เชื่อว่าในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ "เซลฟี่" กันแล้ว เพราะไม่ว่าไปที่ไหนภาพของผู้คนยกโทรศัพท์ถ่ายรูปตัวเองยังคงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า "จุดเริ่มต้นการเซลฟี่" เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วใครเป็นผู้นำกระแสนี้ วันนี้ ALTV จะพาไปหาคำตอบพร้อมกัน
“เซลฟี่” (Selfie) หนึ่งในวัฒนธรรมแห่งสังคมยุคใหม่ที่เราต่างคุ้นเคยกันดี และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่ ปัจจุบันยังคงมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อการเซลฟี่โดยเฉพาะ ตั้งแต่กล้องสมาร์ตโฟน นวัตกรรม AI ไปจนถึงโดรนขนาดพกพาที่ช่วยให้ได้ภาพถ่ายเซลฟี่มุมมองแปลกตามากขึ้น
โดยคำว่า 'เซลฟี่' เคยถูกกำหนดเป็นคำศัพท์แห่งปี (Words of the years) เมื่อปี 2013 โดย พจนานุกรมออกฟอร์ด (The Oxford Dictionary) โดยให้ความหมายว่า 'ภาพถ่ายตัวเองที่เกิดจากกล้องสมาร์ตโฟนหรือเว็บแคมและมีการอัปโหลดบนสื่อโซเชียลมีเดีย'
แต่ก่อนที่จะเป็นคำพูดติดปากเหมือนทุกวันนี้ คำว่า เซลฟี่ เริ่มจากเป็นคำแสลงที่ถูกใช้บนโลกออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2002 เชื่อว่าคนแรกที่ใช้คำนี้คือผู้ใช้สื่อโซเชียลในออสเตรเลีย นามว่า ‘Nathan Hope’ โดยชายผู้นี้ได้โพสต์ภาพถ่ายตนเองที่ได้รับแผลบาดเจ็บที่ริมฝีปากหลังกลับจากงานปาร์ตี้ลงในเว็บบล็อกส่วนตัว พร้อมเขียนบรรยายใต้ภาพว่า “I had a hole about 1 c.m. long right through my bottom lip. And sorry about the focus, it was a selfie.”
คาดว่าคำว่าเซลฟี่เป็นการย่อคำตามสไตล์ภาษาอังกฤษแบบชาวออสซี่ ที่มักจะเติม ie หรือ -y ลงท้ายคำศัพท์ต่าง ๆ เพื่อให้ดูขี้เล่นขึ้น เช่น คำว่า Sunglasses - Sunnies, Mushroom -Mushie ซึ่งคำว่า Selfie มาจากคำว่า Self (ตนเอง) ซึ่งในที่นี้หมายถึง ภาพถ่ายตัวเอง นั่นเอง
ความพยายามในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ตัวเองไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นในยุคโซเชียลมีเดีย แต่เป็นสิ่งที่มีมานานแล้วนับหลายร้อยปี ย้อนกลับไปเมื่อ 500 ปีก่อน ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) เหล่าคนชนชั้นสูงที่มีฐานะร่ำรวยมักจ้างวานศิลปินให้มาวาดรูปใบหน้าของพวกเขา สำหรับเก็บสะสมและติดโชว์ตามผนังบ้าน ซึ่งเราเรียกภาพวาดแนวนี้ว่า ภาพเหมือนตัวเอง หรือ Self-portrait ซึ่งนอกจากภาพวาดแล้ว ในเวลาต่อมายังใช้ เป็นคำนิยามถึงภาพถ่ายบุคคลอีกด้วย
ภาพที่ถูกยกย่องให้เป็นต้นกำเนิดภาพถ่ายเซลฟี่ภาพแรกของโลก ถ่ายในปี 1839 โดย โรเบิร์ต คอร์นีเลียส (Robert Cornelius) นักเคมีชาวอเมริกัน โดยเป็นภาพ Self-Portrait ของตนเองสะท้อนกับกระจก และถ่ายด้วยกระบวนการดาแกโรไทป์ (Daguerrotype) ด้านหลังเขียนระบุไว้ว่า "The first light Picture ever taken. 1839."
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพตัวเองในยุคสมัยนั้นยังเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ที่การถ่ายภาพต้องเปิดกล้องรับแสงนานหลายนาที ผู้เป็นแบบจะต้องอยู่ให้นิ่งที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพเบลอ ยังไม่นับรวมขั้นตอนการประมวลผลภาพที่ใช้เวลานานและยุ่งยาก ทำให้การถ่ายภาพ Self-portrait นิยมถ่ายกันในวาระสำคัญและถ่ายกันเฉพาะในสตูดิโอถ่ายภาพมากกว่า
กว่าภาพถ่าย Self-portrait จะเป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไปก็ใช้เวลากว่า 60 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการคิดค้นฟิล์มถ่ายภาพชนิดบรรจุในม้วน และกล้องโพลารอยด์แบบ Instant Film ที่ใช้งานง่ายและพกพาสะดวก ทำให้การถ่ายภาพเข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้น
ถึงอย่างไรก็ตามหากอิงตามบริบทภาพเหล่านี้ก็ยังเรียกว่าภาพถ่ายเซลฟี่ไม่ได้สักทีเดียว เพราะภาพเซลฟี่นั้นต้องถ่ายแล้วอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ตด้วย
เรียกได้ว่าเป็นยุคของการเซลฟี่ที่แท้จริงเมื่อ เมื่อบริษัท Sharp ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ J-Phone มือถือรุ่นแรกของโลกที่สามารถถ่ายรูปได้ และมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Sha-Mail ที่ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพแล้วส่งผ่านอีเมลได้บนมือถือ
และหลังจากนั้นเพียง 2 ปี Sony Ericsson T68i ได้พัฒนา ‘กล้องหน้า’ ให้สามารถเก็บภาพสีที่มีความละเอียดสูงขึ้น และตามมาติด ๆ กับ Neonode N1 ผู้บุกเบิกหน้าระบบทัชสกรีน (Touch screen) ที่ได้เพิ่ม ‘กล้องหน้า’ เอาใจสายถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะ ทำให้ไม่ต้องพึ่งการถ่ายหน้ากระจกหรือกะระยะมุมถ่ายให้เมื่อย
การแข่งขันคุณภาพของกล้องโทรศัพท์มือถือ จุดประกายให้สื่อโซเชียลมีเดียเจ้าใหญ่ อย่าง อินสตาแกรม (Instagram) สแน็ปแชต (Snapchat) เพิ่มฟังก์ชันรองรับกล้องหน้า สำหรับการถ่ายและแต่งเติมภาพเซลฟี่ได้ตามใจ เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมการเซลฟี่ในโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
ที่มา: Frontiers