โดยภายในงานโซน "ม่วนมันส์ ลานละเล่นไทย" ได้รวมเอา 3 เกมสุดคลาสสิก ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ได้แก่ รีรีขาแดนซ์, ขี่ม้า Delivery และหมากตัวน้อย ทอยลูกเต๋า ซึ่งในวันนี้ ALTV จะพาทุกคนไปย้อนรอยความเป็นมาของเกมเหล่านี้กัน
เริ่มต้นกันที่เกมแรกอย่าง ‘ขี่ม้า Delivery’ ที่เรียกเสียงเชียร์จากทั้งเด็ก ๆ และผู้ปกครองได้อย่างล้นหลาม เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการละเล่นพื้นบ้านยอดนิยมอย่าง ‘ขี่ม้าส่งเมือง’ หรืออีกชื่อหนึ่ง “ขี่ม้าลงเมือง”
“ขี่ม้าส่งเมือง” เป็นการละเล่นพื้นบ้านไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับการกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งนอกจากเป็นการละเล่นที่สร้างความผ่อนคลายแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตคนไทยในอดีตที่มีม้าเป็นยานพาหนะสำคัญ และลักษณะการปกครองในสมัยก่อนที่มีผู้ปกครองเมือง ลูกเมือง และทาสเชลย
แต่เดิม การละเล่นนี้มีกติกาง่าย ๆ คือ แบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่าย และกำหนดให้มีผู้เล่นหนึ่งคนสวมบทบาทเป็นเจ้าเมือง จากนั้นแต่ละฝ่ายจะต้องกระซิบ ‘ความลับ’ ให้เจ้าเมืองทราบ อาจเป็นชื่อผู้เล่นในทีมหรือเรื่องอะไรก็ได้ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามทายถูก เจ้าเมืองจะร้องว่า “โป้ง” ฝ่ายที่ทายถูกจะชนะ และได้ผู้เล่นอีกทีมเป็นเชลย หากฝ่ายไหนตัวเชลยหมดก่อน ต้องกลายเป้นม้าให้อีกฝ่ายขี่ไปส่งเมือง หรือที่ใดก็ได้ตามที่อีกฝ่ายสั่ง
สำหรับ ขี่ม้า Delivery ในงานวันเด็กที่ไทยพีบีเอส ได้ประยุกต์ขึ้นใหม่เพื่อให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองได้สนุกและเรียนรู้ไปด้วยกัน และเชื่อมโยงกับความรู้รอบตัวด้านภาษาถิ่นของแต่ละภาค โดยผู้ปกครองสวมบทบาทเป็น "ม้า" และเด็กสวมบทบาทเป็น "เจ้าเมือง" ซึ่งก่อนออกตัวไปยังเส้นชัย เจ้าหน้าที่จะบอกโจทย์ด้วยภาษาถิ่น (เหนือ ใต้ ออก อีสาน) เป็นชื่อสิ่งของ หรือวัตถุต่าง ๆ เช่น บักนัด จากนั้นม้าจะพาเจ้าเมืองไปหยิบสิ่งของนั้นและไปดูคำเฉลยที่เส้นชัย ใครตอบถูกต้องมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ
คุณค่าของการละเล่น ขี่ม้า Delivery ไม่เพียงแค่สร้างความสนุกสนาน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว การเรียนรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรม ทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการออกกำลังกาย ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ไม่น่าเบื่อและเกิดประสบการณ์ที่น่าจดจำ
'รีรีขาแดนซ์' เป็นเกมที่ประยุกต์มาจากการละเล่นพื้นบ้านอย่าง ‘รีรีข้าวสาร’ การละเล่นพื้นบ้านของไทยที่มีต้นกำเนิดมาจากวิถีชีวิตของคนไทยในอดีตและความผูกพันกับการทำเกษตรกรรม โดยความสนุกของการเล่นรีรีข้าวสารอยู่ที่การร้องเพลงประกอบจังหวะ พร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกายไปตามทำนองเพลง ซึ่งรีรีขาแดนซ์เป็นการนำมาปรับเปลี่ยนโดยใช้จังหวะดนตรีที่ทันสมัยมาผสมผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวร่างกายแบบการละเล่นรีรีข้าวสาร ทำให้มีความน่าสนใจและดึงดูดเด็กๆ รุ่นใหม่ได้มากขึ้น
กติกาดั้งเดิมของ รีรีข้าวสาร จะแบ่งให้มีผู้เล่นสองคนจับมือกัน แล้วยกโค้งขึ้นเสมือนซุ้มประตู ส่วนผู้เล่นที่เหลือต้องเรียงแถวกันลอดผ่านซุ้มประตู พร้อมร้องว่า "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คดข้าวใส่จานพานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี" เมื่อจบเพลงผู้สวมบทบาทเป็นซุ้มประตู จะลดมือลง เพื่อกักตัวผู้เล่นที่ผ่านเข้ามา ผู้เล่นที่โดนกักจะถือว่าแพ้และต้องออกจากเกม
ประโยชน์ของเกมรีรีขาแดนซ์ เด็ก ๆ จะได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสนุกสนาน ได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ในรูปแบบที่สร้างความเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังพัฒนาทักษะการฟังและการตอบสนองจากจังหวะดนตรีอีกด้วย
หมากตัวน้อย ทอยลูกเต๋า เป็นเกมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมกระดานยอดฮิตตลอดกาลอย่าง "บันไดงู" ซึ่งเชื่อว่าเป็นเกมกระดานเก่าแก่ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสกาล มีชื่อเรียกว่า โมกษะปาทัม (Moksha Patam) หรือแปลเป็นไทยได้ว่า 'แผนที่แห่งการตรัสรู้และการหลุดพ้น' ซึ่งสอดแทรกหลักธรรมทางศาสนา ที่ว่า "ชีวิตคนเราเป็นสิ่งไม่แน่นอน ย่อมมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา" เสมือนตัวหมากที่เดินขึ้น-ลง ไปตามช่องกระดานตามจำนวนลูกเต๋าที่ทอดได้
โดยเกมบันไดงูได้เดินทางข้ามทวีปจากตะวันออกสู่ตะวันตกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ผ่านพ่อค้าชาวอังกฤษที่นำเกมนี้ไปเผยแพร่ให้กับเด็ก ๆ ชาวยุโรป จนกลายเป็นเกมที่สร้างความสนุกในหมู่เด็กทั่วโลก
วิธีการเล่นเกมบันไดงู จะกำหนดให้ผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะผลัดกันทอดลูกเต๋า แล้วเดินไปตามช่องบนกระดานตามจำนวนลูกเต๋าที่ได้ และถ้าเดินไปตกที่ช่องบันไดจะได้ไต่ขึ้นไป แต่ถ้าเดินไปชองที่มีงู ก็จะต้องเลื่อนลงไปยังตามตัวงู หรือหากเดินไปตกช่องที่มีคำสั่งพิเศษก็ต้องทำตามคำสั่งนั้น ผู้เล่นคนแรกที่เดินถึงช่องสุดท้ายจะถือเป็นผู้ชนะ
นอกจากความสนุกเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นการฝึกฝนเด็ก ๆ ให้รู้จักการรอคอยและอดทน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคม รวมถึงเป็นอีกวิธีพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ เช่น การบวก การลบ และการนับจำนวนไปในตัวอีกด้วย
การละเล่นพื้นบ้านอาจดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับเกมออนไลน์บนหน้าจอ แต่กลับซ่อนความสนุก และประโยชน์มากมายที่เรานึกไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะทางสังคม การเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกัน หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น