“ความประหม่า” อาจเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนมีอาการที่เปลี่ยนไปเมื่อถูกยิงคำถามที่ไม่คาดคิด แต่อาการเหล่านั้นไม่สามารถบ่งชี้ถึงเรื่องราวว่าคนนั้นเป็นคนโกหกได้ โจ นาวาโร (Joe Navarro) อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ (FBI) บอกว่า...การกอดอก มองไปทางอื่น เอามือจับปาก หรือสัญญาณทางร่างกายหลาย ๆ อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ “ไม่สามารถบ่งบอกถึงอาการโกหกได้ทั้งหมด” ย้อนแย้งกับความเชื่อโดยทั่วไป แต่สิ่งที่เป็นสัญญาณชัดเจนและใช้ได้ดีกว่าในการจับโกหกคนอื่นคือสิ่งที่พวกเขาพูดออกมามากกว่าภาษากาย
วันนี้ ALTV จะพาทุกคนมาเปิดโหมดนักสืบ สาวหาความจริงจับผิดคนโกหกกับ เทคนิคจับโกหก “เพราะภาษากายอาจดูไม่ง่ายอย่างที่คิด”
ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะจำรายละเอียดได้ครบ ผู้ที่โกหกส่วนใหญ่จะมีการเรียงลำดับเหตุการณ์ที่อยากจะโกหกมาอย่างดี จากต้นเรื่อง-จบเรื่อง โดยไม่ให้มีจุดที่สามารถตั้งคำถามได้ แต่หากอยากรู้ว่าอีกฝั่งโกหกหรือไม่ ลองให้เขาคนนั้นลองเล่าเหตุการณ์ย้อนจากจบเรื่อง-ต้นเรื่อง ในบางรายอาจจะไปไม่เป็นเลย เพราะไม่ได้เตรียมข้อมูลมาให้รอบคอบ เทคนิคนี้จึงเป็นการสร้างสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดให้กับคนที่กำลังจะโกหก
🤔 ตัวอย่างการถามเช่น
👉 “คุณบอกว่าไปกินข้าวที่สั่งมาบนโต๊ะอาหารกลางตอนสามทุ่ม แล้วก่อนหน้านั้นทำอะไร?
สมาคมจิตวิทยาของอเมริกา (American Psychological Association) ชี้ถึงประเด็นนี้เช่นเดียวกันว่า “คนที่พูดความจริงสามารถใช้ความทรงจำของพวกเขาในการเล่าเรื่องราวย้อนหลังได้ โดยมักจะเพิ่มรายละเอียดมากขึ้นไปอีก แต่คนโกหกมักจะเจอปัญหาเพราะพวกเขาต้องคิดรายละเอียดเพิ่มใหม่ ณ เหตุการณ์นั้น”
คนโกหกมักจะเตรียมเรื่องมาแบบไร้ที่ติอยู่แล้ว รวมถึงในบางรายอาจจะมีการฝึกตอบคำถามที่กรณีที่จะถูกถามมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นหากอยากรู้ว่าเขาโกหกหรือไม่อาจจะลองถามคำถามที่อาจไม่เกี่ยวข้อกับเนื้อเรื่องเลย หากเขาเป็นคนที่กำลังโกหกต้องมีจังหวะที่หยุดคิด เพื่อต่อเนื้อเรื่องให้มีความน่าเชื่อถือทันที
🤔 ตัวอย่างการถามเช่น
👉 “ตอนสามทุ่มนั้นข้าวที่คุณสั่งมาจากร้านไหน กินเมนูอะไร? “
👉 “ตอนที่คุณกำลังกินข้าว มีฝนตกหรือไม่?”
สิ่งเหล่านี้จะทำให้คำตอบที่พวกเขาเตรียมมาเริ่มปนกันไปหมดแล้วความจริงจะเริ่มเปิดเผยออกมาทีละนิดจากรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้
บางครั้งการตอบทันทีอาจเป็นสัญญาณหลักว่าเขากำลังโกหก เพราะสืบเนื่องมาจากผู้ที่อยากโกหกจะลำดับเรื่องราวของเหตุการณ์มาอย่างดี เมื่อถูกยิงคำถาม จึงพยายามรีบตอบเพื่อคัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออกจากหัว ดังนั้นจังหวะหยุด และการตอบที่เป็นปกติจึงเป็นสัญญาณที่ดี
ข้อนี้อาจจะเหมาะสมกับผู้ที่มีความสนิทกันกับผู้ต้องสงสัยว่าโกหกในระดับหนึ่ง เนื่องจากต้องสังเกตการพูด และเข้าใจลักษณะการพูดของอีกฝ่ายอย่างดี หากอยากลองจับจังหวะการพูดดูก่อน ควรให้พวกเขาแนะนำตัวเล็กน้อย คนที่บอกความจริงมักจะพูดเร็วกว่าเพราะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร แต่คนโกหกมักจะใช้เวลา และคำย่อน้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงการอ้างถึงตัวเอง
การย้ำคำถามในบางส่วนถือเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป แต่หากย้ำทั้งรูปประโยคอาจจะเป็นสัญญาณว่าคนนั้นกำลังโกหก เพราะคนที่โกหกมักจะพยายามยื้อเวลา หรือต้องการฟังคำถามอย่างแน่ชัด เพื่อให้สามารถคิดคำตอบที่ดีที่สุดได้
การโกหกเป็นสิ่งหนึ่งในการป้องกันตัวของมนุษย์ แต่หากโกหกในเรื่องที่ผิดก็อาจจะส่งผลเสียที่เลวร้ายแก่ตัวเองได้ ภาษากายเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้การโกหกเป็นไปในทิศทางอื่น แต่ความคิดที่อยู่ในหัวมากกว่าที่หลอกไม่ได้ และเป็นเสมือนดาบสองคม ที่อาจแวะมาทำร้ายได้ทุกเมื่อหากคุณ “เลือกเป็นคนที่โกหก”
ข้อมูล : Psych Centra