เมื่อนึกถึงบทเพลงเฉลิมฉลองในเทศกาลวันคริสต์มาส หรือคริสต์มาสแครอล (Christmas carols) ทุกคนอาจนึกถึงเพลง Jingle bells หรือเพลง Santa claus is coming to town แต่ในบรรดาบทเพลงเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสทั้งหมด เพลงที่ชาวคริสต์ทั่วโลกนำมาร้องขับขานกันมากที่สุดเพลงหนึ่ง คงต้องยกให้เพลง "Silent night" บทเพลงอันทรงคุณค่าบนโลกใบนี้
ซึ่งกลายเป็นบทเพลงแห่งสันติสุข แต่ใครจะรู้ว่าแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้เกิดขึ้นจากความโศกเศร้าของคริสตชน
เพลงแห่งความหวังในคืนบอบช้ำหลังสงคราม
ในปีค.ศ. 1816 เนื้อเพลง Silent night ถูกประพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในเยอรมัน หลังสิ้นสุดสงครามนโปเลียน (ค.ศ. 1803-1815) โดยบาทหลวงหนุ่มชาวออสเตรียชื่อ “โจเซฟ โมห์ร” (Joseph Mohr)
ผลพวงจากความบอบช้ำของสงครามบวกกับภัยแล้ง ทำให้คริสต์ศาสนิกชนที่มาชุมนุมในโบสถ์ต่างสิ้นหวัง ยากไร้ บาทหลวงโจเซฟจึงประพันธ์บทกวีในภาษาเยอรมันที่มีชื่อว่า "Stille Nacht, Heilige Nacht" เพื่อปลอบขวัญและเป็นกำลังใจให้รำลึกว่า “พระเจ้ายังทรงห่วงใยทุกคน”
เนื้อเพลง Silent night โดยโจเซฟ โมห์รและฟรันทซ์ ซาเวอร์ กรูเบอร์ ในพิพิธภัณฑ์ซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย
ต่อมาในปีค.ศ. 1817 บาทหลวงโจเซฟย้ายมาอยู่ที่โบสถ์เซนต์นิโคลัสในเมืองโอเบิร์นดอร์ฟ (Oberndorf) โดยขอให้เพื่อนที่เป็นนักดนตรีออร์แกนในโบสถ์ชื่อ “ฟรันทซ์ ซาเวอร์ กรูเบอร์” (Franz Xaver Gruber) ช่วยแต่งเรียบเรียงเนื้อร้องและทำนองต่อจนสมบูรณ์ สำหรับใช้พิธีมิสซาที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง และ "Stille Nacht, Heilige Nacht" ก็ถูกนำมาขับร้องเป็นครั้งแรกในคืนวันคริสมาสอีฟ 24 ธันวาคม ค.ศ.1818 ด้วยเครื่องดนตรีที่แสนเรียบง่ายคือกีตาร์
ท่วงทำนองของเพลง “Silent Night” ในยุคนั้น มีพื้นฐานมาจากสไตล์ดนตรีคลาสสิคของอิตาลี ที่เลียนแบบเสียงน้ำและเกลียวคลื่น เรียกว่า “ซิซิลีอานา” ซึ่งเป็นดนตรีที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบแม่น้ำซาลซักค์ (Salzach)
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเพลง Stille Nacht ก่อนจะถูกแปลเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษชื่อ Silent night โดยบาทหลวงจอห์น ฟรีแมน ยัง (John Freeman Young) ในปีค.ศ. 1863 ซึ่งเป็นปีที่ฟรันทซ์ ซาเวอร์ กรูเบอร์ เสียชีวิต
เพลง Stille Nacht ในเวอร์ชันภาษาเยอรมัน
ปาฏิหาริย์บังเกิดเพลง Silent Night ช่วยหยุดสงคราม
ด้วยมนต์ขลังแห่งเพลง Silent Night ครั้งหนึ่งเคยสร้างตำนานสันติภาพ "การพักรบคริสต์มาส" หรือ "Christmas Truce" ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ท่ามกลางการสู้รบที่เกิดการนองเลือดมีผู้คนล้มตายนับล้าน หลังเกิดสงครามเพียงแค่สี่เดือน แต่ในค่ำคืนวันคริสมาสอีฟ 24 ธันวาคม ปีค.ศ. 1914 กลับมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในสมรภูมิรบอันเยือกเย็นในฝรั่งเศส
กองกำลังอังกฤษที่กำลังซุ่มดูศัตรูต้องประหลาดใจ เมื่อมีแสงเทียนต้นคริสมาสส่องสว่างตลอดแนวรบฝั่งเยอรมัน ทหารเยอรมันเริ่มร้องเพลง "Silent Night, Holy Night, All is calm, All is quiet....แทนคำทักทายและเป็นของขวัญในวันคริสต์มาสให้กับทหารฝ่ายตรงข้าม ทหารฝ่ายอังกฤษตอบโต้อย่างสันติด้วยเพลง "The First Noel" ทหารนับแสนนายที่เป็นอริต่างเฉลิมฉลองการประสูติของพระเจ้าร่วมกัน มีการทักทายและอวยพรให้แก่กัน โดยตกลงที่จะสงบศึกชั่วคราวตลอดวันคริสต์มาสเพื่อสันติภาพท่ามกลางสงคราม
ภาพทหารอังกฤษและเยอรมันจับมือกันเพื่อสงบศึกในวันคริสต์มาสปีค.ศ. 1914
เช้าวันรุ่งขึ้น ทหารเยอรมันออกมาจากคูกำบังแล้วตะโกนว่า "Merry Christmas " ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรออกมาทักทายพวกเขาอย่างระวังตัว และในบางประเทศ ชาวเยอรมันออกมาถือป้ายที่เขียนว่า “ไม่ยิง เราไม่ยิง” ตลอดทั้งวัน
อ้างอิงจากคำบอกเล่าของทหารอังกฤษนายหนึ่ง
Silent night กลายเป็นบทเพลงมรดกโลก
การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว ชุมชนและโบสถ์ต่าง ๆ ทำให้เพลง Silent night กลายเป็นเพลงคริสต์มาสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยท่วงทำนองและเนื้อร้องที่ไพเราะได้สร้างแรงบันดาลใจให้มีการแปลมากกว่า 300 ภาษาและถูกนำมาเรียบเรียงในทำนองหลากสไตล์ ตั้งแต่แนวประสานเสียงไปจนถึงแนวเฮฟวีเมทัล
ปี 2011 องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็น “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” ตอกย้ำความเป็นบทเพลงศาสนาสุดคลาสสิกที่มีตำนานยาวนานกว่า 200 ปี
ในประเทศออสเตรีย เพลง “Stille Nacht” ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติไปโดยปริยาย เพลงนี้ไม่สามารถเปิดในที่สาธารณะก่อนวันคริสต์มาสอีฟ รวมถึงการใช้โฆษณาสินค้าในเชิงพาณิชย์
ในขณะที่ประเทศอื่น ๆมักนำเพลง “Silent Night” มาเปิดในห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่การนำเพลงมาเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาในทุกช่องทาง แต่ถึงอย่างไร “Silent Night” ยังคงถูกยกย่องให้เพลงคริสต์มาสของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเรียกเป็นภาษาใดก็ตาม
Silent Night (Christmas Carol)
Silent night, Holy night ค่ำคืนอันเงียบสงัด ค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์
All is calm, all is bright ทุกอย่างนั้นสงบเงียบ ทุกสิ่งนั้นส่องสว่าง
Round yon virgin , mother and child อยู่รอบ ๆ ตัวผู้ถือพรมจรรย์นางนั้น ทั้งคนแม่และเด็กน้อย
Holy infant so, tender and mild ทารกผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น
Sleep in heavenly peace, หลับใหลในความสงบแห่งสวรรค์
Sleep in heavenly peace. หลับใหลในความสงบแห่งสวรรค์
Silent night, Holy night ค่ำคืนอันเงียบสงัด ค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์
Shepherds quake, at the sight ผู้นำทางต้องสั่นเทาเมื่อได้พบเห็น
Glories stream from heaven above ความรุ่งโรจน์ได้โพยพุ่งลงมาจากสวรรค์เบื้องบน
Heavenly, hosts sing Hallelujah. ชาวสวรรค์ต่างขับขานฮาเลลูยาห์
Christ our Savior is born, ผู้พิทักษ์แห่งชาวคริสต์ได้ถือกำเนิดแล้ว
Christ our Savior is born. ผู้พิทักษ์แห่งชาวคริสต์ได้ถือกำเนิดแล้ว
Silent night, Holy night ค่ำคืนอันเงียบสงัด ค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์
Son of God, love’s pure light บุตรแห่งพระเจ้า แสงสว่างอันบริสุทธิ์แห่งความรัก
Radiant beams from thy holy face ส่องประกายแสงจากใบหน้าอันศักดิ์สิทธิ์
With the dawn of redeeming grace, ด้วยรุ่งอรุณแห่งความดีงาม
Jesus, Lord at thy born พระเยซูเจ้า ได้ถือกำเนิดแล้ว
Jesus, Lord at thy birth. พระเยซูเจ้า ได้ถือกำเนิดแล้ว
ขอความสุขจงปรากฏขึ้นแก่ทุกคน
Merry Christmas