หินอัคนี ถือเป็นหินที่มีความหลากหลายทางจิตวิญญาณและสะท้อนความเป็นตัวตน หลายวัฒนธรรมเชื่อว่า “พลังของหิน” นั้นมีผลต่ออารมณ์และสภาพจิตใจของคนที่ได้ครอบครอง นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดพลังด้านบวกและปัดเป่าภัยอันตรายได้
ล่าสุด “7 อัคนีพิทักษ์จักรวาล” ละครแฟนตาซีสำหรับเด็กและครอบครัวจากช่อง ALTV ก็ได้นำแนวคิด “พลังแห่งอัคนีทั้ง 7 ชนิด” มาเป็นตัวแทนทักษะในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สติปัญญา ความกล้าหาญ ความสัมพันธ์ หรือการให้อภัย และเชื่อมโยงกับแนวคิดการพัฒนาตนเองแบบ Growth Mindset สอดแทรกไปกับเรื่องราวการผจญภัยของตัวละครเด็ก 3 คนที่มาพร้อมปมปัญหาชีวิต อย่าง แม็ค ผู้ที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง, บิว เด็กสาวผู้คนเอาแต่ใจ ไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น, อาร์ม ผู้ที่ยังลังเลกับความฝันของตัวเอง
ทั้ง 3 ต้องก้าวข้ามอุปสรรคร่วมกันเพื่อคว้าอัญมณีแต่ละเม็ดในการทำภารกิจกอบกู้จักรวาล ซึ่งความสำเร็จแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนพวกเขาได้เติบโตไปทีละขั้น และได้พัฒนาทักษะที่ขาดหายนั้นไปด้วย
ก่อนที่จะไปลุ้นกับภารกิจของเหล่าผู้พิทักษ์ มาเรียนรู้กันว่าหินอัคนีทั้ง 7 ชนิดมีพลังอะไรบ้าง และแต่ละชนิดสามารถพบได้ทั่วไปบนโลกหรือไม่
“อัคนีชิ้นแรก” ที่ปรากฏในละคร 7 อัคนีพิทักษ์จักรวาล คือ แจสเปอร์ อัคนีสีแดง มาพร้อมกับคำใบ้ภารกิจว่า “ความกล้าหาญจะชนะทุกความกลัว” ซึ่งเหล่าผู้พิทักษ์จะต้องพบกับอุปสรรคที่น่ากลัวอย่างไรนั้นต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับควาหมายของ แจสเปอร์สีแดง คือตัวแทนแห่งความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น อดทน และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผู้ที่ครอบครองอัญมณีชนิดจะมีพลังความกล้าหาญเกิดขึ้นในจิตใจ กล้าคิด กล้าทำ มีระบบการคิดคำนวณอย่างรอบคอบ อีกทั้งยังช่วยปลดปล่อยความเครียด ทำลายความกลัว ลดทอนความรู้สึกอ่อนล้าได้อีกด้วย
มีตำนานเล่าว่า ทหารชาวกรีกเชื่อกันว่า “แจสเปอร์สีแดง” เกิดจากเลือดของพระแม่ธรณี (Great Mother Earth) พวกเขาจึงมักพกติดตัวไปด้วยในศึกสงคราม เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ ทำให้รอดปลอดภัยกลับมา นั่นเอง
แหล่งกำเนิดแจสเปอร์
แจสเปอร์ เป็นแร่ผสมที่เกิดจากการรวมของ “ผลึกควอตซ์” ชนิดละเอียด (Microgranular) หรือ “แคลเซโดนี” (Chalcedony) และแร่ธาตุอื่น ๆ โดยปกติจะปรากฏเป็นสีแดง สีเหลือง สีน้ำตาลหรือสีเขียว และสีที่หายาก คือ สีฟ้า
สำหรับ “แจสเปอร์สีแดง” เป็นผลมาจากผลึกของ “แร่เหล็ก” สามารถพบได้ทั่วไปตามชั้นหิน ด้วยลักษณะของแจสเปอร์ที่มีความทึบแสง พื้นผิวเรียบมัน จึงนิยมนำมาเจียระไน ขัดมัน ใช้สำหรับการตกแต่งสิ่งของเครื่องใช้ หรือเป็นเครื่องประดับ
แจสเปอร์ที่พบในประเทศไทย ได้แก่ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี, อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
แหล่งสำคัญ ๆ ทั่วโลก เช่น อินเดีย รัสเซีย อินโดนีเซีย มาดากัสการ์ ออสเตรเลีย บราซิล และสหรัฐอเมริกา
อาเกต เป็นอัญมณีเม็ดที่ 2 ที่ปรากฏในละคร เป็นตัวแทนแห่งพลังความสัมพันธ์ การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และการทำงานร่วมกันเป็นทีม ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้ภารกิจสำเร็จและคว้าอัคนีชิ้นนี้มาได้ ต้องอาศัย “การร่วมแรงร่วมใจ” เข้าช่วย
อาเกต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หินโมรา” ในหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมชาติของพลินี (Pliny) นักจดบันทึกประวัติศาสตร์ชาวโรมันอ้างถึงความเชื่อในเปอร์เซียว่า หากเผาอาเกตแล้ว พายุจะถูกกลืนให้หายไป นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าผู้ที่ครอบครองอัคนีชนิดนี้จะได้รับความนิยมชมชอบ และเป็นที่โปรดปราณของพระเจ้า
ไม่เพียงเท่านี้ พลังอำนาจของอาเกต ยังสามารถปกป้องอันตรายทั้งปวง ปราบสิ่งกีดขวางใด ๆ ในโลก เช่น ลม ฟ้า พายุ นักเดินเรือโบราณจึงมักใช้เป็นเครื่องรางเพื่อปัดเป่าโกรธของมหาสมุทรที่ทำให้เกิดกระแสคลื่น
แหล่งกำเนิดอาเกต
อาเกต (Agate) เป็นแร่ที่ประกอบด้วยผลึกซิลิกาชนิดละเอียด(Cryptocrystalline) ส่วนใหญ่เป็นคาลซิโดนี (Chalcedony) สลับกับผลึกควอตซ์ขนาดเล็ก มีสีสันหลากหลายสามารถพบได้ในหินชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหินอัคนี หรือหินแปร และภายในโพรงหินภูเขาไฟ การเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ภายในชั้นหินก่อเกิดเป็น “ลวดลายแถบ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหินชนิดนี้ ในทางอุตสาหกรรมนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ เพราะคุณสมบัติพิเศษที่ต้านทานกรด และมีค่าความแข็งสูง
แหล่งอาเกตสำคัญในประเทศไทย ได้แก่ อำเภอชัยบาดาล-อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี, จังหวัดลำพูน, กาญจนบุรี, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ แหล่งสำคัญทั่วโลก ได้แก่
ซิทริน ตัวแทนแห่งพลังอำนาจ ความมั่นใจ และการเชื่อมั่นในตนเอง เป็นอัญมณีที่ใช้เป็นเครื่องประดับมากมายตั้งแต่อดีต มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “Light Maker” หรือผู้ให้แสงสว่าง เพราะมีสีเหลืองสว่างคล้ายกับแสงแดดอันสดใส และยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “หินแห่งดวงอาทิตย์” เชื่อว่าสามารถกักเก็บพลังงานของดวงอาทิตย์และนำแสงสว่างนั้นมาสู่ทุกด้านของชีวิต จึงถูกเชื่อมโยงกับความโชคดี สะท้อนการมองโลกในแง่บวก
นอกจากจะเป็นเครื่องประดับแล้ว บรรดาพ่อค้ายังนิยมพกเป็นเครื่องรางนำโชค เพราะเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามดุจทองคำจะดึงดูดพลังแห่งความมั่งคั่ง ต่อมากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ “หินของพ่อค้า”
ใครที่ได้ครอบครองซิทริน ผู้นั้นจะมีพลังการตัดสินใจที่แม่นยำ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจในตัวเอง กระตือรือร้น และมีความเพียรพยายามอย่างสูง อีกทั้งซิทรินยังช่วยลดความตื่นกลัว และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์อีกด้วย
แหล่งกำเนิดซิทริน
ซิทริน (Citrine) เป็นแร่ควอตซ์ผลึกใส อยู่ในประเภท “ผลึกเดี่ยว” (Single Quartz) หรือ Crystalline Quartz ที่มีการเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ มีสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีส้มอมน้ำตาล
รู้หรือไม่! ว่าอัญมณีชื่อ ซิทริน มีที่จำหน่ายทั่วไปส่วนใหญ่เป็น อเมทิสต์ (Amethyst) ที่ผ่านการอบร้อนหรือรมควัน เพราะซิทรินตามธรรมชาติโดยไร้มลทินนั้นหายาก โดยเฉพาะผลึกที่มีสีเหลืองเข้ม หรือส้มเข้ม แต่ก็ใช่ว่าอเมทิสต์ทุกแหล่งจะเกิดเป็นซิทรินเม็ดงาม มีเพียงอเมทิสต์จากบางแหล่งเท่านั้นที่ได้คุณภาพ เช่น แหล่งจากบราซิล เป็นต้น
การจำแนกซิทรินว่าอันไหนแท้หรือเทียมก็ว่ายากแล้ว ยังมี “อัคนีสีเหลือง” อีกชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด” กับซิทรินนั่นก็คือ “บุษราคัม” (Yellow Topaz) หากได้รับการเจียระไนแล้วทั้งคู่ก็แทบแยกความแตกต่างไม่ได้เลยเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ต่างกันที่ค่าความแข็ง โดยซิทรินมีค่าความแข็งระดับ 7 โมห์สเกล ส่วนบุษราคัมมีความทนทานต่อการขีดข่วนมากกว่าอยู่ที่ระดับ 9 โมห์สเกล
แหล่งสำคัญที่พบซิทรินตามธรรมชาติ ได้แก่ บราซิล, โบลิเวีย, สเปน, มาดากัสการ์, รัสเซีย, เม็กซิโกและอุรุกวัย
มรกต เป็นตัวแทนแห่งความรักอันบริสุทธิ์ อันเกิดจากความผูกพัน รวมทั้งการให้เกียรติซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นหินแห่งจักระหัวใจในตำราโยคะ มีพลังงานที่ผ่อนคลาย นำความสดชื่นและความมีชีวิตชีวาให้กับจิตใจ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความอดทน ช่วยรักษาสมดุลของมิตรภาพ ชีวิตคู่ ความพึงพอใจและความภักดี
ในสมัยอียิปต์โบราณช่วงยุคกลาง “มรกต” ถือเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ช่วยเปิดเผยความจริงหรือเท็จในคำสาบานของคู่รัก ด้วยพลังอำนาจนี้ทำให้นักสะสมอัญมณีอย่าง อริสโตเติล ถึงกับเขียนในบันทึกของตัวเองว่า “การเป็นเจ้าของมรกตช่วยเพิ่มความสำคัญของการมีตัวตนท่ามกลางผู้คน และการพูดในระหว่างการทำธุรกิจ ให้ความสำเร็จในการทดลองและช่วยในการตัดสินคดี”
นอกจากนี้ สีเขียวของมรกต ยังสัมพันธ์กับดวงตาและการมองเห็น ช่วยในการผ่อนคลายสายตา หลายอารยธรรมเชื่อว่าสามารถรักษาโรคตาได้ จึงกลายเป็นเครื่องประดับของชนชั้นสูงชาวอียิปต์ที่ใช้เพื่อการมองเห็น ด้วยสีเขียวที่สว่างโปร่งใสของมรกตนี้เองจึงถูกแปรรูปใช้เป็นแว่นขยาย และพัฒนามาเป็นอุปกรณ์ส่องทางไกลของ จักรพรรดินีโรแห่งจักรวรรดิโรมัน (Emperor Nero) สำหรับดูการแข่งขันนักสู้ในโคลอสเซียม ซึ่งนับว่าเป็นหลักฐานของการใช้มรกตมาช่วยในการมองเห็นในยุคแรก ๆ ก่อนที่มนุษย์จะเริ่มใช้เลนส์แก้วมาผลิตแว่นตา
ตามความเชื่อของไทย มรกต เป็นส่วนหนึ่งของ “มณีนพเก้า” หรือ “นพรัตน์” อัญมณีมงคล 9 ชนิด เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดมีครอบครองไว้ครบทุกชนิดถือเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด
แหล่งกำเนิดมรกต
มรกต (Emerald) เป็นแร่รัตนชาติจัดอยู่ในแร่ตระกูลเบริล (Beryl) ที่มีสีเขียวเข้มถึงเขียวเข้มแกมน้ำเงิน สีเขียวของมรกตเกิดจากธาตุโครเมียม (Chromium) และวานาเดียม (Vanadium) ตัวแปรของสีที่ออกเป็นสีเขียวอมฟ้าหรือสีเขียวอมเหลือง มาจากปริมาณของธาตุเหล็กที่แทรกเข้าไปในผลึก ขึ้นอยู่กับสภาวะที่เหล็กทำปฏิกริยา
มรกตเป็นพลอยเนื้ออ่อนมักมาพร้อมกับมลทินเสมอ การจะพบอัญมณีสีเขียวที่ไร้ตำหนิเลยถือว่าเป็นเรื่องหายากมากและมีราคาสูง โดยมรกตมีค่าความแข็งอยู่ที่ระดับ 7.5 โมห์สเกล (Mohs Scale) ซึ่งแม้ความทนทานอยู่ในระดับมาตรฐาน แต่คุณสมบัติในการทนต่อแรงกระแทกค่อนข้างต่ำ จึงมักเจียรระไนให้เป็น “ทรงหลังเบี้ย” เพื่อให้’ง่ายต่อการดูแลรักษา รวมถึงการเจียรระไนที่เรียกว่า “Emerald Cut” ลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมตัดมุมออก เพื่อลดผลจากการกระแทก
ปัจจุบันนี้ อัญมณีสีเขียว ไม่ได้มีแค่มรกตเพียงชนิดเดียว ยังมีอัญมณีอีกหลายชนิดที่สามารถทดแทนมรกตได้ เช่น โกเมนสีเขียว (Tsavorite), โครมทัวร์มาลีน (Chrome Tourmaline), โครมไดออฟไซด์(Chrome Diopside) อย่างไรก็ตาม มรกตก็ยังเป็นอัญมณีที่มีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาแร่เบริล รวมถึงเป็นหนึ่งในอัญมณีล้ำค่าของโลกด้วย
ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดมรกตคุณภาพสูง ได้รับการันตีว่าสวยงามที่สุด คือ เหมือง Muzo ในโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังมี แซมเบีย เอธิโอเปียและบราซิล ซึ่งแต่ละแหล่งก็มีความสวยงามโดดเด่นต่างกัน ส่วนแหล่งมรกตคุณภาพสูงแห่งเดียวในประเทศไทย คือ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
ในโลกนี้มี อัคนีสีฟ้า ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไคยาไนต์” (Kyanite) ได้รับการขนานนามเป็นตัวแทนแห่งการสื่อสาร ทักษะการเจรจา ในศาสตร์แห่งโยคะ เชื่อว่ามีพลังเชื่อมโยงกับจักระคอ (The Throat Chakra) สามารถกระตุ้นการแสดงออกและความเป็นตัวเอง ส่งเสริมอารมณ์ที่เป็นบวก ช่วยในการซ่อมแซมความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกัน อีกทั้งยังช่วยปลอดปล่อยความอัดอั้นที่อยู่ในภายในจิตใจ ดังนั้น อัญมณีชนิดนี้จึงมีประโยชน์มากในด้านการเจรจาธุรกิจ การทูต ตุลาการ และงานรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องใช้การสื่อสารเพื่อสันติ
นอกเหนือจากด้านการสื่อสาร ไคยาไนต์ยังช่วยส่งเสริมในเรื่องสติปัญญา เพราะหินจะสะท้อนพลังความสามารถในตัวผู้ครอบครองออกมา เพิ่มความสามารถที่หลากหลาย ทำให้เป็นคนมีศักยภาพรอบด้านในสายตาผู้พบเห็น
แหล่งกำเนิดไคยาไนต์
ไคยาไนต์ (Kyanite) เป็นแร่อะลูมิโนซิลิเกต (Aluminosilicate) ชนิดหนึ่ง มักพบในหินหินเพกมาไทต์ (Pegmatite) ที่มีปริมาณของธาตุอะลูมิเนียมสูง ในหินแปรจำพวกหินชีสต์ (schists) และหินไนต์ (gneisses) มีความทนทานต่อความร้อนและแรงดันสูง แร่ชนิดนี้ขึ้นชื่อในด้านความเปล่งประกาย มีความโปร่งใสจนถึงโปร่งแสง วาวในแบบแก้วและแบบมุก พบได้ในสีสันที่หลากหลาย เช่น สีฟ้าเข้ม, สีเขียว, สีส้ม, สีเทา ซึ่งมักจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในกระบวนการก่อตัว สีที่หายากที่สุด คือ ไคยาไนต์ชนิดใสหรือไม่มีสี
แม้ว่าไคยาไนต์จะมีสีสันที่น่าหลงไหล แต่ไม่เหมาะใช้เป็นอัญมณี เพราะมีความเปราะบางค่อนข้างสูงเพื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่น ด้วยรูปผลึกที่เป็นเส้นยาวและเป็นแผ่นทับซ้อนกัน จึงมีแนวโน้มที่จะแตกออกจากกันได้ง่าย คุณสมบัตินี้จึงทำให้ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อนำมาตัดหรือเจียระไน
ด้วยคุณสมบัติเด่นของไคยาไนต์ที่ทนความร้อนได้สูงมาก มีประโยชน์มากในอุตสาหกรรมถลุงโลหะ อุตสาหกรรมแก้ว และเครื่องเคลือบทนไฟสูง ส่วนผลึกที่โปร่งใสใช้ทําอัญมณีได้
แหล่งค้นพบไคยาไนต์ในประเทศไทย พบได้ทั่วไปในหินชีสต์ทางภาคใต้และภาคเหนือ ส่วนในต่างประเทศ แหล่งสำคัญจะอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา, อินเดีย, บราซิล, นอร์เวย์ ซิมบับเว, จีน, สเปน, สวิสเซอร์แลนด์, ออสเตรียและรัสเซีย
ในละคร 7 อัคนีพิทักษ์จักรวาล อเมทิสต์ ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนพลังแห่งการให้อภัย การยอมรับตนเองและผู้อื่น ปรากฏขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของตัวละครซึ่งเป็นอุปสรรคครั้งสำคัญที่อาจทำให้พลาดอัญมณีชิ้นนี้ได้
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า อเมทิสต์ เป็นอัญมณีที่ใช้ทดแทนซิทรินในท้องตลาด คราวนี้มาพูดถึงพลังอำนาจและคุณสมบัติที่น่าสนใจของอัญมณีสีม่วงชนิดนี้กันบ้าง
มีตำนานเล่าว่า “การเกิดอเมทิสต์” มีต้นกำเนิดมาจาก เทพธิดาอาร์เทมิส (Artemis) ที่ช่วยชีวิตหญิงสาวเอาไว้ด้วยการเสกให้กลายเป็นรูปปั้นคริสตัล ส่วนสีของอเมทิสต์เกิดจากน้ำตาของ เทพเจ้าแห่งไวน์ ไดโอนิซุส (Dionysus) ที่หลั่งรดรูปปั้นจนกลายเป็นสีม่วง ชาวกรีกเชื่อว่าผู้ครอบครองอัญมณีชนิดนี้จะสามารถป้องกันอาการเมามายได้ จึงมักแกะสลักอเมทิสต์เป็นแก้วไวน์ เพื่อป้องกันการเมาของผู้ที่ดื่มไวน์ด้วยแก้วนี้
ที่มา: www.shwasam.com
แม้ภายนอกอเมทิสต์ดูเป็นหินที่น่าเกรงขามและลึกลับ แต่ด้านพลังอำนาจกลับให้คุณในเรื่องการลดความขุ่นเคืองใจและการตัดสินใจที่ลังเล เป็นหินที่ส่องสว่างความคิดและการมีสติ ซึ่งจำเป็นในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องในชีวิต
สำหรับคนที่หัวร้อนง่าย หงุดหงิดง่าย เสี่ยงต่อการทะเลาะเบาะแว้ง อเมทิสต์สามารถบำบัดให้ผู้สวมใส่สามารถรวบรวมสติได้และใจเย็นลง จากการแทนที่ด้วยพลังแห่งความสงบ
แหล่งกำเนิดอเมทิสต์
อเมทิสต์ (Amethyst) เป็นแร่ควอตซ์ (Quartz) ชนิดหนึ่งที่อารยธรรมโบราณรู้จักมาตั้งแต่ 25,000 ปีก่อนคริสตกาล มีสีม่วงอ่อนจนถึงเข้ม ประเทศไทยเรียกว่า “พลอยสีดอกตะแบก” หรือที่คนไทยมักเรียกแร่ควอตซ์รวม ๆ ว่า “เขี้ยวหนุมาน”
สีของอเมทิสต์ เป็นผลมาจากอะตอมของธาตุเหล็ก(+3) ที่แทรกในผลึกควอตซ์และเกิดการให้สีโดยการถูกรังสีแกรมมาที่อาจมาจากแร่กัมมันตภาพรังสีที่อยู่รอบข้าง ทำให้อะตอมของเหล็กแทนที่อะตอมของซิลิกอนและเกิดเป็นสารประกอบที่ให้สีม่วงในผลึก โดยอิงจากข้อมูลจากการทดลองของ Berthelot ในปี ค.ศ.1906, Holden ในปี ค.ศ.1925 และ Lehmann and Moore ในปี ค.ศ.1966
อเมทิสต์ธรรมชาติมีลักษณะเป็นปริซึมไดโครอิก (dichroic prism) ที่แยกลำแสงออกเป็น 2 ลำขึ้นไป มีคลื่นสีที่สั้นยาวต่างกัน โดยเกิดขึ้นในสีม่วงแดงและม่วงอมฟ้า แต่เมื่อถูกความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม สีเหลืองน้ำตาล หรือสีน้ำตาลเข้ม ที่มีลักษณะคล้ายซิทริน แต่จะเกิดเป็นเส้น ๆ และมีความขุ่นแตกต่างจากซิทรินธรรมชาติ
อเมทิสต์เกรดสูง เรียกว่า “Deep Russian” หรือ “Siberian Amethyst” เป็นของหายากเป็นพิเศษ ซึ่งมีเฉดสีม่วงเต็มเม็ดประมาณ 75 - 80 % มีสีน้ำเงิน 15–20% และรองลงมาเป็นเฉดสีแดง (ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดแสง) ดังนั้นมูลค่าของอัญมณีชนิดนี้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหรือน้ำหนักเช่นเดียวกับอัญมณีชนิดอื่น แต่เป็นสีที่เปล่งประกายออกมานั่นเอง
แหล่งอเมทิสต์ในประเทศไทย ได้แก่ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง, อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่และอำเภอเมือง จังหวัดนครนายก แหล่งอเมทิสต์คุณภาพสูงและมีชื่อเสียง พบได้ในบราซิล, ไซบีเรีย, ศรีลังกาและอุรุกวัย หากเป็น เนื้อจีโอด (Geode) ขนาดใหญ่ภายในหินภูเขาไฟ ผลิตเป็นจำนวนมากในรัฐรีโอกรันดีโดซูลในประเทศบราซิล
เคลียร์ควอตซ์ Clear Quartz มาจากคำในภาษากรีกที่แปลว่า น้ำแข็ง ด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนน้ำแข็งนี่เอง จึงทำให้รู้สึกถึงความความโปร่งใสบริสุทธิ์และเย็นสบาย เป็นหนึ่งในอัญมณีที่ดีที่สุดในการทำสมาธิ สามารถเพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ ช่วยกระตุ้นความตั้งใจ ให้เกิดสติปัญญา หากพกติดตัวไว้จะช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น เพิ่มพูนสติปัญญา และขณะทำสมาธิจะทำให้สามารถเข้าถึงญาณได้ในระดับสูงสุด
นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็น “ปรมาจารย์ผู้รักษา” เป็นเกราะป้องกันความคิดเชิงลบ การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มักใช้ในการทำสมาธิเพื่อกรองสิ่งรบกวน
ควอตซ์ใส เป็นคริสตัลที่มีพลังงานสูง เป็นตัวแทนแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ ทุกวัฒนธรรมจึงมีตำนานเกี่ยวกับหินชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย เช่น
แหล่งกำเนิดเคลียร์ควอตซ์
เคลียร์ควอตซ์ เรียกอีกอย่างว่า คริสตัลควอตซ์ ลักษณะใส ไม่มีสี และมีความแวววาวเหมือนแก้ว รูปผลึกที่พบมากมีลักษณะเป็นแท่งหกเหลี่ยมยาว ปลายแหลมปิดหัวท้ายผลึก มีค่าความแข็งที่ 7 ตามสเกลของโมส์ (Moh's scale)
ควอตซ์ (Quartz) หรือที่รู้จักในชื่อ “แร่เขี้ยวหนุมาน” เป็นคำโดยรวมของรูปผลึกที่มีองค์ประกอบหลักเป็นซิลิกา (Silica) เช่น หินแกรนิต, ไรโอไลต์ (Rhyolite) และเพกมาไทต์ (Pegmatite) ซึ่งทนทานต่อการทำลายทั้งทางเคมีและการสูญสลายตามกาลเวลา
ลักษณะการเกิดของควอตซ์แต่ละชนิดก็มีมีรูปแบบที่หลากหลายและแตกต่างกันมาก รวมถึงมีชื่อเรียก ลักษณะสี ที่แตกต่างกันไปด้วย ซึ่งแบ่งได้ด้วยคุณสมบัติที่พบเห็น เช่น สี ความโปร่งแสง ลวดลาย ฯลฯ
ควอตซ์ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
โดยทั่วไปจะพบแร่ควอตซ์เกิดอยู่ร่วมกับเฟลด์สปาร์ หรือ แร่ฟันม้า (feldspar) และมัสโคไวต์ (Muscovite) เป็นสายแร่ อาจพบแร่ควอตซ์เกิดอยู่ตามชายท้องน้ำลำธาร และตามฝั่งทะเลในรูปของทราย เป็นส่วนประกอบของดินด้วย มีข้อที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ควอตว์ชนิดที่เป็นผลึก อาจจะเกิดจากน้ำเย็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับความร้อนเลยก็ได้
ในประเทศไทยแหล่งพบควอตซ์ผลึกขาวใสและผลึกใส ได้แก่ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง, อำเภอสา จังหวัดน่าน, อำเภอเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี, อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดอุตรดิตถ์, จังหวัดนครสวรรค์, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ
ติดตามชมละคร 7 อัคนีพิทักษ์จักรวาล ได้ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 น. ทาง ALTVช่อง4ทีวีเรียนสนุก และกิจกรรมสนุก ๆ ลุ้นรับของที่ระลึกได้ทุกสัปดาห์ ทาง LINE @ALTV4 อ่านรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมที่ คลิก https://bit.ly/3LPRRff
ชมสดช่องออนไลน์
ชมอีกครั้งทาง www.ALTV.tv/The7Agni และ www.youtube.com/ALTV4
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์, pwsalestone.com, อัญมณีและแหล่งในประเทศไทย มูลนิธิสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน, กรมทรัพยากรธรณี