“ไฟฟ้ามีประโยชน์มากมาย แต่หากผู้ใช้งานขาดความรู้ความเข้าใจ ไฟฟ้าอาจมีโทษมหันต์เช่นกัน เนื่องจากไฟฟ้าก่อให้เกิดอันตราย ควรมีระบบการจัดการที่เหมาะสมและปลอดภัย เพื่อเป็นแนวปฏิบัติของผู้ที่ต้องดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ลดอันตรายและป้องกันผลกระทบในกรณีเกิดอุบัติเหตุ”
อันตรายที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า เป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือได้ อันตรายจากไฟฟ้าที่พบบ่อยเกิดจากทั้งการดัดแปลงแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การระเบิดของไฟฟ้า หรือ ประกายไฟ ไฟฟ้าช็อตและไหม้จากการสัมผัสสายไฟที่มีไฟฟ้า ไฟไหม้จากการออกแบบสายไฟที่ผิดพลาดไม่ได้ตามมาตรฐาน วงจรโอเวอร์โหลด หรือการใช้ไฟที่มากเกินโดยไม่มีระบบป้องกันการตัดวงจร ไม่ติดตั้งสายดินตามมาตรฐาน บริเวณที่มีไฟฟ้าแรงสูงไม่มีการติดป้ายเตือน และไม่มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปีโดยวิศวกรไฟฟ้าที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย
ดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าว ไฟดูด เป็นอุบัติเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เด็กไทยเสียชีวิต เนื่องจากการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้าผิดวิธี อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด และขาดองค์ความรู้การใช้ประโยชน์กระแสไฟฟ้า ซึ่งลักษณะเหตุไฟดูด เป็นภาวะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็ง จนไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้ ปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายทำให้เสียชีวิตหรือพิการ
ไฟฟ้าดูดในบางกรณี เป็นการดูดที่ผู้ประสบเหตุไม่ได้สัมผัสกับไฟฟ้าโดยตรงก็ได้ เช่นจับตัวผู้สัมผัสไฟฟ้า หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใต้แนวไฟฟ้าแรงสูงก็เคยมีกรณีให้เป็นตัวอย่างมาแล้ว ปกติพื้นดินเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า มีแรงดันทางไฟฟ้าเป็นศูนย์ ดังนั้น เมื่อเราสัมผัส ส่วนใดที่มีแรงดันไฟฟ้าขณะที่ร่างกายยืนอยู่บนพื้นดิน กระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านร่างกายลงดินครบวงจร
ทั้งนี้ การถูกไฟฟ้าดูดจากการสัมผัส สามารถแยกแยะตามลักษณะของการสัมผัสได้เป็น 2 แบบคือ การสัมผัสโดยตรง คือการที่ส่วนร่างกายสัมผัสถูกส่วนที่มีไฟฟ้าโดยตรง เช่น สายไฟฟ้ารั่ว เพราะฉนวนชำรุดแล้วมีบุคคลเอามือไปจับหรือจากการที่เด็กเอาโลหะหรือตะปูแหย่ เข้าไปในปลั๊กหรือเต้ารับไฟฟ้า และการสัมผัสโดยอ้อมลักษณะนี้ บุคคลไม่ได้สัมผัสส่วนที่มีไฟฟ้าโดยตรง แต่เกิดจากการที่บุคคลไปสัมผัสกับส่วนที่ปกติไม่มีไฟฟ้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่มีไฟฟ้าเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ รั่ว ไฟฟ้าจึงปรากฏอยู่บนพื้นผิวของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ เมื่อบุคคลไปสัมผัสจึงถูกไฟฟ้าดูด
โดยปริมาณ กระแสไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อร่างกาย คือ ระดับ 1 มิลลิแอมป์หรือน้อยกว่า ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย มากกว่า 5 มิลลิแอมป์ ทำให้เกิดการช็อก และเกิดความเจ็บปวด มากกว่า 15 มิลลิแอมป์กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดเกิดการหดตัว และร่างกายจะเกิดอาการเกร็ง มากกว่า 30 มิลลิแอมป์ การหายใจติดขัด และสามารถทำให้หมดสติได้ 50 -200 มิลลิแอมป์ ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ และอาจจะเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ขณะที่มากกว่า 200 มิลลิแอมป์ เกิดการไหม้บริเวณผิวหนังที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูด และหัวใจจะหยุดเต้นภายในเวลาไม่กี่วินาที และตั้งแต่ 1 แอมป์ ขึ้นไป ผิวหนังบริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดถูกทำลายอย่างถาวร และหัวใจจะหยุดเต้นภายในเวลาไม่กี่วินาที
“แม้ว่าอันตรายจากไฟฟ้าดูดจะพบได้น้อยกว่าอุบัติเหตุจากไฟลวก หรือบาดเจ็บจากของร้อน แต่จริงๆ แล้วความรุนแรงจากไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อชีวิตมากที่สุด ขึ้นกับจำนวนโวลท์ของกระแสไฟฟ้า ที่เข้าสู่ร่างกายและความต้านทานของเนื้อเยื่อ ชนิดของกระแสไฟฟ้า และระยะเวลาของการสัมผัสกระแสไฟฟ้า กรณีเจอผู้ถูกไฟดูดเราไม่ควรเข้าไปจับตัว เพื่อดึงออกมาจากจุดไฟรั่วเพราะอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตทั้งคู่ ดังนั้นการเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้ทัน”
อันตรายจากไฟดูด ไฟช๊อตในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดภายในที่พักอาศัย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรง เพราะเป็นระบบไฟฟ้าชนิดแรงต่ำขนาด 220 โวลท์ เท่านั้น ในกรณีผู้ที่ถูกไฟดูด ไฟช๊อตจนเสียชีวิต เกิดจากการถูกไฟฟ้าชนิดแรงสูงกว่า 1000 โวลท์ ที่ไหลผ่านหัวใจทำให้คลื่นหัวใจเปลี่ยนแปลงและหัวใจหยุดทำงาน ในบางครั้งอาจเกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ ที่เป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้าได้ เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะในช่องท้อง ระบบประสาท
สนามไฟฟ้ามีรูปร่างคล้ายฝาชี เมื่อน้ำท่วมสูงคนที่อยู่เหนือผิวน้ำจะไม่ถูกไฟดูด แต่คนที่ร่างกายสัมผัสน้ำหรืออยู่ใต้ผิวน้ำจะถูกไฟดูด พร้อมสาธิตการทดลองเหตุไฟฟ้ารั่วผ่านอุปกรณ์การตรวจกระแสไฟในน้ำ เช่น อ่างใส่น้ำ สายไฟ เครื่องตรวจกระแสไฟฟ้า เมื่อมีเหตุไฟรั่วในน้ำจะเกิดฟองอากาศบริเวณแท่งอะลูมิเนียม ยกตัวอย่างกรณีเหตุการณ์น้ำท่วม คนทั่วไปเข้าใจผิดกลัวไฟดูดจากเต้ารับไฟฟ้า แต่ส่วนมากที่ถูกไฟดูดคือโลหะที่จมน้ำ เช่น ตู้เหล็ก เตียง ประตู เสาไฟเพราะมีสนามไฟฟ้า จึงมีโอกาสเกิดไฟรั่วไฟดูดสูงกว่าเต้ารับ การสังเกตจุดเสี่ยงคือ เมื่อเดินไปบนถนนที่น้ำท่วมและมีไฟฟ้ารั่วจะเกิดฟองอากาศเหนือผิวน้ำ หากก้าวเท้าขวาไปในน้ำที่มีไฟรั่วให้รีบชักเท้าขวาออกมาชิดเท้าซ้ายและหุบขาทันที ภายในระยะเวลา 10-20 วินาที จากนั้นให้รีบถอยห่างออกมาจากจุดเสี่ยง เป็นการเอาตัวรอดจากไฟดูดได้ในเบื้องต้น
สำหรับวิธีการช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูด ไฟช๊อตด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ถูกไฟดูด ไฟช๊อตให้เร็วที่สุด หากพบแหล่งไฟฟ้ารั่ว ควรพยายามหาทางตัดวงจรไฟฟ้าเสียก่อน หรือหาวัสดุที่เป็นฉนวนไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่น ใช้ไม้เขี่ยเอาสายไฟออกจากตัวผู้ป่วยก่อนเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อย้ายผู้ป่วยไปยังที่ปลอดภัยแล้วให้ดูว่ายังมีการเต้นชีพจรหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ทำการนวดหัวใจและผายปอด และเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผู้เข้าไปช่วยเหลือมักลืมคิดไปว่า ตัวเองอาจเสี่ยงอันตรายได้เช่นกัน เพราะบ่อยครั้งพบว่าลืมตัดวงจรไฟฟ้า ทำให้ตนเองถูกไฟฟ้าดูดไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องตัดไฟฟ้าที่ลัดวงจร และ คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองก่อนช่วยเหลือผู้ถูกไฟฟ้าดูด
ข้อห้ามที่สำคัญที่ไม่ควรทำเมื่อถูกไฟฟ้าช๊อต 1. ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าช๊อต จนกว่าจะแน่ใจได้ว่าผู้บาดเจ็บมิได้สัมผัสกับสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้าใด ๆ จากนั้นจึงตัดวงจรไฟฟ้าที่ลัดวงจรก่อนเข้าไปช่วยเหลือ 2. ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าช๊อต ถ้าผิวหนังผู้ที่จะช่วยนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าและถูกไฟฟ้าดูดได้ 3. ถ้าไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ในการเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากไม่มีความรู้ในการตัดกระแสวงจรไฟฟ้าหรือวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ให้รีบตามคนมาช่วย อันตรายจากไฟฟ้า เราสามารถป้องกันได้ และเมื่อเกิดเหตุร้ายจากไฟฟ้ากับตัวเอง หรือคนใกล้เคียง ควรพยายามตั้งสติ และปฏิบัติตามคำแนะนำ