ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก เป็นสัญญาณบ่งบอกที่ส่งจากธรรมชาติให้มนุษย์ได้รับรู้ถึง ภาวะโลกเดือด ที่พัฒนามาจากภาวะโลกร้อน ผลกระทบจากภัยธรรมชาติย้ำเตือนให้ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือมหันตภัยเหล่านี้ด้วยเช่นกัน และไม่เพียงแค่ภาวะโลกเดือดจะส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงลุกลามรวดเร็วขึ้นกว่าที่ทุกคนคาดการณ์ได้
พญ. ฉันทนา ผดุงทศ นายแพทย์เชี่ยวชาญ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ที่ระบุว่าโรคติดต่อเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรค หรือพิษของเชื้อโรค ซึ่งสามารถแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมมาสู่คน สามารถกลายเป็นโรคระบาด หรือเกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่โรคติดต่อทุกชนิดจะต้องเป็นโรคระบาด
จากมุมมองของการควบคุมป้องกัน มีการแยกโรคติดต่อเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ภายใต้กฏหมายพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 กลุ่มที่ 1 เรียกว่าโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรงสูง มีความเสี่ยงเสียชีวิต และอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว และกลุ่มที่ 2 โรคที่ต้องเฝ้าระวัง เป็นโรคติดต่อที่มีการติดตาม ตรวจสอบ หรือจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เป็นโรคที่ประเทศไทยให้ความสำคัญและสนใจ
โรคติดต่ออันตราย มี 13 โรค อาทิ ไข้ทรพิษ, อีโบลา, ซาร์ส, เมอร์สและวัณโรค หากพบผู้ป่วย 1 ใน 13 โรค ประเทศไทยสามารถประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คือมีอำนาจหน้าที่ส่งทีมสอบสวน ควบคุม ป้องกันแหล่งแพร่เชื้อโรค ปัจจุบันประเทศไทย ภายใต้กฏหมายฉบับนี้มีการกำหนด 57 โรค อาทิ โรคไข้กาฬหลังแอ่น, ไข้หวัดนก, ไข้หวัดใหญ่, หัดเยอรมัน, คางทูม, โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือโรคชิคุนกุนยา, ไข้มาลาเรีย และ ล่าสุดคือโรคฝีดาษลิง
ทั้งนี้โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ถ้ามีการพบผู้ป่วยโรคเหล่านี้ โรงพยาบาลต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อทำการสอบสวนและรายงานโรค ส่วนมาตรการอื่นๆ ไม่เทียบเท่าโรคติดต่ออันตราย เพราะถือเป็นโรคที่รักษาหาย ไม่เสียชีวิต ไม่เป็นอันตรายกับคน แต่ต้องควบคุมโรคได้เร็วไม่เสี่ยงต่อการติดต่อผู้อื่น
“การศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า และการขยายตัวของเมือง เป็นสาเหตุหลักบางประการที่อยู่เบื้องหลังการระบาดของไวรัส เช่น ไข้เลือดออก เชื้อไวรัสซิกา และโรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก”
หากพูดถึงภาวะโลกร้อน อาจมีโรคติดต่อกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญและต้องศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะโลกร้อนกับโรคติดต่อที่นำโดยพาหะ (Vector borne diseases) ซึ่งมีศักยภาพกลายเป็นโรคระบาดได้ เช่น ไข้มาลาเรีย หรือไข้เลือดออก ที่พบผู้ป่วยจำนวนมากและรวดเร็ว
สอดคล้องกับข้อมูลองค์การอนามัยโลก นิยามว่า โรคติดต่อนำโดยพาหะ คือโรคในคนที่เกิดจากปรสิต ไวรัส หรือแบคทีเรีย ที่มีพาหะเป็นตัวนำโรค พาหะคือสิ่งมีชีวิตที่นำเชื้อโรคจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่สัตว์ ส่วนใหญ่คือแมลงที่ดูดเลือด ยกตัวอย่างวงจรการติดต่อมีคนป่วยไข้เลือดออก ยุงลายไปกัดคนไข้ เชื้อเติบโตในตัวยุง เมื่อยุงไปกัดคนปกติจึงมีการปล่อยเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนต่อไป
การศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก ชี้ว่าการติดเชื้อที่เกิดจากโรคที่มียุงเป็นพาหะเหล่านี้ และระบาดได้ดีในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นและภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นกึ่งเขตร้อน มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มีรายงานระบุว่า จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วโลกเพิ่มขึ้น จากประมาณ 5 แสนรายในปี 2000 เป็น 5.2 ล้านรายในปี 2019 ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วโลกกำลังเสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดที่แพร่จากยุงไปสู่มนุษย์
แต่ละปีมีผู้ติดเชื้อประมาณ 100 - 400 ล้านคนจากโรคที่เป็นพาหะ ปี 2565 องค์การอนามัยโลกประเมินการไว้ ร้อยละ 17 ของโรคติดต่อทั้งหมดทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 700,000 แสนรายต่อปี ก่อให้เกิดภาระโรค (Disease burden) ที่สูงมาก โรคติดต่อนำโดยพาหะ มีความสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน เพราะโลกร้อนจะทำให้ยุงเติบโตยุงเพิ่มขึ้น กรณียุงลายมี 3 ตัวแปรทางกรมอุตุนิยมวิทยาที่สำคัญต่อการเติบโตของยุง
ทั้งปริมาณน้ำฝน ความชื้นสัมพันธ์ และอุณหภูมิอากาศที่เหมาะสม มีการปรับตัวรับสภาพอากาศที่เปลี่ยน เช่น ซาอุดิอาระเบีย หรือประเทศที่มีอากาศร้อนมากเกิน 30 องศาเซลเซียสไม่ค่อยเจอยุงลาย ขณะที่เมืองหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ไม่พบยุงลายเช่นกัน เพราะยุงลายเติบโตช่วงอุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส
“ความเชื่อมโยงของสภาพโลกร้อน ส่งผลให้มีการขยายแหล่งเพาะพันธุ์ หรือกระตุ้นให้เติบโตมากขึ้น พาหะเยอะขึ้นการแพร่เชื้อโรคเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเช่น การเคลื่อนย้ายถิ่นของพาหะและคนย่อมทำให้การแพร่กระจายของโรคมากขึ้น”
ช่วงปี 2018 มีนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป ระบุ โรคติดต่อที่นำโดยพาหะกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป มีคำศัพท์ชุดใหม่เกิดขึ้น คือ ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยน (Climteate-sensitive health impacts) เชื้อโรคที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Weather-sensitive pathogens) และการปรับพฤติกรรมทั้งคนและพาหะที่นำมาซึ่งการแพร่กระจายของโรคติดต่อ นำโดยพาหะที่มากขึ้น (Climate change adaptation)
ยกตัวอย่าง
จากแผนผังเปรียบเทียบให้เห็นการเติบโตของยุงลายในสองฝั่งยุโรป คือยุงลายสวนและยุงลายบ้าน ซึ่งยุงลายจะเติบโตได้ดีมากในยุโรปฝั่งที่มีอากาศร้อนกว่ายุโรปฝั่งที่มีอากาศหนาว นอกจากนี้การนำโรคของพาหะต่างๆ ตั้งแต่ปี 1950 - 2000 พบว่าพาหะนำโรคได้มากขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มอุณหภูมิโลกที่เพิ่มมากขึ้นในทิศทางเดียวกัน ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าทวีปยุโรปที่ไม่เคยมีโรคเขตร้อนเกิดขึ้นกลับพบมากขึ้น
“สุดท้ายหนีไม่พ้น การเตรียมความพร้อมรับมือ ทั้งการบูรณาการงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม รวมถึงการนำข้อมูลเหล่านั้นมาเตือนภัย เพื่อให้รู้เท่าทัน และป้องกันตนเอง ลดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากโรคติดต่อที่นำโดยพาหะ อันเกิดจากผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดต้องป้องกันไม่ให้เกิดสภาพโลกร้อนด้วยน้ำมือของเรา หากลดภาวะโลกร้อนได้พาหะก็จะเกิดน้อยลงตามมา”
ส่วนการเตรียมการเพื่อรับมือ องค์การอนามัยโลก ระบุ ในประชุมสมัชชาสุขภาพโรค หรือ Health Assembly ปีพ.ศ. 2550 มีความเห็นชอบแผน Gobal Vector Control Response (GVCR) 1017 - 2030 หรือการควบคุมพาหะ พร้อมชวนให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกได้ดำเนินการ ภายใต้กลยุทธ์หลักสำหรับการป้องกันโรคติดต่อนำโดยแมลง ควบคุมพาหะ หรือ Vector control หรือการควบคุมยุงทำอย่างไรไม่ให้เกิดการแพร่พันธุ์
อาทิ การสร้างองค์ความรู้ ให้ประชาชนและหน่วยสาธารณสุข ปรับโครงสร้างหรือกลไกการทำงานภายในประเทศ และยกระดับการเฝ้าระวังติดตามรู้เท่าทันการแพร่เชื้อ เพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชน และกลยุทธ์สำคัญที่องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำการลดโรคกลุ่มนี้ คือ การปรับพฤติกรรมประชาชนเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ยุงกัด การจัดการด้านสุขภิบาลภายในชุมชน ที่ผ่านมาคนไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเอง การลดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายต่าง ๆ
นอกจากนี้ ในประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยโรคติดต่อที่มีกลไกในการทำงานระหว่างคณะกรรมการโรคติดต่อชาติ กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หากเกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกรณีโรคติดต่อจากยุงจะมีการดำเนินการควบคุมป้องกันได้เร็วขึ้น สุดท้ายประชาชนต้องได้รับการให้เข้าถึงข้อมูลให้เพียงพอไม่ว่าจะในโซเชียลหรือสื่อต่าง ๆ ให้รู้เท่าทันโรคติดต่อที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง มีการรณรงค์กระตุ้นความตื่นตัวให้ประชาชนหันมากำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ โรงพยาบาลออกให้ความรู้ ความเสี่ยง ป้องกันการเสียชีวิตของประชาชน
หมายเหตุ : เรียบเรียงจาก DxC Talk ตอน โลกร้อน โรคระบาด