ข้อมูลกรมทรัพยากรธรณี ปี 2561 ระบุว่า ประเทศไทยมีถ้ำไม่น้อยกว่า 5,000 แห่ง โดยเป็นถ้ำที่สามารถระบุตำแหน่งได้ประมาณ 3,080 แห่ง อยู่ในภาคเหนือมากที่สุด 1,399 แห่ง ปัจจุบันถ้ำเพื่อการท่องเที่ยว หรือถ้ำที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเปราะบาง จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันผลกระทบและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว
“อยากให้ทุกคนตระหนักว่า การจะไปเที่ยวถ้ำไม่ใช่อยากไปก็ไป แต่ต้องมีการเตรียมตัวเองให้พร้อม เพราะภายในถ้ำออกซิเจนน้อย เบื้องต้นนักท่องเที่ยวต้องเช็กสุขภาพของตัวเองให้ดีก่อน กำลังแขนกำลังขา จะไหวหรือไม่ในการเดินลอดถ้ำ คลานต่ำ หรือปีนป่ายตามจุดที่สูงขึ้นไป เราต้องรู้ว่าตัวเราไหวแค่ไหน”
อนุกูล สอนเอก นักภูมิศาสตร์และนักสำรวจถ้ำ กล่าวว่า ประเทศไทยมีถ้ำที่สวยงามอยู่จำนวนมาก หลายคนชอบเที่ยวถ้ำ เพราะรู้สึกเหมือนได้ผจญภัย ซึ่งมีทั้งความลึกลับ ตื่นเต้น แปลกประหลาด และความสวยงามของหินงอกหินย้อย ถ้ำบางแห่งเดินง่าย ไม่ซับซ้อน บางถ้ำมีแสงไฟสว่าง เดินสะดวก แต่บางถ้ำก็มีความยาว ลึกลับ ซับซ้อนและมีเส้นทางที่อาจจะพลัดหลงได้ หากเป็นถ้ำท่องเที่ยวที่เป็นจุด Showcase ทั่วไป มีแสงสว่าง มีไฟ มีบันได มีองค์ประกอบต่างๆ พร้อม อย่างถ้ำพระที่เข้าไปไหว้พระทั่วไปแต่สำหรับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงรายหรือถ้ำอื่นๆ ที่เป็นถ้ำแนวผจญภัย มีจุดอันตรายและจุดเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวัง
“นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ย่อมไม่พลาดการเที่ยวถ้ำ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งกิจกรรมที่มีความน่าตื่นเต้น ท้าทาย ถ้ำบางแห่งสามารถเข้าชมได้สะดวก และไม่ลึกมาก แต่ถ้ำบางแห่งอาจมีความยากลำบากในการเข้าถึง และยังต้องรักษาธรรมชาติไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นก่อนการเที่ยวถ้ำตามแบบธรรมชาติ มีคำแนะนำและข้อควรปฏิบัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย และความเสียหายต่อธรรมชาติ”
นักท่องเที่ยวควรเตรียมความพร้อมและมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับถ้ำ รวมถึงการแต่งกายอย่างรัดกุม เตรียมแสงไฟให้พร้อม หรือควรมีไฟสำรองไว้ 2-3 ดวง เพื่อความปลอดภัยควรมีคนในพื้นที่นำทาง แต่หากไปกันเองควรเตรียมพร้อมมีน้ำดื่มละอาหารสำรองไปด้วยเผื่อเกิดอุบัติเหตุ และต้องเตรียมช่องทางการติดต่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือต้องแจ้งคนข้างนอกก่อนว่าจะเข้าไปตรงไหน เพื่อจะมีคนภายนอกรับรู้หากหายไปนาน การเตรียมตัวก่อนที่จะไปเที่ยวถ้ำจะทำให้เราเที่ยวได้อย่างสบายใจและปลอดภัย
การเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือ เป็นขั้นตอนสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องเตรียมความพร้อม อาทิไฟฉาย หรือหมวกไฟฉาย เนื่องจากภายในถ้ำมีความลึกมืดสนิท จึงต้องมีอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เพื่อช่วยให้มองเห็นทางเดินหรือสิ่งต่างๆ ในถ้ำได้อย่างชัดเจน ห้ามใช้คบไฟ เทียนไข หรือตะเกียงที่มีเปลวไฟ เพราะแสงสว่างจากสิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดควันหรือเขม่าไฟจับตามผนังถ้ำ รวมถึงการเผาไหม้ของคบไฟจะทำให้ออกซิเจนในถ้ำลดเหลือน้อยลงไปอีก ควรพกน้ำดื่ม ยาดม ยาจำเป็นอื่นๆ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เชือกยาว 20 – 30 เมตร แบตเตอรี่สำรอง ชุดปฐมพยาบาล เข็มทิศ หรือแผนที่ถ้ำ
การแต่งกาย เสื้อผ้า รองเท้า การท่องเที่ยวในถ้ำต้องสวมชุดให้เหมาะสม ควรสวมเสื้อผ้าที่รัดกุม มีน้ำหนักเบา สวมรองเท้าหุ้มส้นที่มีความแข็งแรงทนทาน ช่วยให้เดินได้มั่นคงบนพื้นถ้ำ กันหินบาดเพราะถ้ำหลายแห่งต้องปีนขึ้น หรือไต่ลงจากผาหินสูงรองเท้าหุ้มส้น หรือหุ้มข้อเท้าที่ไม่อมน้ำ หมวกกันกระแทก สวมหมวกสำหรับกันหยดน้ำ มูลค้างคาว หรือสวมหมวกแข็งเพื่อป้องกันศีรษะชนกับโขดหิน กระเป๋าเป้กันน้ำ สนับเข่า และถุงมือ
ข้อควรปฏิบัติการเที่ยวถ้ำ ควรเที่ยวเป็นกลุ่มประมาณ 5-10 คน และ ควรมีผู้ชำนาญนำทางไปด้วย หรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ กรณีที่มีการจัดการท่องเที่ยว หรือชาวบ้านท้องถิ่นที่มีความชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวไม่ควรแตะต้องหินต่าง ๆ ภายในถ้ำ เช่น หินงอก หินย้อย เพราะเหงื่อจะทำปฏิกิริยากับหินเหล่านี้ ทำให้หินหยุดการเจริญเติบโตหรือที่เรียกว่า “หินตาย” ห้ามตี หรือเคาะหิน เพราะจะทำให้เกิดการกร่อน หรือมีโอกาสในการพังทลายได้
นอกจากนี้ การแจ้งให้บุคคลที่รับผิดชอบทราบ ว่าเรากำลังจะไปไหน และจะกลับมาเมื่อไร ฝากรายละเอียดการเข้าถ้ำให้กับเจ้าหน้าที่ หรือคนใกล้ชิด ที่สำคัญระหว่างการเดินทางอย่าลองปีนป่ายหน้าผาที่อันตรายและบุกเข้าไปในทางลำบาก ควรเดินตามเส้นทางที่กำหนด โดยเรียงเป็นแถวทีละคนป้องกันอันตราย ตรวจสอบประเภทและพิจารณาช่วงเวลาขึ้น – ลง ของน้ำและฟ้าฝน เพื่อความปลอดภัย
ห้ามสูบบุหรี่ ก่อกองไฟ และจุดธูปเทียน เพราะจะทำให้ออกซิเจนภายในถ้ำลดน้อยลง อีกทั้งยังเป็นการรบกวนสัตว์ที่อยู่ภายในถ้ำอีกด้วย ห้ามตั้งแคมป์พักแรมภายในถ้ำ ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการรบกวนหรือก่อความรำคาญให้แก่สัตว์ห้ามขีดเขียน ขูดลบ ขีดฆ่า ทา หรือพ่นสี หรือปิดประกาศโฆษณา ห้ามเก็บ หรือนำสิ่งใด ๆ ออกมาจากถ้ำ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด กรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ถอดรองเท้า และเดินเป็นแนวซ้ำทางเดียวกัน
ทั้งนี้ เราสามารถแยกประเภทถ้ำแบบง่ายๆ คือ 1.ถ้ำที่ไม่มีธารน้ำผ่าน ถ้ำประเภทนี้ดูผิวเผิน เหมือนไม่มีอันตราย แต่อาจมีสัตว์ใหญ่ หรือสัตว์เลื้อยคลานมีพิษอยู่ข้างใน เนื่องจากเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ประเภทนี้ นอกจากนั้นอาจมีดินถล่มในฤดูฝนได้ด้วย และ2.ถ้ำที่มีน้ำ หรือมีลำธารไหลผ่าน เหมือนถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย การท่องเที่ยวถ้ำประเภทนี้โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ สังเกตสีของน้ำ เพราะหากสถานการณ์ปกติน้ำจะใส แต่หากน้ำมีลักษณะเป็นสีขุ่น สีแดง เตือนภัยว่าเป็นน้ำป่าที่ไหลหลากมาจากต้นน้ำบนภูเขา ซึ่งมีความแรง เชี่ยว และมีปริมาณมาก ฉะนั้นจึงมีความเสี่ยงที่น้ำป่าจะไหลทะลัก สำหรับถ้ำที่มีน้ำ จัดเป็นถ้ำที่มีความอันตรายมาก และในเมืองไทยมีอยู่หลายแห่ง เช่น จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดท่องเที่ยวในภาคใต้