หลายคนรู้จักชื่อของ Pin Metal Art อยู่บ้างแล้ว กับแบรนด์ศิลปะจากเศษเหล็กของนักออกแบบ ปิ่น ศรุตา เกียรติภาคภูมิ ที่เริ่มต้นจากการหยิบเอาเศษเหล็กเหลือใช้จากโรงงานของพ่อมาเพิ่มมูลค่าด้วยการสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะร่วมสมัยในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะโคมไฟ ฉากกั้น แผงบานประตูหน้าต่าง โดยรายละเอียดและความคดโค้งที่เกิดขึ้นในแต่ละชิ้นงานนั้นล้วนต้องใช้ช่างฝีมือผู้ชำนาญโดยเฉพาะ รวมทั้ง Pin Metal Art ยังเคยร่วมแสดงในงานแฟร์ระดับโลก MAISON&OBJECT ที่ปารีส ติดกันสี่ปีซ้อน และได้รับรางวัลด้านการออกแบบระดับประเทศและอาเซียนอีกหลายรางวัล
เมื่อไม่นานนี้ เราได้เห็นผลงานโคมไฟแชนเดอเลียร์อีกชิ้นหนึ่งของปิ่นที่สะดุดตามาก เป็นโคมไฟแชนเดอเลียร์ขนาดความกว้าง 2.50 เมตร สูง 4 เมตร ติดตั้งอยู่ภายในเจดีย์รูปทรงบาตรของวัดป่าวิเวกธรรมชาน์ จ.อุบลราชธานี โดยผลงานที่เกิดขึ้นไม่ใช่การว่าจ้างโดยทั่วไป แต่คือการทอดผ้าป่าแชนเดอเลียร์ที่มีตัวนักออกแบบเป็นแม่งาน
ปิ่นเล่าว่าก่อนที่เธอจะได้มารับผิดชอบงานนี้ เธอเคยไปไหว้พระที่โบสถ์แห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ขณะที่กำลังไหว้พระอยู่นั้น พระสงฆ์รูปหนึ่งชี้ให้เธอดูโคมไฟที่เพิ่งมีชาวต่างชาติมาติดตั้งไว้ให้กับทางวัด
“ดูโคมไฟนี่สิ เป็นโคมไฟที่มาจากอิตาลีเลยนะ ฝรั่งมาติดเองเลย” พระสงฆ์รูปนั้นบอกกับเธอด้วยท่าทีภูมิใจ
ปิ่นหันไปมองโคมไฟนั้น นึกในใจ “ทำไมนะ เราก็เป็นนักออกแบบโคมไฟ เป็นคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเราไม่เคยได้โอกาสทำงานออกแบบโคมไฟในวัดแบบนี้บ้างเลย”
คิดแบบนั้น ปิ่นเลยตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ตัวเองมีโอกาสได้ทำงานลักษณะนี้บ้าง
ผ่านไปสองเดือน สิ่งที่ปิ่นอธิษฐานไว้ก็เกิดเป็นจริงขึ้นมา โดยเธอได้รับการชักชวนจากอาจารย์สมชาย จงแสง สถาปนิกรุ่นใหญ่ ซึ่งเคยชวนเธอไปออกแบบอิฐบล็อกช่องลมให้กับเสถียรธรรมสถาน ชวนเธอมาร่วมออกแบบโคมไฟแชนเดอเลียร์เพื่อติดตั้งภายในเจดีย์รูปทรงบาตรของวัดป่าวิเวกธรรมชาน์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยโคมไฟที่ว่านี้ไม่มีงบประมาณในการจัดจ้างใดๆ เรียกว่านักออกแบบต้องทำด้วยใจล้วนๆ รวมไปถึงต้องคิดวิธีหาเงินในการทำด้วย นำมาสู่การทอดผ้าป่าแชนเดอเลียร์ที่ตัวเธอเองรับผิดชอบเป็นแม่งาน
“ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เหมือนกันค่ะ ได้ยินคำว่าทอดผ้าป่าสามัคคีมานานแล้ว ก็เคยร่วมทำบุญบ้างแต่ไม่เคยเป็นแม่งานเอง ตอนนั้นเปิดบัญชีเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เพราะต้องแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ครบ ต้องทำโปสเตอร์เพื่อประชาสัมพันธ์ด้วย ทำไปทำมาหาเงินร่วมบุญมาได้แสนกว่าบาท โคมไฟแชนเดอเลียร์ที่เกิดขึ้นเลยไม่ได้เป็นแค่ผลงานของเราในฐานะผู้ออกแบบ แต่ถือเป็นผลงานจากการร่วมมือร่วมใจของทุกคนที่มาช่วยกันทำบุญเพื่อร่วมสร้างโคมไฟนี้”
โคมไฟแชนเดอเลียร์ดอกบัวแปดกลีบขนาด 2.50 x 4 เมตร ภายในเจดีย์รูปทรงบาตร ผสมผสานด้วยคอนเซปต์ของความน้อยแต่มากในแบบมินิมอล แต่ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยลายละเอียดที่ซับซ้อน โดยใช้วัสดุหลักคือเศษเหล็กและเหล็กรูปพรรณที่ขึ้นเป็นโครง
เมื่อเดินเข้ามาภายในเจดีย์แห่งนี้ เราจะเห็นเพียงความนิ่งของโคมไฟแชนเดอเลียร์ดอกบัวแปดกลีบกับสถูปที่ถูกออกแบบขึ้นโดยกรกต อารมย์ดี นักออกแบบผู้เชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องของไม้ไผ่
มองในแง่ศิลปะ ต้องเรียกว่า นี่คือภาพของศิลปะจัดวางที่เกิดขึ้นภายในศาสนสถานกับยุคของความร่วมสมัย ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ
“ด้วยความที่เจดีย์นี้มีความสูงถึง 20 เมตร ลักษณะของโคมไฟก็เลยต้องมีความห้อยย้อย มีเส้นสายไหลลงมา มันคือคำว่าดินสู่ฟ้าฟ้าสู่ดิน เพื่อให้บาลานซ์และเชื่อมโยงกับสถูปบรรจุอัฐิของพระอรหันต์ทางด้านล่างที่พี่กรกฏเป็นผู้ออกแบบไว้”
“เงื่อนไขในการติดตั้งโคมไฟแชนเดอเลียร์นี้คือทางเดินขึ้นซึ่งเป็นบันไดหน้าแคบ เดินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น จนพอเดินขึ้นไปถึงข้างบนสุด พื้นที่จะโอ่โถ่งมาก การติดตั้งงานเลยต้องใช้วิธีขนโคมไฟขึ้นไปแบบแยกส่วนเพื่อไปประกอบเข้าด้วยกันที่ชั้นบน ปรากฏวันไปติดตั้งงานเกิดมีปัญหาขึ้นมาอีก เราก็ต้องแก้ปัญหาหน้างานด้วยการตัดชิ้นงานและเชื่อมใหม่ทั้งหมดเพื่อติดตั้ง ใช้เวลาประมาณสามวันค่ะกว่าจะติดตั้งเสร็จ บนตัวโคมไฟมีการติดพัดลมดูดอากาศไว้ด้วยแปดตัวซึ่งคนทั่วไปจะมองไม่เห็น เพราะเราใช้วิธีพรางตา ฟังก์ชั่นนี้อาจารย์สมชายเป็นคนออกไอเดียค่ะ”
ยุคแห่งความร่วมสมัยคืออะไร?
คำตอบอยู่ที่เจดีย์แห่งนี้ค่ะ
ติดตามผลงานของปิ่นที่ Pin Metal Art