พูดถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ทุกคนมีความสุขที่สุด คงต้องยกให้วันคริสต์มาส วันที่ใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงผู้ชายรูปร่างท้วม ใจดี ใส่ชุดสีแดง พร้อมกับถุงของขวัญถุงใหญ่ และเมื่อพูดถึงสิ่งที่ต้องทำในวันคริสต์มาสก็คงหนีไม่พ้นการฉลอง อยู่กับครอบครัว จัดบ้านจัดไฟให้สวยงามต้อนรับเทศกาลแห่งความอบอุ่นนี้ แต่ใครจะรู้ว่ามีบางประเทศที่มีเรื่องราววันคริสต์มาสแตกต่างออกไป แถมเรื่องราวนั้น ยังเป็นเรื่องราวสุดแปลกที่อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนต้อง งง ไปตาม ๆ กัน
วันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซูมิใช่เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด จึงมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี
เมื่อเข้าใจถึงความหมายของวันคริสต์มาสแล้ว เรามาทำความรู้จักกับกิจกรรมสุดแปลกที่เกิดขึ้น และคุณอาจไม่เคยรู้
วันคริสต์มาสอีฟในนอร์เวย์ ผู้คนเชื่อกันว่าแม่มด และวิญญาณปีศาจจะออกมา เพื่อหาไม้กวาดไปขี่ใครที่กลัวไม้กวาดถูกขโมยจากแม่มด และวิญญาณปีศาจต้องนำไม้กวาดไปซ่อนไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดในบ้าน
ซานตาคลอส มักจะได้รับการต้อนรับที่ดีเสมอแต่ไม่ใช่กับสวิสต์เซอร์แลนด์ ที่หมู่บ้านคุสนาคท์ (Küssnacht) ผู้คนในหมู่บ้าน และนักท่องเที่ยวจะมาร่วมกันไล่ซานตาคลอส โดยการร่วมกันทำเสียงดัง เพราะเชื่อว่าสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายให้ออกไป
ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม ผู้ชายในออสเตรียจะแต่งตัวเป็นครัมปัส (Krampus) พร้อมถือโซ่และกระดิ่งเพื่อหลอกให้เด็ก ๆ กลัว เพราะเชื่อกันว่าครัมปัสจะคอยจับเด็กที่เกเรที่สุด และไล่เด็กเหล่านั้นด้วยกระสอบ ทำให้บรรยากาศวันคริสต์มาสน่ากลัวคล้ายวันฮาลโลวีน และเป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ทำให้เด็ก ๆ กลัว จนไม่อยากเป็นเด็กดื้อในวันคริสต์มาส
ต้นไม้คริสต์มาสส่วนใหญ่จะประดับไปด้วยดวงดาว กล่องของขวัญกล่องเล็ก กระดิ่ง รวมถึงสายรุ้งคริสต์มาส แต่ที่ยูเครน ต้นไม้คริสต์มาสจะปกคลุมไปด้วยใยแมงมุม โดยทั้งหมดนี้เกิดจากตำนานพื้นบ้านที่เล่าเรื่องของครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งที่ปลูกต้นคริสต์มาสจากลูกสนลูกเล็ก ๆ เด็ก ๆ ในบ้านอยากที่จะตกแต่งต้นคริสต์มาสให้สวยงาม แต่พวกเขากลับยากจนไม่มีเงินซื้อของตกแต่ง แต่เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวตื่นมาพบว่าแมงมุมได้ชักใยรอบกิ่งก้านของต้นคริสต์มาส เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมาเพื่อดูต้นไม้ที่เต็มไปด้วยใย และเมื่อแสงแรกของเช้าวันคริสต์มาสแตะที่เส้นใย เส้นใยเหล่านั้นก็กลายเป็นทองคำและเงิน ดังนั้นจึงเชื่อกันว่าการได้เห็นใยแมงมุมในเช้าวันคริสต์มาสจะนำโชคมาให้
วันคริสต์มาสอีฟในอิตาลี สิ่งที่โดนเด่นไม่ใช่ซานตาคลอส แต่เป็นแม่มดแก่หน้าตาน่าเกลียด ใจดี ที่รู้จักกันในชื่อบานาฟา (แปลว่าผู้ให้ของขวัญ) โดยทุกวันที่ 5 มกราคม ซึ่งเป็นวันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ บรรดาพ่อแม่จะวางจานใส่บรอกโคลีไส้กรอก และไวน์หนึ่งแก้วไว้ให้เบฟานา โดยมีเรื่องราวกล่าวขานกันว่าแม่มดใจดีตนนี้ จะเข้ามาในบ้านทางปล่องไฟ และขี่ไม้กวาดบินไปรอบบ้านเพื่อแจกจ่ายเสื้อผ้า ของเล่น และลูกอมให้กับเด็กดี และในเช้าวันที่ 6 มกราคม เด็ก ๆ ก็จะตื่นมาพบกับของขวัญ และของเล่นในถุงเท้าที่แขวนไว้
เมื่อรู้แบบนี้แล้วทำให้เห็นว่าแม้เป็นเทศกาลเดียวกัน แต่กลับมีความเชื่อมากมาย และความเชื่อเหล่านั้นถูกส่งต่อมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องราวสีสันที่ทำให้วันคริสต์มาสมีความหลากหลาย แต่ถึงแม้จะมีความเชื่อที่หลากหลายทุกคนก็เข้าใจ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วันคริสต์มาสคือวันแห่งความสุข”
สุขสันต์วันคริสต์มาส ขอให้ปีนี้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปี และตลอดไป
แต่ถ้าหากใครอยากได้ของตกแต่งวันคริสต์มาสสวย ๆ มาทางนี้ กับไอเดียทำพวงหรีดคริสต์มาส รับรองว่าสวยและได้ใช้จินตนาการ ใน Art Box กล่องนี้มีอะไร กับตอน วันคริสต์มาสแกนทิชชู
ที่มา : newsweek