มันจะมีคนอยู่จำพวกหนึ่งที่เข็มทิศในหัวทำงานไม่ค่อยดี นอกจากจะแยกซ้ายแยกขวาไม่ค่อยออกแล้ว ยังไม่สามารถจำถนนหนทางได้ แล้วจริงเหรอ ที่ผู้หญิงมักเป็นมนุษย์ที่หลงทิศทางมากกว่าผู้ชาย มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ไหนเล่าซิ!!
เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยได้อพยพย้ายถิ่นฐานบ่อย ๆ ทำให้ sense of direction ซึ่งเป็นทักษะในการรู้ถึงทิศทางไม่ค่อยได้เรื่องนัก เราไม่ใช่นก เต่าทะเล หรือผีเสื้อจักรพรรดิ ที่สามารถย้ายอพยพถิ่นฐานได้โดยไม่ต้องใช้กูเกิลแมป การจดจำทิศทางมันไม่ใช่แค่เรื่องของพรสวรรค์ การช่างสังเกต หรือจำเก่งเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ทักษะซับซ้อนมากมาย และการไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกแห่งการแข่งขันนี้ ทำให้เรามุ่งเพียงแต่จะหาทางลัด และสายตาก็จับจ้องอยู่แต่ที่จุดหมายปลายทาง อารมณ์ราวกับถึงก่อนชนะและประสบความสำเร็จในชีวิต
งานวิจัยพบว่า ทั้งเพศหญิงและเพศชายไม่มีใครมี sense of direction ดีหรือแย่กว่ากัน
แต่ในแง่หนึ่งคือ ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเลือกสำรวจทางลัดมากกว่าผู้หญิง ในความเป็นจริงแล้วอาจทำให้มีแนวโน้มที่จะหลงทางได้มากกว่า ในขณะที่ผู้หญิงมักจะรู้สึกปลอดภัยในเส้นทางที่คุ้นเคย เอาเป็นว่าถ้าไปเดินห้างชอปปิง ร้านไหนชั้นไหน น่าจะแม่นกว่าแน่ ๆ เพราะฉะนั้นการเป็น GOOD NAVIGATORS ไม่เกี่ยวกับเพศสภาพ แต่เกี่ยวกับการจดจำสภาพแวดล้อม ความช่างสังเกตและความตั้งใจที่อยากจะจำมากกว่า
แต่ในทางกลับกันแล้ว ถ้าเราไม่ได้เอาเวลาและการแข่งขันใดเป็นที่ตั้ง การหลงทางบ้างในบางครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายยิ่งใหญ่อะไร
บางครั้งสิ่งที่สำคัญกว่าจุดหมาย คือการเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทาง หากเราหลงทางในครั้งนี้ ลองเปลี่ยนจากความหงุดหงิดโมโห เป็นความคิดว่าการผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ลองปิดแอปพลิเคชัน แล้วกลับมาคิดเสียว่าเราจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไรโดยไม่พึ่งเทคโนโลยี บางทีอาจจะทำให้เรานึกถึงผู้คนในสมัยก่อนที่ไม่ได้มีโทรศัพท์มือถือ คนเหล่านั้นสามารถไปในที่ทางไม่คุ้นเคยได้อย่างไร เขาทำได้เราก็ทำได้
แรงบันดาลใจของบทความนี้ เกิดขึ้นตอนที่หัวเสียสุด ๆ กับการเดินทางไปย่านเมืองเก่าเพื่อไปชมแกลเลอรีเปิดใหม่ของรุ่นน้อง นอกจากจะไม่มีการปักหมุดที่แน่ชัดแล้ว ยังเป็นย่านที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง แค่เรื่องการจราจรที่เดี๋ยววันเวย์เส้นนี้เลี้ยวได้เลี้ยวไม่ได้ ที่จอดรถไม่มี ขับเลยแล้ววนเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง จนเมื่อได้ที่จอดซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าใกล้หมุดหมายที่ตั้งใจไว้แค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าเปลืองน้ำมันไปโดยใช่เหตุ
พอเปิดประตูก้าวลงจากรถ เข้าห้องน้ำห้องท่าล้างมือส่องกระจก ความร้อนรุ่มข้างในหายไป 50% ตั้งสติแล้วก็ค่อยเดินลัดเลาะไปตามทาง จากที่เคยลงรถแล้วเข้าสู่จุดหมายในทันที การเดินหาเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เราต้องมองซ้ายมองขวา เพื่อหาจุดเชื่อมโยงสถานที่ตามคำบอกเล่า ได้เห็นบ้านเรือนสถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของผู้คนต่าง ๆ ได้เห็นร้านรวงทั้งแบบดั้งเดิม กลิ่นอาหารหลากหลายชนิด คุณลุงคุณป้าเด็กตัวเล็กตัวน้อยในชุดนักเรียน มีร้านกาแฟสไตล์มินิมอลแทรกตัวอยู่ตรงหัวมุมซอกซอย ร้านขายดอกไม้ไหว้พระ ใบเตยหอม จากฝีเท้าที่เร่งรีบค่อย ๆ ลดความเร็วลงและเพลิดเพลินกับเรื่องราวคุ้นเคยที่ไม่ได้ชะลอความเร็วของชีวิตเพื่อมองดู นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับคนแปลกหน้า และยิ้มรับให้กับคนที่เดินมาชนและกล่าวคำขอโทษ
พอหัวใจเริ่มเย็นลง ก็พบว่าจุดมุ่งหมายก็ยังคงอยู่ที่เดิม เราอาจจะถึงช้าลงไปหน่อย แต่ก็สามารถเปลี่ยนความขุ่นเคืองให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่เห็นเป็นไร
แม้แต่เข้ามาถึงในซอยแล้วก็ยังหลง ป้ายติดไว้แต่ไม่รู้ลูกศรชี้ไปทางไหน เราเอ่ยปากถามทางผู้คนในชุมชน เห็นความกระตือรือร้นของคุณลุงท่านหนึ่ง ที่ไม่เพียงแต่จะบอกทางเฉย ๆ ยังเดินนำพาไปยังจุดหมาย เรายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณน้ำใจไมตรีของคุณลุงด้วยความรู้สึกยินดี เมื่อไปถึงแกลเลอรีเรามีเรื่องเล่าอีกนิดไว้คุยกับเพื่อน ตรงนั้นมีร้านน้ำชา ขนมครกหน้าเซเว่นน่ากินมากเลย คุณลุงที่เดินมาส่งคือคนที่เคยเอาขนมมาฝากตอนเริ่มทำแกลเลอรีใหม่ ๆ และทำให้เราจำแม่นมากขึ้นเพราะเส้นทางนี้เราเคยหลงมาแล้ว
เมื่อผ่านเรื่องนี้มาได้ เรากลับค้นพบว่าชีวิตเราพลาดอะไรไปมากมายเพราะความเร่งรีบ ครั้งต่อไปที่เรามาที่นี่อีก ลองเปลี่ยนวิธีเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากจะไม่ต้องหาที่จอดรถแล้ว กลับรู้สึกสนุกทันทีตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ตั้งแต่การเตรียมตัวว่าจะต้องใส่รองเท้าแบบไหนที่ทำให้เดินสบาย เตรียมน้ำใส่กระเป๋าเป้ไปด้วย นั่ง MRT ตรงนี้ลงสถานีไหน ทางออกที่เท่าไหร่ ได้เห็นสถานีรถไฟใต้ดินสามยอดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จากที่คิดว่าจะนั่งรถต่อ เราเปลี่ยนเป็นการลองเดิน ผ่านวัดสุทัศน์ ผ่านร้านขายปืน ถ่ายรูประหว่างทาง เผื่อเวลาให้มากขึ้นหน่อย พอใกล้ถึงจุดหมาย แวะซื้อขนมครกหน้าเซเว่นที่แอบเล็งไว้คราวก่อน ได้เผาผลาญพลังงาน หัวใจสูบฉีด และได้แก้มแดง ๆ แบบธรรมชาติ
ในโลกที่สะดวกสบายจนเราอาจไม่ต้องพึ่งพาอาศัยกันเป็นเรื่องปกติ ลองให้การหลงทางครั้งนี้พาเราไปสำรวจสิ่งใหม่ ๆ เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับคนแปลกหน้า ลดกำแพงของตัวเองลงมาอีกหน่อย ลดจุดโฟกัสในการมองไปที่เป้าหมายอีกนิด ช่วยให้เรามองเห็นหลายสิ่งที่มองข้ามระหว่างทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมือนกับที่มีคนเคยกล่าวไว้ ว่าการเดินทางก็สำคัญไม่แพ้จุดหมาย ยิ่งการเดินทางยากลำบากแค่ไหน ก็ทำให้จุดหมายสวยงามขึ้นกว่าเดิม
เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในการใช้ชีวิต ปรับมุมมองวิธีคิดแค่นิดเดียวทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น สนุกกับอุปสรรคที่เข้ามาบ้าง สนุกกับการค้นพบที่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะถึงแม้มนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ระบบการนำทางไม่ได้ดีเยี่ยมที่สุดก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะเราสามารถเรียนรู้และรื่นรมย์ไปกับหนทางใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูล >> THE MATTER
เรื่อง / ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน