ว่ากันว่าทาสแมวกับเจ้านายขนปุยมักมีนิสัยคล้ายกัน เมื่ออยู่ด้วยกันทุกวันอาจซึมซับนิสัยของกันและกันได้
กูรูด้านจิตวิทยาเคยบอกไว้ว่า หากทาสแมวหรือคนเลี้ยงแมวเริ่มมีนิสัยขี้อ้อน ดื้อ รักอิสระ และโลกส่วนตัวสูง แสดงว่ากำลังรับนิสัยบางอย่างจากแมวมาเต็มๆ
เหตุผลของคำว่า "ทาสแมว" ที่ใช้เรียกคนที่คลั่งแมวโดยเฉพาะ และในต่างประเทศก็มีคำที่ใช้เรียกทาสแมวด้วยเหมือนกัน คือ "Ailurophile" แปลว่า Cat Lover
เมื่อไหร่ที่แมวอยากอยู่ใกล้ มักใช้ขนนุ่ม ๆ มาถูไถ เพื่อแสดงความอ่อนโยนและเป็นมิตร
มีงานวิจัยบอกว่า การสัมผัสตัวแมว ทำให้เกิด "ฮอร์โมนแห่งความรัก" ในมนุษย์ คือ ฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งปล่อยออกมาเมื่อเกิดการลูบ กอด หอม สร้างความผูกพันระหว่างแมวและเจ้าของให้รักกัน คล้ายความสัมพันธ์แบบแม่กับลูก เพราะแบบนี้จึงทำให้คนตกเป็นทาสแมวโดยไม่รู้ตัว
ท่านเหมียวรักสวยรักงาม ใส่ใจความสะอาดเป็นพิเศษ สังเกตได้จากการเลียขนบ่อย ๆ เพราะกลิ่นหรือเศษอาหารที่อยู่บนขนอาจนำพาศัตรูนักล่าเข้ามาใกล้ การเลียบ่อย ๆไม่เพียงแค่กำจัดสิ่งสกปรก แต่เป็นการบำรุงขนให้นุ่ม ดูดี น่ากอด
เมื่อเจ้านายรักความสะอาด ทาสแมวควรรักความสะอาดด้วยเพราะสื่อถึงการรักตัวเอง และใส่ใจตัวเอง
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเจ้าเหมียวชอบปลุกคุณตอนเช้า? แมวก็มีนาฬิกาชีวิตเหมือนคนนะ!
ช่วงเวลาที่เจ้านายกระตือรือร้นเป็นพิเศษ คือ ก่อนเช้าตรู่จนถึงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ซึ่งเป็นเวลาออกล่าเหยื่อ จับหนู จับแมลง ก่อนถึงเวลาเข้านอนอีกครั้งในช่วงพลบค่ำ
การนอนเร็วตื่นเช้าแบบแมว หมายถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ หากทาสอยากมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี
ควรนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้โกรทฮอร์โมนหลั่งออกมาซ่อมแซมร่างกายได้เต็มที่
มีงานวิจัยจากหลายที่บอกว่า คนที่ตื่นเช้านอนไว สมองจะเปิดรับข้อมูลได้ดีเยี่ยม ทำให้การเรียนและการทำงานดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มอารมณ์ดี มีความสุข ใช้เวลาชีวิตอย่างคุ้มค่ามากกว่าคนที่นอนไม่เป็นเวลาแล้วตื่นสาย
เจ้านายที่ถูกเลี้ยงตามบ้านส่วนใหญ่ใช้งีบเพียง 15 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงในการนอนระหว่างวัน
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกการนอนหลับแบบนี้ว่า "Catnap"
หมายถึงการงีบหลับช่วงเวลาสั้น ๆ (เหมือนเวลาที่ท่านเหมียวนอน)
มนุษย์ทาส สามารถเลียนแบบการนอนสไตล์แมวได้ ด้วยการงีบช่วงกลางวันซักประมาณ 10 - 30 นาที เพื่อพักสมอง ลดความเครียด ซึ่งจะช่วยให้สมองตื่นตัว ส่งผลให้ความจำดี สามารถเรียนหรือทำงานได้เต็มร้อย
ความขี้สงสัยของแมว หลายครั้งทำให้ทาสเวียนหัว ชอบเดินสำรวจ ดม ขุดคุ้ย ทุกอย่างที่พบเห็น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแมวมักเจอสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในบ้านได้ง่ายดาย ความอยากรู้อยากเห็นแบบแมวๆ หากเปรียบกับคน ถือเป็นการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ทุกวัน ทุกเวลา ไม่จำกัดแค่ในห้องเรียนหรือโต๊ะทำงาน คนที่เรียนรู้ตลอดเวลา จะได้พบความสุขจากสิ่งที่สนใจ ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง สัมผัสกับความท้าทาย เรียนรู้ความยากง่าย ได้ทักษะเพิ่มเติมกลับมา หากทำจนสำเร็จ ยิ่งเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ได้รับความสุขเพิ่มขึ้น
ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ทำให้ทาสเดาอารมณ์ท่านแมวไม่ถูก แต่รู้หรือไม่ภายใต้ท่าทีที่นิ่งเฉย แมวมีวิธีแสดงอารมณ์ดี เศร้า หรือไม่พอใจ ผ่านการสะบัดหาง แกว่งไปมาอย่างเงียบๆ บางครั้งใช้วิธี Time Out เข้ามุมเพื่อสงบสติอารมณ์ ข้อดีของการนิ่งเฉย เป็นการฝึกควบคุมอารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้นในจิตใจ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับคนได้ทุกวัย ทั้งในการทำงานหรือการเรียน บางครั้งสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ การแสดงออกที่รุนแรงอาจไปทำร้ายใครโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทาสจะได้พบความสุขเมื่อจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้สำเร็จ
แมวมักเข้าหาคนอย่างอ่อนโยนด้วยการคลอเคลีย เอาหัวมุด หรือเลีย เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีและบอกรัก
เมื่อทาสลูบหรือสัมผัสเบา ๆ พวกเขาจะรับรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ กลับมา
คนที่ขี้อ้อนแบบแมว คือคนที่รู้จักเข้าหาผู้อื่นอย่างนุ่มนวล พูดคุย และแสดงออกอย่างถูกที่ ถูกเวลา
ทางจิตวิทยามองว่า คนขี้อ้อนเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ฉลาดในการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
เมื่อคุณต้องการผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ หรือต้องการความช่วยเหลือในที่ทำงาน
สามารถใช้ความขี้อ้อนมาฝึกการสื่อสารเจรจาและเข้าหาผู้อื่นอย่างนุ่มนวลได้
ทำให้การทำงานราบรื่น ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
แมวทำให้ทาสหัวเราะมากขึ้น! เพราะเป็นการแลกเปลี่ยน "ฮอร์โมนอารมณ์ดี" เช่น โดปามีน เอ็นดอร์ฟิน ออกซิโทซิน และเซโรโทนิน ช่วยบำบัดจิตใจและคลายเครียด เมื่อเราเป็นทาสแมว ลองสังเกตพฤติกรรมของพวกเขา นำมาปรับใช้กับตัวเอง แล้วคุณจะพบความสุขที่มากขึ้นแบบแมว
ชวนมาล้วงความลับของเจ้านายขนปุย กับคู่หูฮีโร่นักอ่าน ตะลุยโลกกว้างไปกับหนังสือ "แมวครองโลก" ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแมวที่คุณยังไม่เคยรู้
ในรายการ ท้าให้อ่าน The Reading Hero น้องเอิงเอยและน้องเก้าใหญ่
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง