ความเชื่อเรื่อง “พลังของหิน” เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ ใครก็ตามที่ได้ครอบครองหรือสัมผัสหินอัญมณีต่าง ๆ พลังของมันจะดึงดูดอำนาจวาสนามาให้ หากเคยดูภาพยนตร์ของ “จักรวาลมาร์เวล” คงเคยได้ยินชื่อเสียงของ “อินฟินิตี้ สโตน” (Infinity Stones) อัญมณีที่มีพลังลึกลับทั้ง 6 ซึ่งแต่ละชนิดก็มีพลังอำนาจแตกต่างกัน
ในประเทศไทยเองก็มีชื่อเสียงมานาน ในเรื่องของอัญมณี ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่หมายปองโดยเฉพาะ “แก้วนพรัตน์” หรือ “อัญมณี 9 ประการ” ในตำราโบราณผูกเป็นกลอนไว้ว่า
“เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์”
อันได้แก่
คนไทยโบราณเชื่อว่าพลังอำนาจของหินอัญมณีเหล่านี้จะนำพาความเป็นสิริมงคล สุขภาพดี ความร่ำรวยให้แก่ผู้สวมใส่ด้วยเช่นกัน มาดูกันว่า “แก้วนพรัตน์” ชนิดไหนจะมีคุณสมบัติคล้าย “อินฟินิตี้ สโตน” กันบ้าง
ถ้าพาวเวอร์ สโตน คือหินที่มีพลังมหาศาล เพชรก็เป็นอัญมณีที่มีความแข็งแกร่งที่สุด และยังเป็นตัวแทนแห่งความรัก ใครจะปฏิเสธได้ว่า "ความรัก" ก็มีพลังมหาศาลเช่นกัน
คุณสมบัติของ พาวเวอร์ สโตน (Power Stone)
เมื่อพูดถึงหินแห่งพลังก็คงต้องยกให้ “พาวเวอร์ สโตน” อัญมณีที่มีพลังมหาศาลเหนือการคาดเดา โดยถูกกักเก็บไว้ในลูกโลก “The Orb” และยังเสริมพลังแก่กล้าให้ อินฟินิตี้ สโตน ชิ้นอื่นได้ด้วย ผู้ที่ครอบครองมันจะได้รับพลังอันแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ หากพลังของหินถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ก็จะมีอำนาจทำลายล้างสามารถสลายโลกได้ทั้งใบ
คุณสมบัติของ เพชร (Diamond)
สี : ขาวประกายฟ้า
“เพชร” ถูกขนานนามว่าเป็น “อัญมณีที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก” โดยมีค่าความแข็งและทนทานสูงที่สุด คือระดับ 10 ตามมาตรฐานโมส์สเกล ว่ากันว่าความแข็งของมันสามารถตัดกระจกให้ขาดออกจากกันได้ ความหมายอันทรงพลังของ เพชร ยังมีเรื่องเล่าขานตามตำนานของชาวกรีกโบราณ เชื่อว่า “เพชรคือหยาดน้ำตาของเทพเจ้า” โดยคำว่า “Diamond" มาจากภาษากรีกที่เรียกอัญมณีชนิดนี้ว่า adámas แปลว่า เอาชนะไม่ได้หรือทำลายไม่ได้ นอกจากความแข็งแกร่งแล้ว เพชร ยังแทนความรักอันบริสุทธิ์ ด้วยคุณค่าของเพชรนั้น ยิ่งเก็บนานยิ่งมีมูลค่า เปรียบได้กับ “รักนิรันดร์และความผูกพัน” ของคนสองคนที่ไม่มีวันสลาย
การกำเนิด เพชร
เพชร เป็นแร่อัญมณีที่ประกอบด้วย “ธาตุคาร์บอนบริสุทธิ์” (Carbon) ฝังอยู่ในชั้นหินอัคนี “คิมเบอร์ไลต์” (Kimberlite) ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกไม่ต่ำกว่า 40 กิโลเมตร เชื่อกันว่าเพชรเป็นแร่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว แต่ถูกพาขึ้นมาอย่างฉับพลันโดยหินคิมเบอร์ไลต์ชนิด “เพริโดไทต์” (Peridotite) ก่อนจะถูกแปรสภาพมาเป็น “แร่เซอร์แพนทีน” (Serpentinized) ซึ่งเป็นแร่ต้นกำเนิดของเพชร
แหล่งเพชรที่สำคัญในประไทย ได้แก่ ภูเก็ตและพังงา
สเปซสโตน คืออัญมญีที่เก็บทุกข้อมูลและรู้ทุกอย่างในจักรวาล ส่วนไพลินเป็นอัญมณีที่ทำให้จิตใจสงบจนเกิดการรู้แจ้ง ทั้งคู่จึงเป็นอัญมณีที่มีพลังแห่งสติปัญญาอย่างแท้จริง
คุณสมบัติของ สเปซสโตน (Space Stone)
อัญมณีสีน้ำเงินถูกกักเก็บในผลึกสีเหลี่ยมที่รู้จักกันในนาม “เทสเซอร์แรกต์” (Tesseract) เปรียบเสมือนกล่องดำที่เก็บข้อมูลทุกพื้นที่ในอวกาศ หากนำพลังมาใช้ด้วยเจตนาดี ผู้ครอบครองสามารถวาร์ปสิ่งต่าง ๆ ไปได้ทุกแห่งหนในจักรวาล
คุณสมบัติของ ไพลิน หรือ บลูแซปไฟร์ (ฺBlue sapphire)
สี : น้ำเงิน
คนไทยสมัยก่อนเรียก “บลูแซปไฟร์” ว่า “นิลกาฬ” แต่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ “ไพลิน” มีหลายตำนานยกย่องให้อัญมณีชนิดนี้ว่าเป็น “อัญมณีจากสวรรค์” เช่น ชาวเปอร์เซียโบราณเชื่อว่า “โลก” ตั้งอยู่บนแร่แซปไฟร์ขนาดมหึมา โดยสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์และเปล่งประกายกลายเป็น “ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน” ชาวกรีกโบราณยังขนานนามอีกว่าเป็น “อัญมณีของเทพเจ้าอพอลโล” เทพแห่งพระอาทิตย์ และมักสวมเข้าไปใน “วิหารโหรเดลฟี” (Delphic oracle) ด้วยความเชื่อที่ว่าพลังของมันจะทำให้เข้าใจคำตอบของเทพพยากรณ์ได้ถึงแก่นแท้
ชาวพุทธยังเชื่อว่า พลังของ “ไพลิน” จะทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิ เกิดการเจริญภาวนาและตรัสรู้
ในขณะที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ นับถือว่าเป็น “หินตาที่สาม” ใช้บำบัดผู้ป่วยที่พักฟื้นเกี่ยวกับระบบประสาทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีประจำปีนักษัตร “ขาล” (เสือ) เพื่อสะท้อนบุคลิกภาพที่สง่างามและเสริมสติปัญญา
การกำเนิด ไพลิน หรือ บลูแซปไฟร์
พลอยชนิดนี้มีค่าความแข็งอยู่ที่ระดับ 9 รองจากเพชร จัดอยู่ในตระกูลคอรันดัมเช่นเดียวกับทับทิมและบุษราคัม ถูกพบในชั้นกรวดใต้ชั้นหินบะซอลต์ เนื้อสีน้ำเงินที่เห็นเกิดจากเหล็กและไททาเนียม มีองค์ประกอบทางเคมีเป็น อลูมิเนียมออกไซด์ (α-Al2O3) “ไพลิน” ที่พบตามธรรมชาติส่วนใหญ่มักมีมลทิน ไม่สวยงาม จึงมักนำมาปรับปรุงคุณภาพด้วย “การเผา” (Heated) ซึ่งจะได้ไพลินที่สีสดงดงามและคงทนจนเป็นที่ยอมรับกันในตลาดพลอย
แหล่งไพลินที่สำคัญของไทย ได้แก่ จันทบุรี, กาญจนบุรี, แพร่, เพชรบูรณ์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ไมนด์สโตน เป็นหินที่มีพลังในการครอบงำจิตใจ ส่วนมูนสโตนเป็นหินเพิ่มพลังงานบวกและปรับสมดุลของอารมณ์ ทั้งคู่เป็นอัญมณีที่มีผลต่อจิตใจเช่นกัน
คุณสมบัติของ ไมนด์สโตน (Mind Stone)
“ไมนด์สโตน” เปรียบได้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ส่งกระแสจิตได้ดั่งใจ อัญมณีชิ้นนี้ถูกกักเก็บในคฑาสะกดจิตเพื่อเป็นอาวุธในการครอบงำจิตใจผู้อื่นให้เป็นไปตามต้องการ นอกจากนี้พลังของมันยังสามารถเข้าถึงความฝันหรือจิตใต้สำนึกของสิ่งมีชีวิตได้ ไม่เพียงเท่านี้ผู้ที่ถือครองยังได้รับความฉลาดหลักแหลมและสติปัญญาเพิ่มขึ้นจากพลังของหินอีกด้วย
คุณสมบัติของ มุกดาหาร หรือ มูนสโตน (Moonstone)
สี : ขาวประกายมุก
“มุกดาหาร” หมายถึง “หินมูนสโตน” เป็นที่รู้จักกันดีใน “สายมูเตลู” ด้วยความเชื่อเรื่องพลังงานบวกที่มีผลต่อจิตใจ เสริมความสดใสและความสุข เป็นหินที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งเพศหญิง คือ ความอ่อนโยน อ่อนไหว และอารมณ์ที่ซับซ้อน คนโบราณเชื่อว่าหากนำ มูนสโตน มาอาบแสงจันทร์จะเพิ่มพลังบวกและขจัดพลังด้านลบให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
ความมหัศจรรย์ของมูนสโตนบางครั้งเปลี่ยนสีได้เมื่อเจอแสง เชื่อกันว่า มูนสโตนจะส่องแสงประกายมากที่สุดเฉพาะคืนวันพระจันทร์เต็มดวง บางครั้งก็เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิร่างกายและอารมณ์ของผู้สวมใส่ พลังของมูนสโตนช่วยขจัดความเศร้า ความโกรธ ช่วยบำบัดอารมณ์ในเวลาที่แปรปรวณ มีตำนานเล่าว่า หากผู้ครอบครองโมโหบ่อย ความเหลือบแสงของมูนสโตนจะจางลงไปเรื่อย ๆ จนหม่นหมอง
ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ จัดว่ามูนสโตนเป็นอัญมณีประจำ “ราศีเมถุน” พลังของหินจะช่วยปรับอารมณ์ที่มี 2 บุคลิกในคนเดียวกันให้อ่อนโยนและเฉียบแหลม
การกำเนิด มุกดาหาร หรือ มูนสโตน
มูนสโตน เป็นแร่เนื้ออ่อน มีความแข็งเพียง 6 - 6.5 โมส์สเกล จัดอยู่ในแร่ตระกูลเฟลด์สปาร์ หรือ แร่ฟันม้า (Feldspar) พบอยู่ในหินอัคนีเกือบทุกชนิด มีเนื้อโปร่งแสงและสีขาวขุ่นคล้ายสีหมอก ปรากฎการณ์ “เหลือบแสง” ของมูนสโตนเป็นที่มาของชื่อ Moonstone คือมีสีคล้ายแสงจันทร์ และยังถูกนิยามเป็นชื่อใหม่ตามสีต่าง ๆ เช่น มูนสโตนตาแมว (Cat’s Eye Moonstone), มูนสโตนสีส้ม (Orange Moonstone), มูนสโตนสายรุ้ง (Rainbow Moonstone) และมูนสโตนสีเทา (Gray Moonstone)
แหล่งมูนสโตนที่พบในไทย ได้แก่ เชียงใหม่, ตาก, แม่ฮ่องสอน, ระยอง, ชลบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์
ถ้าโซล สโตนเป็นหินที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ บุษราคัมก็เป็นอัญมณีชิ้นแรกของชีวิตที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมพลังของจิตวิญญาณเช่นกัน
คุณสมบัติของ โซล สโตน (Soul Stone)
“โซล สโตน” เป็นอัญมณีที่ควบคุมยากที่สุดในบรรดา อินฟินิตี้ สโตน ทั้งหมด เพราะนอกจากทำตามคำสั่งผู้ใช้แล้ว มันยังมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง ความสามารถของ “โซล สโตน” คือการควบคุมความเป็นความตายได้ทุกสิ่ง อีกทั้งสัญชาตญาณของมันยังกระหายดวงวิญญาณตลอดเวลา ด้วยความสามารถนี้มันจึงเป็นหินที่ควบคุมยากและอันตรายที่สุด
คุณสมบัติของ บุษราคัม (Yellow Sapphire)
สี : เหลือง
ในโลกแห่งความจริง “บุษราคัม” หรือ แซปไฟร์สีเหลือง ก็มีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณและสิ่งลึกลับ แต่พลังอำนาจนั้นจะเป็นการให้คุณแก่ผู้ใช้เสียมากกว่า เชื่อกันว่าอัญมณีชนิดนี้จะทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเราจากวิญญาณร้ายและพลังงานด้านลบ ในแง่ของจิตวิญญาณก็ช่วยกระตุ้นปรับสมดุลของจิตใจ ลดอาการซึมเศร้า เฉื่อยชา และความกลัว
ในสังคมอินเดีย บุษราคัม ถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่ควรเลือกให้เป็นอัญมณีชิ้นแรกในชีวิต เพราะสีเหลืองอำพันนั้นแสดงถึงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะคอยนำความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว ถือว่าเป็นอัญมณีที่ปลอดภัยที่สุด
การกำเนิด บุษราคัม หรือ แซปไฟร์สีเหลือง
บุษราคัม หรือ แซปไฟร์สีเหลือง มีค่าความแข็งระดับ 9 รองจากเพชร เป็นแร่ในตระกูลคอรันดัมเช่นเดียวกับทับทิมและไพลิน สีเหลืองของ บุษราคัม นั้นเกิดจากอะตอมของธาตุเหล็ก (Fe) ที่บังเอิญเจือปนอยู่ในผลึกของแร่คอรันดัม ในประเทศไทยพบในหินภูเขาไฟชนิดหินบะซอลต์ โดย บุษราคัมที่ดี ต้องมีสีเหลืองสด ไม่มีสีน้ำตาล ส้ม หรือเขียวเจือปน
แหล่งบุษราคัมที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ จันทบุรี, กาญจนบุรี และตราด
เรียลลิตี้ สโตนคืออัญมณีที่มีพลังควบคุมความจริงให้เป็นไปตามต้องการ ส่วนมรกตมีพลังอำนาจในการเผยความจริงอย่างซื่อสัตย์ ทั้งคู่จึงเป็นอัญมณีที่อยู่บนเส้นความจริง แต่ต่างมิติ
คุณสมบัติของ เรียลลิตี้ สโตน (Reality Stone)
“เรียลลิตี้ สโตน” หรือ “อีเทอร์” (Aether) มีพลังอำนาจสามารถบิดเบือนความจริงได้ตามต้องการ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแปลง “ความจริง” ได้ทุกเหตุการณ์ แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม
คุณสมบัติของ มรกต (Emerald)
สี : เขียว
หากจะพูดถึงพลังของอัญมณีในแง่ของความจริงและความซื่อสัตย์ “มรกต” รู้จักกันในนาม “หินแห่งสัญชาตญาณ” มีพลังด้านการมองเห็นและการหยั่งรู้เหตุการณ์และความจริงในอนาคต เชื่อกันว่าผู้ที่สวมใส่จะเฉลียวฉลาดขึ้น สายตาดีขึ้น มองเห็น “ความจริง” ในอนาคตได้ บางคนเชื่อว่ามรกตเป็นอัญมณีแห่งความซื่อสัตย์ ความลึกซึ้ง จึงมักมอบให้คนรักในวันครบรอบแต่งงานแทนคำสัญญา
ในสมัยกรีกและโรมโบราณ กล่าวกันว่ามรกตเป็นอัญมณีที่เทพวีนัสโปรดปราณ เชื่อกันว่ามีพลังทำให้คู่รักซื่อสัตย์ต่อกัน แสดงถึงความรักที่จริงใจ ในอีกซีกโลกหนึ่ง ชาวอียิปต์โบราณถือว่ามรกตเป็นแหล่งพลังชีวิตที่เป็นอมตะ ซึ่งถือเป็นของขวัญจาก “เทพทอธ” (Thoth) เทพเจ้าแห่งปัญญา
ด้านการบำบัดเชื่อว่ามรกตช่วยรักษาความเจ็บป่วยของร่างกายและจิตใจ สีเขียวของมรกตมีผลช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยด้านสายตา ทางโหราศาสตร์ยังเชื่อว่ามรกตเป็นอัญมณีเสริมดวงของผู้ที่เกิดเดือนพฤษภาคม ช่วยเสริมให้มีอายุยืน แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
การกำเนิด มรกต
แร่ในตระกูลเบริล (Beryl) ที่มีสีเขียวเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเป็น “มรกต” หากเป็นสีอื่นจะถูกเรียกเป็นชื่อใหม่ทันที เช่น สีฟ้าอมเขียว เรียกว่า “อะความารีน” (Aquamarine ) และสีเหลืองอมเขียว เรียกว่า “เฮลิโอดอร์” (Heliodor) สีเขียวของมรกตเกิดจากธาตุโครเมียม พบมากในหินอัคนีแทรกซอน (Intrusive Igneous Rock) ซึ่งเกิดจากการเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ ของหินหนืดใต้เปลือกโลก เช่น หินแกรนิต (granitic) และเพกมาไทต์ (Pegmatites) บางแหล่งยังพบมรกตในหินปูน (Limestone) ซึ่งเป็นกลุ่มหินตะกอนอีกด้วย
มรกต มีค่าความแข็งเท่ากับ 7 ถึง 8 โดยปกติแล้วมักมีตำหนิตามธรรมชาติที่เปราะและแตกง่าย หากมีสีเขียวเสมอกันทั้งเม็ดนับว่ามี “คุณภาพดี” จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมรกตเป็นที่อัญมณีล้ำค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก
แหล่งมรกตที่พบในประเทศไทย ได้แก่ ราชบุรี, ตาก และเชียงใหม่
ไทม์สโตน มีพลังอำนาจควบคุมเวลา ในความเป็นจริงแล้วยังไม่มีใครสามารถควบคุมเวลาได้ แต่อย่างน้อยพลังของไพฑูรย์ยังให้โอกาสและเวลาในการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง
คุณสมบัติของ ไทม์สโตน Time Stone
อัญมณีแห่งเวลา คืออัญมณีสีเขียวที่กักเก็บพลังอยู่ในจี้โบราณเรียกว่า “ดวงตาของอกามอตโต” (Eye of Agamotto) มีพลังอำนาจในการควบคุมกาลเวลาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดเวลา ย้อนอดีต หรือเร่งเวลาสู่อนาคตได้เร็วดั่งใจ และยังเพิ่มหรือลดอายุของทุกสิ่งได้ตามต้องการ อีกทั้งมันยังกลายเป็นอาวุธที่ใช้พลังเพื่อกักขังศัตรูให้ติดอยู่ในวังวนของห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้
พลอยไพฑูรย์ (Cat's eye chrysoberyl)
สี : เหลืองแกมเขียว
แม้มนุษย์จะยังไม่สามารถย้อนเวลาหรือเร่งอนาคตได้ แต่การเริ่มต้นใหม่ก็ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ทุกเวลา คนโบราณเชื่อว่า “พลอยไพฑูรย์” คืออัญมณีแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่และยังแสดงถึงความสดใสมีชีวิตชีวา อีกด้านหนึ่งก็มีพลังของความอ่อนเยาว์และไร้เดียงสา เสริมความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้สวมใส่
ตามตำนานของชาวฮินดูเล่าว่า “ไพฑูรย์ตาแมว” (Cat's eye chrysoberyl) มีพลังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและความยากจน บางความเชื่อผู้สวมใส่มักนำมากดที่หน้าผากระหว่างคิ้ว 2 ข้าง เพื่อทำให้มองเห็นอนาคต
การกำเนิดของ พลอยไพฑูรย์
พลอยไพฑูรย์ มีชื่อสากลว่า “คริโซเบริล” (Chrysoberyl) เป็นแร่ที่จัดอยู่ในประเภทพลอยเนื้อแข็งคล้ายกับแร่ตระกูลคอรันดัม มีค่าความแข็งในระดับ 8.5 โมส์สเกล รองจากคอรันดัมและเพชร อีกทั้งยังมีค่าความแวววาวสูง สีของไพฑูรย์เกิดจากธาตุเหล็กหรือโครเมียม พบได้มากตามกรวดทรายหรือตะกอนบริเวณลำน้ำ
“คริโซเบริล” พบได้หลายสีและมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ “พลอยตาแมว” (Cat's eye chrysoberyl) มีสีเหลืองแกมเขียวลักษณะวาวเป็นเส้นตรงคล้าย “ดวงตาของแมว” บางชนิดลักษณะพิเศษเปลี่ยนสีได้ตามแสง เรียกว่า "พลอยเจ้าสามสี" (Alexandrite) ส่วนชนิดที่หายากและราคาสูงที่สุดคือ “พลอยไพฑูรย์สีทอง”
พลอยไพฑูรณ์เป็นอัญมณีที่ยังไม่ถูกค้นพบในประเทศไทย แต่เรามีชื่อเสียงในเรื่องของฝีมือการเจียระไนที่มีคุณภาพ
ความเชื่อเรื่องพลังของหิน ถูกกล่าวขานขึ้นมาใหม่โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ อธิบายได้ว่า เนื้อแท้ของหิน คือแร่ธาตุ ประกอบกับดิน น้ำ ลม ไฟ เช่นเดียวกับร่างกายของเรา พลังงานของหินที่หลากหลายก็มาจากแสงอาทิตย์และรังสีต่าง ๆ ที่หลอมรวมนานนับล้านปี ต่างชนิด รูปทรง สีสัน และมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ปัจจุบันเชื่อว่าพลังของหินมีผลต่อจิตใจ จึงเป็นที่มาของศาสตร์แห่งการบำบัดจิตใจและรักษาโรค เรียกว่า “เจม เทอราพี” (Gem Therapy) หรือที่คนไทยรู้จักในนาม “พลังบำบัดจากหิน”
“ในปัจจุบันมีมาตราวัดค่าความแข็งของแร่ เรียกว่า โมส์สเกล หรือมาตราโมส (Mohs'scale) วัดได้ตั้งแต่ระดับ 1 คือ ทนทานต่อการขูดขีดน้อยที่สุด ไปจนถึงระดับ 10 คือ ทนทานต่อการขูดขีดมากที่สุด”
นอกจากแร่อัญมณีที่พบในชั้นหินแล้ว ยังมีโครงสร้างของเปลือกโลกอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น แก่นโลก เนื้อโลก และทวีปต่าง ๆ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ใน ห้องเรียนติวเข้ม ม.ต้น วิทยาศาสตร์ โครงสร้างโลก
ที่มา : planetgemstones.com, git.or.th, pembagems.com