ความสะดุดตาของแพ็กเกจจิ้งมักเป็นปัจจัยแรกๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ยิ่งถ้าหีบห่อนั้นเป็นงานแฮนด์เมดที่ทำออกมาไม่ซ้ำรูปแบบ หรือเป็นชิ้นเดียวในโลกด้วยแล้ว ผู้บริโภคยิ่งเกิดความรู้สึกของการตั้งตารอด้วยความตื่นเต้นว่า พัสดุที่บุรุษไปรณ์ย์กำลังนำมาส่งตัวเองในครั้งนี้นั้น หน้าตาของหีบห่อจะเป็นอย่างไร

Garuna Selected Shop เป็นร้านขายสินค้าวินเทจออนไลน์ ที่ถ้าจะจำกัดความคอนเซ็ปต์สินค้าของร้านนี้ก็คงต้องบอกว่า ‘เจ้าของชอบสไตล์ไหนก็ขายแบบนั้น’ โดยมีมาตรฐานในหีบห่อเป็นสิ่งที่มัดใจลูกค้ามาตลอดระยะเวลาแปดปี

คุณแจง มล.ประวิตรา เทวกุล มีประสบการณ์ทำงานด้านกราฟฟิกดีไซน์มายาวนานกว่า 20 ปี เคยเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์อยู่ที่บริษัทโฆษณาหลายแห่ง ปัจจุบันเป็นโปรดักส์ดีไซน์เนอร์อยู่ที่แบรนด์เครื่องหอมแห่งหนึ่ง

ร้าน Selected Shop ออนไลน์ของเธอเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน ภายหลังที่เธอตรวจสุขภาพและได้พบว่าตัวเองมีค่ามะเร็งในตับค่อนข้างสูง ในวันที่ทราบผลนั้นเธอจินตนาการไปต่างๆ นานา รวมถึงการวางแผนหารายได้เสริมเพื่อเตรียมเงินไว้สำหรับรักษาตัว

ด้วยความที่แต่ไหนแต่ไรมา คุณแจงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ชอบซื้อของ เวลาไปตลาดของเก่าในต่างประเทศที เธอจะขนซื้อของกลับมาเยอะมาก ตุ๊กตาเอย จานชามเอย ยิ่งถ้าเป็นพวกผ้านี่คุณแจงชอบมาก ซื้อไม่หยุด ของโดยมากที่ซื้อมาก็ไม่ได้เอามาใช้งานหรอก เป็นการซื้อสะสมเสียมากกว่า จนในวันที่คิดว่าต้องหารายได้เพิ่มเพื่อเป็นทุนสำรองในการรักษาตัว เธอตั้งคำถามกับตัวเองและข้าวของที่วางกองอยู่ตรงหน้าว่า ‘เราจำเป็นต้องเป็นเจ้าของทุกอย่างไหม?’

“ตอนนั้นพอคิดว่าจะเป็นมะเร็งตับ กลับมามองดูข้าวของที่บ้านแล้วก็นึกได้ว่าเอาไปขายดีกว่า เพราะเกิดวันนึงตายไปเราก็คงไม่ได้ใช้ และจะได้หาเงินเตรียมไว้รักษาตัวเองด้วย”

คุณแจงเองมีความฝันมานานแล้วที่อยากจะเปิดร้านขายสินค้าจากทั่วโลก แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบในงานประจำ เธอเลยไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดเรื่องทำธุรกิจ ผลตรวจสุขภาพจึงถือป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เธอตัดสินใจเปิดร้าน Garuna Selected Shop ในอินสตราแกรมโดยไม่มีข้ออ้างในเรื่องของเวลาอีกต่อไป

“ต้องทำแล้ว ต้องทำเดี๋ยวนี้”



ในเวลาต่อมา หลังจากที่เธอเปิดร้านทางอินสตาแกรมแล้ว เธอก็เพิ่งมาพบข้อเท็จจริงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งว่า การมีค่ามะเร็งในตับสูงไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเธอเป็นโรคมะเร็ง เธอยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นความกังวลที่เธอคิดไกลไปเอง แต่ก็ต้องขอบคุณความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากความกังวลนั้น เพราะมันทำให้เธอตัดสินใจลงมือเปิดร้านได้เร็วขึ้น

“ตอนเปิดร้านในไอจีใหม่ๆ มีเพื่อนๆ กันตามอยู่แค่ร้อยสองร้อยคนเอง ช่วงแรกๆ ที่ขายของได้นี่ตื่นเต้นมาก ก่อนจะส่งให้ลูกค้าก็ต้องห่อให้สวย ไม่สวยไม่ส่ง คือต้องห่อให้ดีที่สุด เพราะตัวเราเองเป็นคนชอบการห่ออยู่แล้ว ปรากฏพอคนซื้อไปเขาก็ถ่ายรูปแพ็กเกจจิ้งโพสต์ในไอจีกัน กลายเป็นว่าเขาไม่ได้พูดถึงของที่ซื้อไปหรอก แต่เขาพูดถึงแพ็กเกจจิ้ง”

ความเร็วของโลกทุกวันนี้อำนวยต่อธุรกิจการขายของออนไลน์ เรียกว่าแค่มีสินค้าที่ถูกใจผู้บริโภคและโทรศัพท์ดีๆ สักเครื่องเพื่อใช้ถ่ายรูปโพสต์ขายของ แป๊บๆ รายได้ก็วิ่งเข้ามาทางกล่องข้อความแล้ว แต่ไม่ใช่กับ Garuna Selected Shop ค่ะ คุณแจงเป็นคนละเอียดมาก กว่าจะขายอะไรได้สักครั้งต้องใช้เวลาเกือบสองอาทิตย์ เริ่มจากขั้นตอนการเลือกสินค้าที่จะโพสต์ขาย การถ่ายรูป โดยการถ่ายภาพสินค้าต่อหนึ่งชิ้นนั้นคุณแจงจะถ่ายประมาณสามถึงสี่สิบรูป

ถ้ามีสินค้าสัก 20 ชิ้น ก็เท่ากับคุณแจงจะต้องถ่ายรูปประมาณ 600 รูป คุณแจงว่าที่ต้องถ่ายรูปเยอะ เพราะเวลาลูกค้าส่งข้อความมาถามหลังบ้านจะถามข้อมูลกันละเอียด คุณแจงเลยต้องเตรียมภาพถ่ายที่ครอบคลุมทุกมุมของสินค้าเพื่อเตรียมไว้สำหรับส่งกลับไปเป็นคำตอบ เพราะการอธิบายโต้ตอบกันไปมาด้วยตัวอักษร บางทีลูกค้าจะนึกภาพไม่ออก แม่ค้าเองก็ต้องใช้เวลาในการพิมพ์ข้อความเยอะ

หลังการยืนยันสินค้าผ่านทางกล่องข้อความแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการห่อแพ็กเกจจิ้ง คุณแจงใช้พลังเยอะมากในขั้นตอนนี้ เธอมักจะออกตัวกับลูกค้าไว้ล่วงหน้าว่า สินค้าของเธอเร่งส่งไม่ได้ เพราะการห่อแพ็กเกจจิ้งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ลูกค้าที่ติดตามอินสตาแกรมของ Garuna Selected Shop มาอย่างเหนียวแน่นตลอดแปดปีต่างก็เข้าใจในจุดนี้ดี การขายสินค้าของแจงจะโพสต์ขายเพียงเดือนละ 1- 3 ครั้งเท่านั้น ราคามีตั้งแต่แต่หลักร้อยบาทไปจนหลักพันบาท

“มันคือมาตรฐานของร้านเราไปแล้ว เรื่องของการห่อมันเร่งไม่ได้จริงๆ หลังลูกค้าซื้อของเรา

เขาเลยจะไม่ได้รับของทันทีภายในสามถึงสี่วัน แต่ต้องรอประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ 

มีเหมือนกันนะคะที่บอกว่าขอแต่สินค้าก็ได้ เขารีบ เขาไม่เอาหีบห่อ แต่สุดท้ายเราก็เร่งมือทำให้เขาอยู่ดีนั่นล่ะ มันอดไม่ได้”

จะว่าไป แม้วัสดุที่คุณแจงใช้ในการห่อแพ็กเกจจิ้งจะเป็นวัสดุเหลือใช้ หรือสิ่งที่หาได้จากรอบตัวเสียโดยมาก แต่ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องหาซื้อมาเพิ่มอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเชือก กระดุม แผ่นสติกเกอร์ กระดาษสีจากร้านขายต้นไม้ที่ไปเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องขอซื้อติดมือกลับมา เหล่านี้ล้วนเป็นรายจ่ายที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์หลายๆ เจ้าอาจมองว่าเป็นเรื่องเกินความจำเป็น

เราเลยอดที่จะถามคุณแจงไม่ได้ว่า สิ่งที่เธอทำอยู่มันคุ้มเหรอกับเวลาและค่าใช้จ่ายที่เสียไป

“ไม่ได้คิดเลยค่ะว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ไม่เคยทำบัญชีด้วยนะ เพิ่งมาเริ่มทำเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมาเอง บางครั้งก็เหนื่อยในการห่อนะคะแต่มันเป็นความเหนื่อยที่ปนด้วยความสนุก

ขณะเดียวกันก็มีความกดดันเหมือนกัน เพราะการที่เราทำแบบนี้มาแปดปี ก็จะมีลูกค้าประจำที่ซื้อของกันมาตลอด ซื้อทีสี่ห้าชิ้น เราก็ต้องคอยคิดอยู่ตลอดว่าครั้งต่อไปจะห่อให้เขาแบบไหนดีที่จะไม่ซ้ำกับครั้งก่อนๆ คือเราจะรู้สึกผิดมากถ้าลูกค้าที่เขาอุตส่าห์ตามเรามาตลอด ถึงเวลาพอเขาได้รับของแล้วเขาไม่ถูกใจในแพ็กเกจจิ้ง”

อย่างที่คุณแจงบอกในช่วงแรกของบทความค่ะ สำหรับเธอ ‘มาตรฐาน’ คือหัวใจในการทำธุรกิจ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยอมใช้เวลาไปกับการนั่งห่อแพ็กเกจจิ้งถึงสี่วันต่อการรับออร์เดอร์สินค้าหนึ่งครั้ง