ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
 ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 อันตรายกว่าที่คิด
แชร์
ฟัง
ชอบ
ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 อันตรายกว่าที่คิด
07 เม.ย. 66 • 13.59 น. | 346 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

เริ่มเข้าช่วงฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ แต่หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าทำไมหมอกยังลงอยู่...

วันนี้ ALTV ขอเสริมเกร็ดความรู้ใกล้ตัวที่จะทำให้ทุก ๆ คนนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกจุด เพื่อความอยู่รอดพร้อมเผชิญกับวิกฤตที่กระทบต่อปัญหาสุขภาพที่ใครหลายคนยังคงชั่งใจว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวที่หลายคนอาจะมองข้ามภัยอันตรายต่อชีวิตของตนเอง และคนในครอบครัว

หมอกสีขาว ๆ ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าเราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้มันคือ ฝุ่น PM 2.5 ที่แฝงไปด้วยมลพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเรามากมาย แต่ก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงกับปัญหาวิกฤตของมลพิษทางอากาศที่รุนแรงนี้ได้ โดยเฉพาะในภาคเหนือของประเทศไทย เรียกได้ว่ามีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ Air Quality Index : AQI ของฝุ่น P.M. 2.5 มากที่สุด ติดอันดับ TOP 10 ของโลก (ข้อมูลวันที่ 4 เมษายน 2566) ได้แก่

  • อ.แม่สาย จ.เชียงราย อันดับที่ 3 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 509
  • บ้านเปียงหลวง จ.เชียงใหม่ อันดับที่ 5 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 493
  • จ.แม่ฮ่องสอน อันดับที่ 6 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 421
  • บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ อันดับที่ 7 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 410
  • บ้านต้นเปา จ.เชียงใหม่ อันดับที่ 8 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 385
  • อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา อันดับที่ 9 ของโลก มี AQI อยู่ที่ 381

และไม่ว่าทุกคนจะอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม สามารถติดตามเช็คข้อมูลค่าของฝุ่น PM 2.5 แบบเรียลไทม์ได้ที่ AQI และ กรมควบคุมมลพิษ หรือ Air4Thai เพื่อเป็นข้อมูลก่อนจะออกจากบ้าน หรือก่อนออกเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้ง ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่ที่มีค่ามลพิษในอากาศสูงเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด โดยสามารถตรวจสอบ หรือเช็คให้ดีก่อนออกเดินทาง หากว่าค่าฝุ่นอยู่ในโซนสีฟ้า แสดงว่าสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ แต่หากค่าฝุ่นอยู่ในโซนสีแดง นั้นหมายความว่าพื้นที่ตรงนั้นมีค่า AQI สูงกว่า 200 ขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยง หรือป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย N95 อย่างมิดชิดเพื่อสุขภาพของเรา

📍ทำความรู้จัก ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5

         ฝุ่น PM 2.5 หรือ Particulate matter with diameter of less than 2.5 micro เป็นฝุ่นละอองขนาดซูเปอร์จิ๋วที่มีขนาดไม่เกิด 2.5 ไมครอน และไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งมีผลกระทบต่อเราตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้ เพราะความร้านแรงของฝุ่นจิ๋วนี้ คือมันสามารถผ่านการกรองของขนจมูก โดยเป็นตัวกลางในการพาสารอื่น ๆ เช่น สารก่อมะเร็ง สารโลหะหนัก เข้าไปในปอดด้วย ทำให้เกิดภาวะกระตุ้นภูมิแพ้ ในระบบทางเดินหายใจ อาการคัน ผื่นขึ้นตามตัว คันตา ภูมิแพ้ขึ้นตา เยื่อบุตาอักเสบ สรุปได้ว่าทั้งผิว ตัว และร่างกาย มีผลที่กระทบระยะยาวต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ ทั้ง สมอง และ หัวใจ เมื่อได้สัมผัสกับ ฝุ่น PM 2.5 และนำไปสู่การเกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น

  • โรคหัวใจ
  • โรคหลอดเลือกสมอง หรือ Stroke
  • โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
  • ความดันโลหิตสูง

         โดยสาเหตุการที่ทำให้เกิดฝุ่นจิ๋วนี้อาจเกิดมาจากกิจกรรมที่ทุกคนทำกันเป็นประจำทุกวัน หรือสาเหตุมาจากสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน ไปดูกันว่าที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้มีผลต่อการเกิด ฝุ่น PM 2.5 มากน้อยอย่างไร

📍รู้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดฝุ่นพิษ PM 2.5

🔸การสูบบุหรี่ ประกอบไปด้วย ใบยาสูบ กระดาษที่ใช้ม้วน และสารเคมีหลายร้อยชนิด แต่เมื่อเกิดการเผาไม้แล้วทำให้เกิดสารเคมีหลากหลายชนิด และเมื่อควันเจออากาศจะเกิดปฏิกิริยาจนกลายเป็นสารพิษได้นั่นเอง

🔸การจุดธูปเทียน เกิดการเผาไหม้ของขี้เลื่อย กาว และน้ำหอมในธูป สารต่าง ๆ ถูกปล่อยออกมาในอากาศ คล้ายกันในควันบุหรี่ รวมถึงควันพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์ ทำให้เกิดก๊าซต่าง ๆ นำไปสู่สารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิดด้วยเช่นกัน 

🔸การเผาป่า หรือ ไฟป่า ที่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มักเกิดจากแรงลมที่ทำให้กิ่งไม้เสียดสีกัน ฟ้าผ่า หรือเกิดปฏิกิริยาเคมีจากแสงแดดในพื้นที่แห้งแล้ง แต่ 90 % การเผาป่ามักเกิดจากฝีมือของมนุษย์ที่เข้าไปเก็บของป่า เผาเพื่อการเกษตร หรือแม้แต่เผาเพื่อกระตุ้นการงอก หรือการแตกใบของพืชเศรษฐกิจ  

🔸การก่อสร้าง ซึ่งในประเทศไทยยังมีหลายโครงการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และรถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดฝุ่นละเอียดฟุ้งกระจายที่เกิดจากการขุดเจาะ นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้คนเมื่อสูดดมเข้าปอดเป็นจำนวนมาก

🔸การคมนาคม เกิดจากควันจากท่อไอเสียของรถ โดยเฉพาะรถโดยสารประจำทางที่มักจะปล่อยควันดำออกมา ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์จนเป็นชนวนก่อให้เกิด ฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ๆ ที่เต็มไปด้วยการจราจรที่แออัด อย่าง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ก็จะยิ่งทำให้ฝุ่นที่เป็นมลพิษนั้นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพ

🔸การผลิตไฟฟ้า และการทำอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปล่อยมลพิษมากที่สุด ที่มาจากการเผาปิโตรเลียม และถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า ปล่อยไอเสียที่เป็นก๊าซพิษออกมามากมาย รวมไปถึงฝุ่นละอองฟุ้งลอยไปในชั้นบรรยากาศด้วยเช่นกัน โดยสารมลพิษที่ใช้วัดค่าคุณภาพอากาศเหล่านั้นประกอบไปด้วย

  • คาร์บอนมอนนอกไซด์ เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง และสารประกอบคาร์บอนต่าง ๆ ทั้งยานพาหนะ หรือเกิดได้ในธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายเมื่อได้สูดดมเข้าไป จะทำให้มีอาการมึนงง ปวดศีรษะ และหากว่าผู้ป่วยได้สูดดมอาการที่เป็นพิษในจำนวนมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อชีวิตได้
  • โอโซน เกิดจากปฏิกิริยาในบรรยากาศที่เกิดจากแสงแดด ซึ่งทำให้มีผลต่อทางเดินหายใจ และกล้ามเนื้อหัวใจ และอาจเกิดการระคายเคืองนัยน์ตาและเยื่อจมูกที่มีผลต่อการทำงานของปอด
  • ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การถลุงแร่โลหะที่มีส่วนผสมของกำมะถันอยู่ในกระบวนการทางอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้เกิดโรคในร่างกายคนเราได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นระบบทางเดินหายใจ การทำงานของปอด ทำให้เกิดการระคายเคืองนัยน์ตาและเยื่อจมูกนั่นเอง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ เกิดจากยวดยานพาหนะ ที่มีการเผาไหม้ในอุณหภูมิสูง เกิดปฏิกิริยาเคมีในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
  • ตะกั่ว มักจะเกิดในธรรมชาติ ทั้งการทำเหมืองแร่ และการถลุงแร่ตะกั่ว ยวดยานพาหนะต่าง ๆ อุตสากรรมที่ใช้ตะกั่ว เช่น โรงการผลิตแบตเตอรี่ และหากเราสะสมสารตะกั่วในร่างกาย จะทำให้เกิดอาการไตเสื่อม และเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลางได้นั่นเอง

         เพราะฉะนั้นเมื่อเราหลีกเลี่ยงกับสภาพอากาศ และฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ควรที่จะหาทางเลือกหรือตัวช่วยที่สามารถป้องกันฝุ่นพิษไม่ให้เข้ามาทำร้ายร่างกายของเราได้โดยตรง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ และการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์

📍อาหารต้านฝุ่น PM 2.5

         อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะเพิ่มเกราะป้องให้กับร่างกายจากฝุ่นร้าย กับการเลือกกินอาการที่มีประโยชน์เพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายของเรา

🥦 บรอกโคลี กะหล่ำปลี เป็นผักใบสีเขียวที่มีสารซัลโพราเฟน ที่ช่วยในการขจัดสารพิษ ป้องกันร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น

🥔 มันเทศ ฟักทอง ตำลึง แครอท ผักบุ้ง มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยส่งเสริมการทำงานของปอด และระบบภูมิคุ้มกัน

🍊 ส้ม มะม่วง สับปะรด ผลไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีวิตามินสูง ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของร่างกายที่มีผลมาจากฝุ่น

🐟 ปลาทุกชนิด เพราะว่ามีโอเมก้า 3 ที่ช่วยเป็นเกราะกำบังให้ร่างกายและลดผลกระทบที่เกิดจากฝุ่นด้วยเช่นกัน

และทางออกที่ดีที่สุดควรเน้นบริโภคผักและผลไม้ให้ได้วันละ 400 กรัมขึ้นไป จะทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถต้านการอักเสบของเซลล์ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพื่อรับมือกับสภาวะที่เต็มไปด้วยฝุ่นร้ายเช่นทุกวันนี้

ทุกวันนี้ไม่ว่าทุกคนจะอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าของฝุ่น PM 2.5 มากน้อยเพียงใด สิ่งที่เราหมั่นทำเป็นประจำทุกวันคือการเช็คค่า AQI ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง สวมหน้ากากอนามัย และที่สำคัญต้องเลือกบริโภคผักผลไม้ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเรา โดยเช็คลิสต์ไปพร้อมกันในรายการ HAVE A NEWSDAY ทุกวัน เวลา 12.00 น. ทาง ALTV ช่อง 4 ทีวีเรียนสนุก (คลิก)


อ้างอิงข้อมูลจาก Chula, สำนักโภชนาการ กรมอนามัย, ไทยพีบีเอส

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ฝุ่น, 
#ฝุ่นPM2.5, 
#PM2.5, 
#มลพิษ, 
#ควัน, 
#หมอก, 
#เชียงราย, 
#ฝุ่นร้าย, 
#อันตราย, 
#สุขภาพ, 
#โรคร้าย, 
#อาหารต้านฝุ่น, 
#ALTV, 
#บทความ, 
#ผัก, 
#ผลไม้, 
#ข่าว, 
#HAVEANEWSDAY, 
#ค่าฝุ่นวันนี้, 
#เชียงใหม่ 
ผู้เขียนบทความ
avatar
PHAKAWAN PHOCHAROEN
PANGRAM
หลงใหลการตั้งแคมป์ในฤดูหนาว คลั่งรักธรรมชาติระดับ 10
ALTV CI
LearnMore
LearnMore
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
PHAKAWAN PHOCHAROEN
PANGRAM
หลงใหลการตั้งแคมป์ในฤดูหนาว คลั่งรักธรรมชาติระดับ 10
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ฝุ่น, 
#ฝุ่นPM2.5, 
#PM2.5, 
#มลพิษ, 
#ควัน, 
#หมอก, 
#เชียงราย, 
#ฝุ่นร้าย, 
#อันตราย, 
#สุขภาพ, 
#โรคร้าย, 
#อาหารต้านฝุ่น, 
#ALTV, 
#บทความ, 
#ผัก, 
#ผลไม้, 
#ข่าว, 
#HAVEANEWSDAY, 
#ค่าฝุ่นวันนี้, 
#เชียงใหม่ 
แชร์
ฟัง
ชอบ
ติดตามเรา