ตั้งแต่ที่ 'วินนี่ เดอะ พหู์ (Winnie the Pooh)' ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1926 'พูห์' และเหล่าผองเพื่อน ก็ได้กลายมาเป็นตัวละครขวัญใจของเด็ก ๆ ทั่วทุกมุมโลกมานานเกือบศตวรรษ และได้มีการกำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันหมีพูห์ หรือ National winnie the pooh days และเพื่อระลึกถึงตัวละครในตำนานนี้ ALTV ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับหมีพูห์ที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้มาฝากกัน
“Winnie-the-Pooh” (วินนี่-เดอะ-พูห์) คือวรรณกรรมเยาวชนสุดโด่งดังที่ประพันธ์ขึ้นโดยนักเขียนชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Alan Alexander Milne หรือ A. A. MILNE (เอ. เอ. มิลน์) ตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกเมื่อ วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1926
วินนี่ เดอะ พูห์ นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยในป่าร้อยเอเคอร์ของพูห์และผองเพื่อน ได้แก่ พิกเล็ต ทิกเกอร์ แรบบิท อียอร์ รู แคงก้า และคริสโตเฟอร์ โรบิน ซึ่งนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ถูกสร้างสรรค์ออกมาหลายเวอร์ชัน ทั้งแบบแอนิเมชัน และภาพยนตร์ไลฟ์-แอ็กชัน
'คริสโตเฟอร์ โรบิน' (Christopher Robin) เด็กชายผมบลอนด์บุคลิกร่าเริง สดใส เพื่อนคนสนิทของ “พูห์” คือตัวละครที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ ที่มีต้นแบบมาจาก 'ลูกชาย' ของเขาที่ชื่อว่า 'คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์' (Christopher Robin Milne) ที่แท้จริงแล้วไม่ได้มีชีวิตสวยงามเหมือนในวรรณกรรมที่พ่อเขาแต่งขึ้น
คริสโตเฟอร์ โรบิน มีวัยเด็กที่ห่างเหินกับพ่อแม่ เขามีเพียงสาวใช้และตุ๊กตาหมีคู่ใจเป็นเพื่อน เด็กน้อยมักจินตนาการว่าได้วิ่งเล่น พูดคุยอย่างสนุกสนานกับพวกมันในป่า ซึ่งในภายหลังเรื่องราวในจินตนาการของเด็กน้อยก็ได้กลายเป็นไอเดียให้ เอ.เอ.มิลน์ หยิบยกมาร้อยเรียงเป็นหนังสือที่โด่งดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ครั้งแรกที่ตีพิมพ์
แต่ทว่า การประสบความสำเร็จของวินนี่ เดอะ พูห์ ต้องแลกมากับการที่คริสโตเฟอร์ในวัยเด็กถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้ง บ้างก็ล้อเลียนถึง 'เพื่อนสัตว์ในจินตนาการ' มิหนำซ้ำพ่อและแม่ก็ดูไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญเท่าไหร่นัก หรือแม้แต่ตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังถูกคาดหวังกับบทบาทของคริสโตเฟอร์จากวรรณกรรมที่พ่อเขาแต่งขึ้น ทำให้เขามีทั้งความรู้สึกรักและเกลียดเรื่องราวใน Winnie the Pooh ในคราวเดียวกัน และท้ายที่สุดเขาได้ปฏิเสธที่จะรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากผลงานของพ่อเขาทั้งหมด
จากคำนำหน้าหนังสือกวีนิพนธ์ 'When We Were Very Young' โดย เอ.เอ. มิลน์ ได้อธิบายไว้ว่า ต้นฉบับของหมีพูห์ตัวสีเหลืองที่เราคุ้นเคยกันนี้ มีต้นแบบมาจากตุ๊กตาหมีคู่ใจของคริสโตเฟอร์ในวัยเด็กนั่นเอง เดิมเขาเรียกตุ๊กตาว่า "เอ็ดเวิร์ด (Edward)" แต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "วินนี่ เดอะ พูห์" ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่าง "วินนี่เพก (Winnipeg)" ชื่อของหมีดำเพศเมีย ที่เคยอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ในกรุงลอนดอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 และ 'พูห์' ที่มาจากชื่อของ 'หงษ์' ที่พวกเขาเลี้ยงไว้ในฟาร์ม
เหตุผลที่ตั้งชื่อตามหมีดำตัวดังกล่าว เป็นเพราะคริสโตเฟอร์ในวัยเด็กชื่นชอบวินนี่เพกอย่างมาก หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวสวนสัตว์เมื่อไหร่จะต้องไม่พลาดไปเยี่ยมมันทุกครั้ง และนับตั้งแต่วันที่วินนี่ เดอะ พูห์ได้รับการตีพิมพ์ วินนี่เพกก็ได้กลายเป็นดาวเด่นประจำสวนสัตว์ จนกระทั่งที่มันเสียชีวิตลงในปี 1934 ได้มีการสร้างอนุสรณ์รำลึกไว้ที่ Assiniboine Park ของเมืองวินนิเพก เพื่อเป็นการรำลึกถึงหมีดำที่มีส่วนเชื่อมโยงกับวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของโลก
หมีรูปร่างอ้วนกลมตัวสีเหลืองที่มาพร้อมกับเสื้อยืดสีแดง อาจเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในความมทรงจำของใครหลายคน แต่ทว่าหมีพูห์ดั้งเดิมตามจินตนาการของ เอ. เอ. มิลล์ นั้นไม่ได้มีสีเหลืองสดใส แต่มีสีน้ำตาลอ่อน ไม่สวมเสื้อผ้า มองเผิน ๆ แล้วเหมือนตุ๊กตาหมีทั่วไป
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 วินนี่ เดอะ พูห์ ได้ตกเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท วอลต์ ดิสนีย์ (Walt Disney) และได้มีการนำตัวละครต่าง ๆ มาดัดแปลงใหม่ให้มีรูปร่างและสีสันที่สดใสขึ้นเข้าถึงเด็ก ๆ มากขึ้น และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตัวละครหมีพูห์ในเวอร์ชันสีเหลืองสดใส มาพร้อมกับเสื้อยืดสีแดงก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และโด่งดังไปทั่วโลก
สถานที่สำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยของพูห์และผองเพื่อน แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น 'ป่าร้อยร้อยเอเคอร์ (Hundred Acre Wood)' ที่มิลล์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างป่านี้ขึ้นมาจาก 'ป่าแอชดาวน์ (Ashdown Forest)' ป่าขนาด 500 เอเคอร์ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษซึ่งเป็นสถานที่ที่ลูกชายของเขามักไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนตุ๊กตาอยู่บ่อย ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์
'ป่าแอชดาวน์ (Ashdown Forest)' เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายากมากมาย เช่น กวางซีกา (Sika deer) ตัวแบดเจอร์ (ฺBadgers) นกดาร์ทฟอร์ดวอร์เบลอร์ (Dart Warblers) ในปัจจุบันป่าแอชดาวน์รู้จักในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติเชิงอนุรักษ์ ที่นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติแล้ว ยังได้หวนนึกถึงหนึ่งในการ์ตูนในวัยเด็กที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกอีกด้วย
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่ 'เพื่อนในจินตนาการของเด็กคนนึง' จะกลายมาเป็นตัวละครที่คนทั่วโลกรู้จัก และแม้ว่าจะผ่านมาแล้วเกือบศตวรรษก็ยังคงเป็นการ์ตูนที่ยังได้รับการกล่าวถึง และมีความหมายต่อจิตใจของใครหลายคน
ที่มา Mental floss