Past Tense คือ รูปคำกริยา (Verb) ที่แสดงเวลาและการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าคุณจะเรียนหนัก อกหัก รักเลิศ หากจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วเป็นภาษาอังกฤษให้ใครฟัง อย่าลืมเปลี่ยน Verb ให้เป็นรูปอดีตด้วยนะ ซึ่งมีเทคนิคอะไรบ้างมาเรียนรู้ไปพร้อมกันเลย🥰

Past Tense มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร?

แบ่งได้ 4 แบบ ได้แก่ 

• Past Simple = Subject + V.2 หรือ Verb เติม ed เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้ว หรือสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีตและไม่ได้ทำแล้วในปัจจุบัน
• Past Continuous = Subject + was/ were + V.เติม ing เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ช่วงหนึ่ง" และ "จบแล้ว" ในอดีต
• Past Perfect = Subject + had + V.3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อนที่อีกเหตุกาณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
• Past Perfect Continuous = Subject + had + been+ V.ing เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรก

แต่ละแบบก็มีเทคนิคการจำและนำไปใช้แตกต่างกัน โดยในบทความนี้จะสรุปเทคนิคการสร้างประโยคเพื่อเล่าเหตุการณ์ในอดีตด้วยการใช้ Past Simple ง่าย ๆ จากบทเพลงที่หลายคนคุ้นเคย อย่าง I Knew You Were Trouble ของ Taylor Swift ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ Past Simple กันก่อนว่าสามารถนำไปใช้กับเหตุการณ์ในอดีตแบบใดบ้าง

Past Simple ใช้อย่างไร?

⭐โครงสร้างประโยค Subject + V.2 หรือ Verb เติม ed ⭐

1) ใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต มักมีคำว่า 

• yesterday เมื่อวาน
• last night, last week, last month เมื่อคืน/ อาทิตย์ที่แล้ว/ เดือนที่แล้ว หรืออย่างเช่นเนื้อเพลง Last Christmas I gave you my heart. คริสต์มาสที่แล้วฉันได้มอบหัวใจของฉันให้กับเธอ
•  ….ago 
• in 2009

2) used to ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว สามารถใช้โครงสร้างประโยค Subject + used to + V.1 เช่น เพลง Somebody that I used to know ของ Gotye (feat. Kimbra) หมายถึง ใครสักคนที่ฉันเคยรู้จัก (แต่ตอนนี้ไม่รู้จักแล้ว)

นอกจากนี้การใช้ used to ยังใช้อธิบายถึงสิ่งที่เรา "คุ้นชิน" หรืออยู่กับมันมานานได้ด้วย โดยใช้โครงสร้างประโยค Subject + verb to be + used to เช่น I was used to stay at Lisa's house. ฉันนอนบ้านลิซ่าจนคุ้นชินไปแล้ว

เทคนิคเปลี่ยน Verb ให้เป็น Past Simple (V.2)

❤เติม ed ในคำกริยาที่เป็น Verb ช่อง 1

• คำที่เติม ed ได้เลย เช่น look> looked, walk> walked, call> called
• ลงท้ายด้วย e เติม d ได้เลย เช่น like> liked, move> moved, love> loved
• คำที่มี 1 สระเสียงสั้น (a, e, i, o, u) ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวแล้วเติม ed เช่น stop> stopped, plan> planned, beg > begged
• คำที่ลงท้ายด้วย y เปลี่ยนเป็น i แล้วเติม ed เช่น study> studied, carry> carried
• คำที่ลงท้ายด้วย y และข้างหน้าเป็นสระ เติม ed ได้เลย เช่น play> played, stay> stayed, enjoy> enjoyed

❤คำกริยาที่เปลี่ยนรูปไปเลย เรียกว่า irregular verb เช่น 

• begin> began เริ่มต้น
• break> broke แตก, หัก
• drink> drank ดื่ม

และยังมี irregular verb ที่ไม่เปลี่ยนรูป ซึ่งต้องอาศัยการจดจำ และทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ จะได้ไม่สับสน เช่น

• bet> bet เดิมพัน
• hit> hit ตี, ชน
• shut> shut ปิด, หุบ

เอาล่ะ! ตอนนี้เรามาเรียนรู้ Past Simple จากเพลง I Knew You Were Trouble ของ Taylor Swift กันดีกว่า ซึ่งในเนื้อเพลงมีหลายประโยคที่ใช้โครงสร้าง Subject + Verb ช่อง 2 และ Verb เติม ed

ขอบคุณที่มา: youtube channel Taylor Swift

ท่อน#1

Once upon a time.

A few mistakes ago 

ประโยคที่ขีดเส้นใต้ บ่งบอกว่าสาวเทย์เลอร์กำลังเล่าเรื่องราวในอดีต

I was in your sights

You got me alone

You found me. You found me. You found me.

I guess you didn't care

And I guess I liked that

And when I fell hard

You took a step back

Without me. Without me. Without me.

And he's long gone

When he's next to me

And I realize

The blame is on me

คำศัพท์ V.2 จากเนื้อเพลงท่อน#1

• was = Verb ช่อง 2 ของ is (verb to be) เป็น, อยู่, คือ
• got = Verb ช่อง 2 ของ get ได้, ได้มา, เข้าใจ
• found = Verb ช่อง 2 ของ find ค้นหา, ค้นพบ, เจอ
• fell = Verb ช่อง 2 ของ fall ตก, ร่วง, ล้ม หากเป็นเพลงรักคำนี้จะหมายความว่า ตกหลุมรัก
• took = Verb ช่อง 2 ของ take จับ, รับเอาไว้

ท่อน Hook

'Cause I knew you were trouble when you walked in

So shame on me now

Flew me to places I'd never been

'Til you put me down, oh

I knew you were trouble when you walked in

So, shame on me now

Flew me to places I'd never been

Now I'm lyin' on the cold hard ground

Oh, oh Trouble, trouble, trouble

Oh, oh Trouble, trouble, trouble

คำศัพท์ V.2 ท่อน Hook

• knew = Verb ช่อง 2 ของ know รู้, รู้จัก,รู้แล้ว
• were = Verb ช่อง 2 ของ are (verb to be)
• walked in = walk เติม ed เดินเข้ามา
• flew = Verb ช่อง 2 ของ fly โบยบิน
• put = put วางลง ( irregular verb ที่ไม่เปลี่ยนรูป)
• สังเกตดี ๆ ท่อนนี้มีประโยคที่ว่า Flew me to places I'd never been ประโยชคที่ขีดเส้นใต้ เป็น Past Perfect หมายความว่า เธอได้พาฉันโลดแล่น ไปยังที่ที่ฉันไม่เคยไป (แต่ในปัจจุบันไม่ไปแล้ว)

ท่อน#2

No apologies

He'll never see you cry

Pretends he doesn't know

That he's the reason why

You're drowning. You're drowning. You're drowning.

And I heard you moved on

From whispers on the street

A new notch in your belt

Is all I'll ever be

And now I see. Now I see. Now I see

He was long gone

When he met me

And I realize

The joke is on me, hey

(repeat Hook)

คำศัพท์ V.2 ท่อน#2

• heard = Verb ช่อง 2 ของ hear ได้ยิน
• moved on = move on เติม ed เดินหน้าต่อไป
• met = Verb ช่อง 2 meet พบ, พบกัน

ท่อน#3

And the saddest fear

Comes creepin' in

That you never loved me

Or her. Or anyone. Or anything

ในเนื้อเพลงท่อนที่ 3 "That you never loved me" เราจะเห็นคำว่า love เติม ed ซึ่งโดยรวมทั้งหมดก็หมายความว่า ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักฉันเลย T_T

นอกจากนี้เรายังสามารถเรียนรู้ Past simple จากเพลงฮิตอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ยกตัวอย่าง เช่น

• Perfect - Ed Sheeran
• Wrecking Ball - Miley Cyrus
• Paradise - Coldplay

สุดท้ายนี้ ฝากไว้ให้คิด อดีตที่แสนยากลำบาก แม้กลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่สามารถเรียนรู้ที่จะทำปัจจุบันให้ดีได้นะจ๊ะ สำหรับใครที่อยาก “ติวเข้ม” การใช้ Past Simple, Past Continuous, Past Perfect และ Past Perfect Continuous ให้แม่นยำมากขึ้น สามารถเรียนรู้กับคุณครูเลดี้ เก๋เก๋ได้ในห้องเรียนติวเข้ม ม.6 เข้ามหาวิทยาลัย: ภาษาอังกฤษ : ติวเข้ม Past Tense  (คลิก)

ขอบคุณที่มา: LyricFind

เนื้อเพลง I Knew You Were Trouble. © Kobalt Music Publishing Ltd., Sony/ATV Music Publishing LLC, Universal Music Publishing Group