π=?
บางคนอาจจะยังพอจำได้ว่าสัญลักษณ์ π นี้อยู่ในสูตรเลขตอนเรียนบทเกี่ยวกับเรขาคณิต ที่เราเคยต้องท่องกันตอนเด็ก ๆ ว่า
“ค่าพาย เท่ากับ ยี่สิบสองส่วนเจ็ด” โดยคิดเป็นเลขทศนิยมได้ประมาณ 3.14159265359
หรือถ้าให้ละเอียดกว่านั้นก็ 3.1415926535 8979323846 2643383279 5028841971 6939937510 5820974944 5923078164 0628620899 8628034825 3421170679... … … …
ที่ใส่จุดให้อีกมากมายเพราะเมื่อเอาเลข 22 มาหารด้วย 7 แล้วผลลัพธ์หลังจุดทศนิยมก็ยืดยาวออกไปแบบหารไม่สุดไม่สิ้น เมื่อค้นวิกิพีเดียดูเขาก็บอกไว้ว่า ถ้าให้คอมพิวเตอร์ที่บ้านช่วยหารให้ก็จะได้คำตอบออกมาที่ทศนิยมประมาณพันล้านหลัก แต่ถ้ายังละเอียดไม่พออีกล่ะก็ ให้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ช่วยคิดละกัน มันใช้เวลาคำนวณไปเกือบปีเพื่อจะได้คำตอบออกมาที่ประมาณ ล้านล้านหลัก (ล้านล้าน ที่มีศูนย์ 12 ตัวนั่นแหละ) และยังคงสามารถหาผลลัพธ์หลักต่อ ๆ ไปได้อีกเรื่อย ๆ เท่าที่เทคโนโลยีจะไปถึง (และเท่าที่ยังมีคนอยากรู้)
หนึ่งปีมีกี่วัน?
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมหนึ่งวันต้องมี 24 ชั่วโมง? ทำไมหนึ่งชั่วโมงต้องแบ่งเป็น 60 นาที แล้วหนึ่งนาทีคือ 60 วินาที?
แต่ละสัปดาห์มี 7 วันเท่า ๆ กัน แต่พอมาถึงการนับเดือน กลับมีจำนวนวันไม่เท่ากันในแต่ละเดือนเสียงอย่างนั้น
พอมาถึงจำนวน 365 วันในหนึ่งปี ก็ออกอาการขมวดคิ้วไปใหญ่ละ ในเมื่อจริง ๆ แล้วโลกไม่ได้หมุนครบหนึ่งรอบด้วยจำนวนวันเท่านี้เสียหน่อย ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งทดเพิ่มไปอีกหนึ่งวันทุกสี่ปีหรอก
ทดแล้วก็ยังไม่ตรงอยู่ดีนะ เพราะถ้าจะเอาให้เป๊ะ ๆ หนึ่งปีมี 365.2421875 วัน โอ๊ยยย
รู้แล้วมีประโยชน์อะไรกับชีวิตฉันเนี่ย?!
เราอาจจะเคยคิดแบบนี้อยู่ในใจตอนที่นั่งหาวหวอดอยู่ในห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ บางคนอาจจะถึงขั้นเคยยกมือถามคุณครูโต้ง ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ
คุณครูอาจจะบอกว่า การทำรายรับรายจ่ายในชีวิตประจำวันก็ต้องรู้จักคิดเลข หรือเข้าแอปชอปปิ้งออนไลน์ถ้าคิดเลขเก่งก็จะได้เทียบราคาสินค้าแต่ละร้านได้ราคาถูก หรืออย่างการคำนวณภาษีเพื่อยื่นตอนปลายปีก็จำเป็นนะคะนักเรียน ไม่รู้นักเรียนคนอื่นได้คำตอบหรือได้ไม้เรียว (โอ้วไม่นะ!) แต่เราคนหนึ่งล่ะที่ยังไม่เคยได้คำตอบที่น่าพอใจ จนบังเอิญได้ฟังรายการพอดแคสต์สัมภาษณ์อดีตครูสอนคณิตศาสตร์ระดับมัธยมท่านหนึ่ง
“ผมเป็น stand up mathematician” คือคำที่แมตต์ พาร์กเกอร์ใช้จำกัดความตัวเองเมื่อถูกบอกให้แนะนำตัว “ผมว่าผมเป็นนักคณิตศาสตร์เป็นหลัก รองลงมาก็เป็นนักแสดงตลก”
ที่แมตต์ได้มาเป็นแขกรับเชิญให้กับพอดแคสต์วิทยาศาสตร์ในหัวข้อ “วันแห่ง Pi” เพราะเขาเป็นเจ้าของผลงานหนังสือที่มีชื่อว่า “Humble Pi”
“เราชอบพายเพราะมันมักจะไปปรากฏอยู่ในที่ที่เราไม่คาดคิด คุณอาจจะกำลังแก้โจทย์อะไรสักอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับพายเลย แล้วจู่ ๆ เจ้าพายมันก็โผล่มา”
แมตต์ตอบคำถามถึงความมีเสน่ห์ของค่าพาย ก่อนที่จะรีวิวหนังสือของตัวเองสั้น ๆ ว่าความตั้งใจในการรวบรวมผลงานเล่มนี้ขึ้นมาก็เพื่อบอกกับทุกคนที่เคยนั่งสงสัยอยู่ในห้องเรียนว่า “เราจะเรียนเลขกันไปทำไม?”
แต่แทนที่จะบอกว่าคณิตศาสตร์มีประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้ เขากลับเลือกที่จะเล่าสารพัดเหตุการณ์เมื่อ “คณิตคิดพลาด” แทน
ขณะที่แมตต์หลงใหลในค่าพาย การเขียนโค้ด และการคำนวณ เราที่เป็นผู้อ่านรู้สึกทึ่งในความลุยสุดตัวของเขา ไม่ใช่เฉพาะเมื่อเขาได้เจอสมการซับซ้อนหรือโค้ดในการเขียนโปรแกรมที่แสนยั่วยวนเท่านั้น เวลาเกิดความสนใจหรือสงสัยเรื่องอะไรขึ้นมา ตั้งแต่ป้ายจราจร รูปวาดพระจันทร์เคียงดาว ชุดทหาร ตารางเข้าฟิตเนส ไปยันหนังสือชีวะเรื่องแมลงวัน เขาก็ดูจะพร้อมรวบรวมเครื่องมือและความรู้ที่มีกระโจนลงไปค้นคว้ามันทุกเรื่อง และแน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ดึงมันกลับเข้าสู่คณิตศาสตร์ได้ทุกทีไป
หลังจากอ่านจนจบแล้วก็พบว่าหลายเหตุการณ์ในหนังสือเล่มนี้ หยิบเอามาเป็นไอเดียเป็นต้นทางของพล็อตหนังได้หลายได้เพียบ แถมสร้างได้หลากหลายแนวมาก ๆ อย่างสืบสวนสอบสวน จารกรรม ฆาตกรรม หนังสงคราม ดราม่า ชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เอเลี่ยน หรือแม้กระทั่งหนังรัก
ในเมื่อเรื่องราวของตัวเลขมันแทรกซึมไปทั่วขนาดนี้ แมตต์จะเลือกเอาสถานการณ์สนุก ๆ ที่จบแบบ happy ending มาเล่าก็ได้แทนที่แมตต์จะเขียนถึงสำเร็จจากความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์ที่มีต่อมนุษย์โลก เขากลับเลือกที่จะ “รวบรวมข้อผิดพลาดทางคณิตศาสตร์ทั้งหลายที่ผมประทับใจ” มาเขียนเป็นหนังสือแทน
มากกว่าหนึ่งครั้งที่เขาบ่นถึงเรื่องความโปร่งใสในการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยและการสืบสวนจากกรณีที่มนุษย์เลินเล่อ หรือคำนวณพลาด ทั้งที่รายละเอียดเหล่านั้นนั่นแหละที่จะเป็นเหมือนแผนที่ให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปเลือกเส้นทางได้ดีขึ้น
การย่อยเรื่องราวบ้ง ๆ ในวงการตัวเลขออกมาให้อ่านง่ายของแมตต์จึงเป็นทั้งการเชื้อชวนคนเบื่อคาบคณิตให้หันมาสนุกกับมัน และเป็นวิธีการทิ้งร่องรอยความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นจากสิ่งประดิษฐ์และโครงการมากมายเอาไว้ให้คนรุ่นถัดไปให้ได้เรียนรู้อีกด้วย
คนแบ่งปันเส้นทางความสำเร็จมีเยอะแล้ว มีคนมาแชร์ก้าวที่พลาดให้เราฟังบ้างก็ดีจะได้เลี่ยงการทำผิดแบบเดิม และจะได้ไม่ต้องมามัวสอนตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวว่า อย่าโตไปทำอะไรบ้ง ๆ แบบลุงเขา
อ่านคำโปรยและตัวอย่างเนื้อหาของหนังสือ คลิก>>“Humble Pi: A Comedy of Math Errors – คณิตคิดพลาด: รวมเรื่องวายป่วงในวันที่คณิตศาสตร์รู้พลั้ง” ของ Matt Parker แปลโดย สกุลรัตน์ บวรสันติสุทธิ์
รายการพอดแคสต์ Short Wave โดย npr ตอน “Humble Pi: When Math Goes Awry” << คลิก Matt Parker พูดถึงหนังสือ Humble Pi ของเขา ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 เนื่องในวัน Pi Day