เนื่องในวันที่ 26 สิงหาคม ถือเป็นวันสุนัขโลก หรือ หรือ “International Dog Day” ที่มีขึ้นเพื่อรำลึกถึงเจ้าตูบเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของมนุษย์ทั่วโลก ในวันนี้ ALTV จึงอยากพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักฮีโร่สี่ขาแสนรู้ ที่เป็นมากกว่าแค่สัตว์เลี้ยงแก้เหงา แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังวีรกรรมอันกล้าหาญมากมาย
โตโก (Togo) คือ สุนัขลากเลื่อนพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ที่ได้รับการยกย่องจากการวิ่งขนส่งวัคซีน ท่ามกลางพายุหิมะ เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดโรคโรคคอตีบในยังเมืองโนม (Nome) เมื่อปี 1925
ย้อนกลับไปในฤดูหนาว ปี ค.ศ.1925 ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคคอตีบ (Diphtheria) เช่นเดียวกับเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองโนม (Nome) ในอะแลสกา ที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 10,000 ราย และแย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาขาดแคลนวัคซีนที่เป็นหนทางเดียวในการรักษา
การขนส่งวัคซีนมายังเมืองโนมให้ทันเวลาต้องอาศัยเครื่องบินหรือรถไฟ แต่ด้วยสภาพอากาศย่ำแย่ และรางรถไฟปกคลุมด้วยหิมะหนาจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินทางด้วย 2 วิธีข้างต้น ทำให้ 'ทีมสุนัขลากเลื่อน' เข้ามามีบทบาทในการส่งมอบวัคซีนในครั้งนี้ โดยระยะเริ่มต้นขนส่งวัคซีนจากเมืองแองเคอเรจ (Anchorage) สู่เมืองเนนานา (Nenana) โดยรถไฟ จากนั้นระยะทางอีก 600 ไมล์ที่เหลือเป็นหน้าที่ของทีมสุนัขลากเลื่อนอีก 20 ทีม โดยสุนัขที่ถูกพูดถึงที่สุดในครั้งนี้ คือ โตโก ในฐานะจ่าฝูงที่นำทีมวิ่งได้เร็วและไกลที่สุด ท่ามกลางอากาศติดลบ -60 องศาเซลเซียส
ตามคำกล่าวของ Leonhard Seppala เจ้าของและผู้บังคับทีมสุนัขลากเลื่อน กล่าวว่า ในขณะที่ทำภารกิจท่ามกลางพายุหิมะที่เขาเองแทบมองฝ่ามือตัวเองไม่เห็น ไม่มีสักครั้งที่เจ้าโตโกจะวอกแวกออกนอกแถว มันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พาทั้งขบวนวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร เรียกได้ว่ามันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักที่ทำให้ภารกิจขนส่งวัคซีนสำเร็จลุล่วงทันเวลา
โตโกได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ วีรกรรมของมันได้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์มากมาย ปัจจุบันร่างของโตโก ถูกสต๊าฟไว้ที่ The Anchorage Museum ในฐานะสุนัขมหัศจรรย์ (The wonder dog)
‘ไลก้า’ (Laika) สุนัขและสิ่งมีชีวิตแรกของโลกที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ การเสียสละชีวิตของไลก้า นำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอวกาศ จนสามารถส่ง 'ยูริ กาการิน' มนุษย์คนแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จ ในเวลาต่อมา
ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1957 สหภาพโซเวียตส่งยานอวกาศ ‘สปุตนิก 2’ ขึ้นสู่อวกาศ และในครั้งนี้ได้มีการบรรทุกสุนัขพันธ์ุผสมเพศเมีย ชื่อว่า 'ไลก้า' ที่ได้รับการฝึกฝนทางด้านสุขภาพและการควบคุมอารมณ์จนสามารถมีชีวิตอยู่บนยานอวกาศได้ นอกจากนี้ตามคำกล่าวของผู้ดูแล ไลก้าเป็นสุนัขที่มีความสงบนิ่ง ไม่แสดงท่าทีก้าวร้าว ตื่นตกใจง่าย เมื่อเทียบกับสุนัขตัวอื่น ๆ ทำให้ไลก้าเหมาะสมที่สุดกับภาคกิจครั้งนี้
มีรายงานว่าหลังจากปล่อยยานไปได้ 5-7 ชั่วโมง ไลก้าก็เสียชีวิตลงภายในห้วงอวกาศ ซึ่งการเสียชีวิตของไลก้า ทำให้เกิดการพัฒนาระบบพยุงชีพสำหรับการสำรวจอวกาศ ซึ่งเป็นอีกความก้าวหน้าของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังเป็นตัวจุดประกายแนวคิด 'สิทธิและสวัสดิภาพสัตว์' ให้เกิดขึ้นทั่วโลก
ทาร์ก (Trakr) สุนัขตำรวจสายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ค้นพบผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ซึ่งได้กลายเป็นเหตุการณ์นี้น่าจดจำอีกเรื่องหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ และจนมันได้รับการยกย่องว่าเป็นสัตว์ที่กล้าหาญที่สุดโดยนิตยสารไทม์ (TIME) ในปี 2008
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (Twin Tower) ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ไม่เพียงอึดใจเครื่องบินลำที่ 3 ก็พุ่งชนเข้ากับอาคารเพนตากอนในรัฐเวอร์จิเนีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ ราว 3,000 คน
ในขณะเดียวกัน เจมส์ ไซมิงตัน (James Symington) เจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดา ที่ได้ทราบข่าวสุดสะเทือนใจนี้ ก็รีบรุดไปยังใจกลางซากปรักหักพังของตึกแฝด Twin Tower พร้อมด้วย 'ทาร์ก' สุนัขตำรวจสายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด เพื่อเข้าร่วมภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต
ในขณะที่ภารกิจกู้ภัยเข้าสู่วันที่ 12 กันยายน ช่วงเวลาประมาณ 7 โมงเช้า อยู่ ๆ ทาร์กก็ส่งเสียงเห่า และแสดงท่าทีตื่นเต้นอยู่หน้าซากปรักหักพัง หางของมันส่ายไปมาเรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนอื่น ๆ ให้เข้ามายังพื้นที่ ทำให้พวกเขาสังเกตเข้ากับเศษชิ้นส่วนเสื้อแจ็คเก็ตของ Genelle Guzman พนักงานประจำตึกเวิลด์เทรดฝังอยู่ด้านล่าง เธออยู่ในสภาพไม่ได้สติ ศีรษะของเธอติดอยู่กับเสาคอนกรีต และคาดว่าติดอยู่ประมาณ 26 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกค้นพบโดยทาร์ก และเธอกลายเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายในภารกิจกู้ภัยครั้งนี้
สโมกกี้ (Smoky) สุนัขสายพันธุ์ยอร์คเชียเทอร์เรีย ที่สูงเพียง 7 นิ้ว เป็นที่รู้จักในฐานะสุนัขบำบัดใจให้กับทหารในสนามรบ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการติดตั้งระบบสื่อสารในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2
แต่เดิมสโมกกี้เป็นสุนัขจรจัด ที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณหลุมหลบภัยในเกาะนิวกินี ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทหารจากกองทัพสหรัฐนายหนึ่งไปพบมันหลบอยู่โดยบังเอิญ และนำกลับมาดูแลต่อที่ค่าย ก่อนจะส่งต่อให้ ‘บิลล์ วายน์’ ทหารจากรัฐโอไฮโอ เป็นผู้เลี้ยงดู
แม้ว่าจะเป็นสุนัขจรจัด ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าของมาก่อน แต่สโมกกี้กลับสามารถเข้ากับคนง่าย ร่าเริง และฉลาดแสนรู้ มันสามารถเดินไต่เชือก กระโดดร่มพร้อมกันกับพลทหาร หรือยืนอยู่ใกล้ชิดกับปืนกลโดยไม่ตกใจกลัว ในสถานการณ์ตึงเครียดและหม่นหมองจากสงคราม สโมกกี้เป็นตัวสร้างรอยยิ้มให้ทหารในค่าย และคอยอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ เรียกได้ว่ามันมีคุณสมบัติเยียวยาจิตใจโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ สโมกกี้ได้กลายเป็นฮีโร่เต็มตัว จากการช่วยกองทัพติดตั้งระบบการสื่อสารในฐานทัพอากาศที่อ่าวลิงกาเยน โดยในการติดตั้งครั้งนี้จำเป็นต้องลากสายสัญญาณลงใต้ดิน ผ่านท่อที่มีความกว่างเพียง 8 นิ้ว ยาว 21 เมตร ซึ่งเกินความสามารถของคน ๆ นึงที่ผ่านเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้เองสโมกกี้ที่มีขนาดตัวพอดิบพอดี จึงต้องรับหน้าที่ลากสายสัญญาณเข้าไปในท่อและประสบความสำเร็จในภารกิจนี้ตามคาด
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เรื่องราวของสโมกกี้ กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งลงหนังสือพิมพ์ และได้รับยกย่องว่าเป็น สุนัขแห่งสงคราม (The war dog) หลังจากสโมกกี้ชีวิตมันได้ถูกฝังร่างที่สวน Cleveland Metroparks ในเขตสงวน Rocky River รัฐโอไฮโอ พร้อมรูปประติมากรรมสำริดเพื่อเชิดชูต่อการอุทิศตนทำงานเสี่ยงภัยอย่างกล้าหาญ
และทั้งหมดนี้คือวีรกรรมสุดกล้าหาญของเหล่าฮีโร่สี่ขาที่พิสูจน์ให้เห็นว่าสุนัขเป็น 'เพื่อนซี๊' ของมนุษย์เรามาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นอย่าลืมมอบความรักและความเอาใจใส่พวกเขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เขาอยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ