เคยสงสัยไหม? ว่าทำไมเพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนร่วมงานบางคน ดูเรียนอะไรก็เก่ง ทำงานอะไรก็คล่อง คำตอบอาจไม่ใช่ว่าพวกเขาเก่งกว่าโดยธรรมชาติ แต่เป็นเพราะพวกเขาอาจมีเทคนิคบางอย่าง ที่ช่วยให้การเรียนรู้และทำงานง่ายมากขึ้น ในวันนี้ ALTV ได้นำ 5 เทคนิคการเรียนรู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่าช่วยพัฒนาการเรียนหรือการทำงานให้ดีขึ้นได้ 

“Pomodoro Technique” เพิ่มสมาธิด้วยเทคนิคการจับเวลา

สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาอ่านหนังสือหรือจดจ่ออยู่กับงานนาน ๆ ไม่ได้ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ โพโมโดโร (Pomodoro Technique) เทคนิคบริหารเวลาที่จะช่วยให้คุณจดจ่อกับสิ่งตรงหน้านานขึ้น และสามารถทำงานให้เสร็จลุล่วงทันเดดไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคที่คิดค้นขึ้นโดย Francesco Cirillo นักพัฒนาซอฟแวร์ และนักเขียนชาวอิตาลี ซึ่งเขาเคยทำการทดลองเทคนิคนี้ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งในปัจจุบันกลายเป็นเทคนิคการบริหารที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง 

หลักการของ Pomodoro คือการแบ่งช่วงเวลาทำงานออกเป็นกะสั้น ๆ สลับกับช่วงเวลาพักผ่อนสั้น ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ให้ครบทั้งหมด 4 รอบ หรือจนกว่างานจะเสร็จ เช่น ทำงาน 25 นาที และพักเบรคทุก 5-10 นาที ซึ่งในช่วงการทำงานต้องพยายามจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าให้มากที่สุด พยายามไม่พูดคุยหรือเล่นโซเชียลจนกว่าจะถึงช่วงเวลาพัก วิธีนี้นอกจากช่วยเพิ่มสมาธิ ยังช่วยให้สมอไม่ล้าจนเกินไปอีกด้วย  

หลักการของ Pomodoro มีดังนี้ 

• กำหนดสิ่งที่ต้องให้เสร็จ  
• เตรียมนาฬิกาจับเวลา และตั้งเวลา 25 นาที และทำสิ่งที่ต้องทำจนกว่านาฬิกาจะดัง 
• พัก 5 นาที ขยับร่างกายหรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นการผ่อนคลาย 
• ทำซ้ำขั้นตอน 2 - 3 อย่างต่อเนื่องจนกว่างานจะเสร็จ 
• หลังจากทำ Pomodoro ครบ 4 รอบ ให้พักผ่อน 15 - 30 นาที 

SQ3R Method “อ่านอะไรก็เข้าใจจำได้แม่น” 

SQ3R Method เป็นเทคนิคการอ่านรูปแบบหนึ่ง พัฒนาขึ้นโดย Francis P. Robinson นักจิตวิทยาชาวสหรัฐอเมริกา โดยคำว่า SQ3R เกิดจากการรวมกันของอักษรตัวหน้าในแต่ละลำดับขั้นตอน ได้แก่ คำว่า Survey (สำรวจ), Question (ตั้งคำถาม), Read (อ่าน), Recall (สรุปความ) และ Review (ทบทวน) วิธีการอ่านแบบ SQ3R เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลกว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาและช่วยจดจำเนื้อหาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาใช้ทั้งกับการเรียนการทำงาน การอบรมสัมมนา การเรียนรู้บนสื่อออนไลน์ได้อีกด้วย 

หลักการของ SQ3R มีดังนี้  

• Survey (สำรวจ): อ่านหัวข้อ บทนำ บทคัดย่อ สารบัญของหนังสือ หรือทำความเข้าใจรายละเอียดงานคร่าว ๆ เพื่อให้เข้าใจถึงกรอบความคิด 
• Question (ตั้งคำถาม): ตั้งคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่อาจมาจากประโยคหรือย่อหน้าที่อ่านแล้วรู้สึกสงสัย เช่น เนื้อหาสำคัญคืออะไร? ผู้เขียนต้องการสื่ออะไร?  
• Read (อ่าน): จดจ่ออยู่กับการอ่าน พยายามคิดวิเคราะห์ หาคำตอบในสิ่งที่สงสัยในตอนแรก และจดบันทึกประเด็นสำคัญเอาไว้เพื่อไม่ให้ลืม 
• Recall (สรุปความ): เมื่ออ่านจบแล้วให้สรุปสิ่งสำคัญที่ได้จากการอ่าน สังเกตว่าสิ่งที่อ่านมาตอบคำถามที่ตั้งไว้ในตอนแรกได้หรือไม่ 
• Review (ทบทวน): ทบทวนเนื้อหาทั้งหมด หากมีข้อสงสัยในประเด็นไหนให้ย้อนไปอ่านอีกครั้ง 

Feynmen Technique  “ย่อยข้อมูลยาก ๆ ให้เข้าใจง่าย” 

สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาอ่านกี่รอบก็ไม่เข้าใจ อ่านเท่าไหร่ก็ไม่จำ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Feynmen Technique เทคนิคที่จะช่วยให้เข้าใจเนื้อหายาก ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง และจดจำได้อย่างแม่นยำ เทคนิคนี้คิดค้นขึ้นโดย Richard Feynman นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลโนเบลผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถอธิบายวิทยาศาสตร์ขั้นสูงออกมาได้ชัดเจน ลื่นไหล และเข้าใจง่าย  

หลักการสำคัญของ Feynmen Technique คือการทำความเข้าใจเนื้อหาที่ยากและซับซ้อนด้วยการอธิบายออกมาเป็นภาษาเรียบง่าย เหมือนกำลังอธิบายให้เด็กหรือคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ฟัง รวมถึงการแบ่งเนื้อหาออกมาเป็นหัวข้อย่อย แล้วพยายามทำความเข้าใจทีละหัวข้อ 

หลักการของ Feynmen Technique มีดังนี้ 

• เลือกหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้ 
• เรียนรู้พร้อมจดบันทึกสิ่งที่รู้ ลงกระดาษเปล่าด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายมากที่สุด 
• อธิบายให้เข้าใจง่าย ลองจินตนาการว่ากำลังอธิบายเนื้อหาให้กับผู้ฟังที่เป็นเด็ก หรือที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ใช้การยกตัวอย่าง เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ ประกอบกับใช้ภาษาที่เรียบง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะทาง 
• ทบทวนจุดที่ยังไม่เข้าใจ ทบทวนสิ่งที่จดบันทึกไว้ มองหาจุดที่รู้สึกว่าอธิบายติดขัด ไม่ชัดเจน และกลับไปศึกษาเพิ่มเติมในจุดที่ยังไม่เข้าใจ 
• ฝึกอธิบายซ้ำ ๆ จนกว่าจะเข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบ ให้ฝึกอธิบายซ้ำ ๆ โดยเฉพาะจุดที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ 

Blurting Method “ฝึกดึงข้อมูลจากความทรงจำระยะสั้น”

Blurting Method เป็นเทคนิคการทบทวนความรู้ โดยเน้นไปที่การเรียกคืนความทรงจำ (Active Recall) แทนการท่องจำซ้ำ ๆ เช่น การทำบัตรคำศัพท์ การพยายามเขียนสรุปเนื้อหาโดยไม่เปิดหนังสือ วิธีนี้จะช่วยให้จดจำเนื้อหาได้ดีขึ้นและยาวนานขึ้น

หลักการของ Blurting Method มีดังนี้ 

• อ่านเนื้อหาทั้งหมดให้เข้าใจ 
• ปิดหนังสือหรือเอกสารแล้วเขียนเนื้อหาที่จำได้ลงกระดาษ โดยไม่ต้องกังวลถึงความถูกต้องหรือลำดับขั้น  
• ตรวจสอบความถูกต้อง ตรวจสอบว่ามีเนื้อหาส่วนไหนที่ผิดพลาด หรือยังจำไม่ได้ 
• ทำซ้ำขั้นตอน 2–3 จนกว่าจะจำเนื้อหาได้ 

 Spaced Practice “จำแม่น จำได้นานขึ้น” 

การฝึกแบบเว้นระยะ หรือ “Spaced Practice” คือเทคนิคการเรียนรู้แบบหนึ่งที่เน้นการทบทวนเนื้อหาซ้ำ โดยแบ่งระยะเวลาเป็นช่วง ๆ แทนการอ่านซ้ำวันละหลายครั้ง เป็นวิธีที่ช่วยให้ความทรงจำระยะสั้นพัฒนาเป็นความทรงจำระยะยาว ส่งผลให้สามารถจดจำข้อมูลได้นานยิ่งขึ้น 

หลักการของ Spaced Practice มีดังนี้ 

• เรียนรู้เนื้อหา: เรียนรู้เนื้อหาพร้อมกับจดบันทึกประเด็นสำคัญ   
• ทบทวนเนื้อหาในวันรุ่งขึ้น: ใช้เวลาทบทวนเนื้อหาของเมื่อวาน จดสรุปประเด็นสำคัญ
• ทบทวนอีกครั้งหลังจากนั้น 2-3 วัน: ทบทวนเนื้อหาหลังผ่านไป 2-3 วัน เน้นทบทวนประเด็นสำคัญ  
• ทบทวนหลังจากนั้น 1 สัปดาห์: ทบทวนเนื้อหาเดิมอีกครั้งหลังผ่าน 1 สัปดาห์ 
• ทบทวนเนื้อหาอีกครั้งหลังจากนั้น 1 เดือน: ทบทวนเนื้อหาเดิมที่เคยเรียนเมื่อ 1 เดือนก่อน โดยเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ 

เทคนิคการเรียนรู้ดี ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ รับชมสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคนิคการกระตุ้นการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนยุคใหม่ ได้ที่รายการ ครูที่ปรึกษา ตอน การศึกษายุคใหม่ ปรับชุดความคิดให้ทัน ทางเว็บไซต์ ALTV (คลิก)

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Verywell Mind, Indiana University Bloomington, Oxford Lreaning