยงกับการประสบความสำเร็จเสมอไป ซึ่งเป็นจุดที่เธอลองใช้ช้ชีวิตช้าลง เมตตาตัวเองมากขึ้น โดยเธอนิยามไลฟ์สไตล์นี้ว่า “ยุคสาวหอยทาก” ไม่เชื่อเรื่องการทำงานหนักเกินไปจนลืมใช้ชีวิต และเริ่มให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของตัวเองมากขึ้น
“สาวหอยทากยังคงมีความทะเยอทะยาน และเดินตามเป้าหมาย แต่เป็นการ "เดินตามเส้นทางด้วยความเร็วของตัวเอง" ไม่แข่งขันกับใคร และไม่ยอมเอาสุขภาพกายใจ และความสุขของตัวเองไปแลกกับความสำเร็จ ลัดบีย์กล่าว”
มิเชลล์ คิง (Michelle King) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายความหลากหลายและความเสมอภาคของ Netflix ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Insider เกี่ยวกับเทรนด์สาวหอยทากไว้ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพนักงานยุคใหม่เริ่มเบื่อหน่ายกับวัฒนธรรมการทำงานแบบ "เร่งรีบ" (Hustle Culture) หรือ "สภาพแวดล้อมที่ทำงานเป็นพิษ” (Toxic Workplace) ที่บีบให้พนักงานต้องทำงานล่วงเวลา โหมงานหนักเกินความจำเป็น ต้องมีงานหลัก งานรอง และก้มหน้าทนกับระบบการทำงานที่ไม่ดี จนเสียสุขภาพ
ตลอดจนเป็นการต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานแบบ "Girlboss" ที่บอกให้ผู้หญิงต้องดิ้นรนมากกว่าเดิม เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับหรือตำแหน่งงานที่สูงขึ้น โดยมองข้ามถึงปัญหาระดับโครงสร้าง อย่างความเหลื่อมล้ำทางเพศในที่ทำงาน ค่าจ้างที่ไม่เท่าเทียม และการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ แนวคิด “Snail Girl” ไม่ได้บอกให้ทุกคนละทิ้งเป้าหมาย หรือหันมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ตลอดเวลา แต่เป็นการหันมาให้ความสำคัญกับตัวเองมากว่าการวิ่งไล่ตามความสำเร็จไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่า ‘ความสุขที่แท้จริงของเราคืออะไร’
รับชมสาระความรู้ที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การจัดการสภาวะหมดไฟ และเคล็ดลับผ่อนคลายจิตใจที่ช่วยให้เลิกกดดัวเอง ได้ที่ รายการ คู่ที่ปรึกษา ตอน เปลี่ยน Mind set แก้โจทย์หมด Passion คลิก
ขอบคุณที่มา : Fashion Journal , Bussiness insider , The Economic Times
โลกของการเรียนรู้ยังไม่จบเพียงเท่านี้! ติดตามสาระน่ารู้ ALTV ได้ตามช่องทางเหล่านี้
◾ ALTV ช่อง 4 ทีวีเรียนสนุก
◾Website : www.ALTV.tv
◾Facebook : www.facebook.com/ALTV4
◾X : https://x.com/ThaiPBSAL
◾ Tiktok.com/@ThaiPBSAL
◾ เพิ่มเพื่อนทาง LINE : www.ALTV.tv/AddLINE