ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงภัยพิบัติธรรมชาติค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะเกิดภัยธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่น ฝนตกหนัก แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด และความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติเหล่านี้มีมากมาย เพราะญี่ปุ่นมีพื้นที่เพียง 0.28% ของพื้นที่โลก แต่ 20.5% ของแผ่นดินไหวทั่วโลกที่มีขนาด 6 หรือสูงกว่านั้นเกิดขึ้นในญี่ปุ่น รวมถึงญี่ปุ่นมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ 7%
ข้อมูลหน่วยงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ร้อยละของจำนวนภัยธรรมชาติและจำนวนความเสียหายจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น ระบุว่า ประเภทของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ได้แก่ แผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่น (ฝนตกหนัก) ดินถล่ม (ดินถล่ม เศษซาก ดินถล่ม) พายุทอร์นาโด และความเสียหายจากหิมะ เมื่อพิจารณาจากจำนวนครั้งการเกิดและจำนวนความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติแต่ละประเภท จำนวนครั้งการเกิดพายุไต้ฝุ่นสูงสุดคือ 57.1% รองลงมาคือแผ่นดินไหว 17.9% และน้ำท่วม 14.7% แต่ในทางกลับกัน เมื่อพูดถึงจำนวนความเสียหาย แผ่นดินไหว ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวางเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มีสัดส่วนมากกว่า 80% รองลงมาคือ ไต้ฝุ่น และน้ำท่วม รวมถึงเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2561
"เมืองคามาคุระ" เป็นเมืองหนึ่งที่เคยประสบภัยสึนามิ ความเสียหายขยายวงกว้าง บ้านเรือนตามแนวชายฝั่งถูกกวาดลงทะเล ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก ภาพการทำลายล้างยังติดตาและอยู่ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่น ดังนั้นแผนรับมือทั้งหมดในปัจจุบัน คือการเตรียมตัวที่ทุกคนช่วยกันทำขึ้น”
จากประสบการณ์ในอดีต ทำให้ชาวคามาคุระไม่เคยละเลยที่จะเตรียมความพร้อม ภายใต้ 8 นาทีแห่งความอยู่รอด การเตรียมสถานที่หลบภัยสำหรับผู้พิการ และคนชรา สัญลักษณ์ต่างๆ ในเมือง ที่บอกเวลาที่เหลือ เพื่อเอาชีวิตรอด รวมถึงมีการการซ้อมหนีภัยปีละ 200 ครั้ง สิ่งเหล่านี้คือ การเตรียมความพร้อมเพื่อหนีภัยสึนามิ
ทันทีที่เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ชาวคามาคุระจะทำอย่างไร เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ภายในเวลา 8 นาที เมื่อรู้สึกสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว หรือได้รับการเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับแผ่นดินไหว อย่างแรกที่ต้องปฏิบัติตัวคือ อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมั่นใจในความปลอดภัย
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเมืองคามาคุระเฉลี่ยมากกว่าปีละ 20 ล้านคน จำนวนประชาชนที่อยู่อาศัยเพิ่มจำนวนขึ้นต่อเนื่อง เมื่อลองจินตนาการว่าหากเกิดการณ์สึนามิที่เมืองคามาคุระอีกครั้ง อาจเกิดความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีการวางแผน ภายใต้แนวคิด 8 นาทีแห่งความอยู่รอด เพื่อให้ประชาชนมีความพร้อมรับมือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
แผนที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อคาดการณ์ความรุนแรงของคลื่นยักษ์ที่สึนามิพัดเข้ามา โดยใช้สีต่างๆ แสดงภาพจำลองของสึนามิและขนาดของคลื่น เช่น สีแดงหมายถึงคลื่นขนาดใหญ่สูงที่สุดประมาณ 14.5 เมตร ขณะที่สีม่วง หมายถึงขนาดความสูงคลื่นที่รองลงมา ประมาณ 10 เมตร สีเหลือง มีความสูงประมาณ 0.5 เมตรลดหลั่นตามลำดับ
ในขั้นตอนการซ้อมแผน เมื่อสมมุติว่าเกิดแผ่นดินไหวในเมืองคามาคุระ เสียงเตือนภัยจะดังขึ้นทันที เป็นสัญญาณเพื่อบอกให้ทุกคนหลบหนีขึ้นไปบนพื้นที่สูงหรือหนีขึ้นบนตึก ซึ่งทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้ผ่านการเรียนรู้แล้วว่าตรงไหนเป็นเนินสูง และตรงไหนเป็นตึกที่สามารถหนีขึ้นไปหลบภัยได้ โดยพื้นที่ต่างๆ ในเมืองมีการติดตั้งป้าย หรือสัญลักษณ์ รวมถึงแผนที่บอกตำแหน่ง พื้นที่ปลอดภัย ตึกอาคารต่างๆ ให้ทุกคนได้เรียนรู้การหลบหนีได้อย่างทันเวลา โดยได้มีการคำนวนระยะเวลาหลบภัย เพื่อให้ทุกคนตระหนักว่าต้องเร่งรีบ หากมีคลื่นยักษ์มาจากแผ่นดินไหวจะมาถึงหาดทรายใช้เวลาประมาณ 8 นาที ดังนั้นประชาชนต้องหนีให้ทันภายใน 8 นาทีเช่นกัน
เมืองคามาคุระเป็นเมืองชายทะเล ดังนั้นจึงต้องเตรียมการมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่อาคารสถานที่แต่ต้องฝึกซ้อมหนีภัยอยู่เป็นประจำ ใน 1 ปี ต้องมีการซ้อม 200 ครั้งไม่ใช่แค่หนีภัย แต่มีการเรียนรู้เรื่องทะเล ชายหาด คลื่นยักษ์การหลบหนี ต้องมีการเตรียมพร้อมการฝึกซ้อม การลำเลียงคนป่วย อาหาร และอื่นๆ แต่สิ่งที่ต้องพร้อมเหนืออื่นใดคือสติ ในการหลบภัย ตามจุดต่างๆ ภายในเมืองคามาคุระ มีการติดตั้งป้ายบอกระดับความสูงจากคลื่นขนาด 6.9เมตร ซึ่งยังไม่ปลอดภัย ดังนั้นประชาชนต้องรีบวิ่งขึ้นไปบนพื้นที่สูงมากกว่านี้อีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ตามจุดต่างๆในเมือง ซึ่งประชาชนทุกคนทราบดีว่าเป็นสถานที่เก็บอาหาร ยารักษาโรค เครื่องดับเพลิง อุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นยามเกิดภัยธรรมชาติ และสิ่งที่ไม่ลืมคือการช่วยเหลือผู้พิการและผู้สูงอายุต้องเตรียมสถานที่หลบภัยและอำนวยความสะดวกให้กลุ่มคนเหล่านี้ โดยมีการติดตั้งป้ายแผนผังเมือง เพื่อบอกพิกัดตำแหน่งที่อยู่ บอกสถานที่หลบภัยเนินสูง แสดงให้เห็นจุดต่างๆ ที่ควรหลบหนี เพราะไม่ใช่แค่รับมือคลื่นยักษ์สึนามิอย่างเดียว แต่รวมถึงภัยต่างๆ เช่นไฟไหม้ น้ำท่วม
สำหรับศูนย์บัญชาการป้องกันภัยพิบัติ เมืองคามาคุระ สถานที่แห่งนี้เป็นจุดวอร์รูม (War Room) หรือการตั้งหน่วยงานเพื่อทำหน้าที่ดูแลการวางแผนการสื่อสารเชิงรุก และรวมพลของนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ส่วนปกครอง เพื่อประชุมแผนรับมือกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติและเหตุภัยพิบัติต่างๆ หากประชาชนไม่สามมารถพักอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้ ก็จะให้ประชาชนเข้ามาหลบภัยอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งมีการเตรียมอาหารแห้ง อุปกรณ์ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มของใช้ที่จำเป็นเสมือนเป็นศูนย์อพยพชั่วคราว
เมืองคามาคุระมีการเตรียมสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวยามเกิดภัยพิบัติ เช่น โรงเรียนจำนวน 25 แห่ง สามารถรองรับประชาชนในเมืองแห่งละ 1 พันคน เตรียมอาหารที่สามารถทานได้ 3 แสนมื้อในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งในประเทศที่โอกาสเกิดภัยพิบัติสูงจะมีการเตรียมถุงยังชีพ เป็นอาหารกระป๋องหรือคุกกี้ที่มีคุณสมบัติเก็บไว้ได้นานกว่า 5 ปี แต่ทั้งนี้ยังไม่เพียงพอต้องมีการสมทบความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ
ภายในเมืองยังมีการจัดวางตำแหน่งตึกที่เตรียมไว้เพื่อหนีคลื่นยักษ์สึนามิ ประชาชนทุกคนในเมืองรับทราบและเข้าใจขั้นตอนการหลบหนีภัย ผ่านการติดตามข่าวสารเตือนภัยของภาครัฐตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเมืองคามาคุระ เป็นเมืองท่องเที่ยวโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนชายทะเลจำนวนมาก จึงต้องมีการเตรียมสถานที่เพื่อรวมพลหนีภัยอย่างเพียงพอ