“ช่วงหน้าฝน อาจทำให้สัตว์ต่างๆ อพยพเข้ามาในที่พักอาศัยของคน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบริเวณที่อยู่ของสัตว์เหล่านี้ โดยเฉพาะสัตว์มีพิษมักเข้าบ้านเรือนประชาชนบ่อยครั้ง จึงควรมีวิธีป้องกันเฝ้าระวังอันตรายจากสัตว์มีพิษเบื้องต้น เนื่องจากสัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ที่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน แมงมุม และมดคันไฟ เป็นต้น เพื่อให้พ้นอันตรายจากสัตว์”
เมื่อฤดูฝนมาถึงภัยใกล้ตัวที่มาพร้อมฝน หรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง คงหนีไม่พ้นสัตว์ต่าง ๆ ที่จะหนีน้ำ และความหนาวเย็นเข้ามาอาศัยพักพิงในบ้าน ซึ่งหากเป็นสัตว์มีพิษอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้ง่ายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ยกตัวอย่าง แมงป่อง เป็นสัตว์ตระกูลขาปล้องที่มีพิษร้ายแรง มักอาศัยอยู่ในพื้นที่มืดอับชื้น โดยปล่อยพิษจากทางปล้องพิษหรือบริเวณหางที่มีการฝังเหล็กในไว้ ผู้ที่โดนพิษของแมงป่องจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแมงป่อง ปริมาณพิษซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและระบบโลหิต มีอาการปวดทันที กล้ามเนื้อกระตุก อาเจียน ชัก ตัวเขียวส่งผลให้หัวใจล้มเหลว วิธีป้องกันอันตรายต้องอุดรูที่พื้นและผนังที่แตกร้าว ดูแลพื้นที่บริเวณรอบบ้านอย่าปล่อยให้รกร้าง ทั้งนี้หากจำเป็นต้องเข้าไปในที่รกร้าง อับชื้น ควรแต่งกายให้มิดชิด สวมรองเท้าบู๊ทละใช้ไม้ตีตามจุดต่างๆเพื่อให้สัตว์เหล่านี้ตกใจหนีไป
ส่วน ตะขาบ เป็นหนึ่งในสัตว์มีพิษที่จะอพยพหนีน้ำเข้ามายังพื้นที่บริเวณบ้านโดยเฉพาะช่วงเกิดฝนตกหนัก ตะขาบจะมีเขี้ยวคู่หน้าเป็นอาวุธ หากตะขาบกัดลงบนผิวหนังแล้ว มักมีอาการปวดแสบปวดร้อนตามมา บางคนอาจแพ้รุนแรงถึงขั้นติดเชื้อ แม้ตะขาบจะเป็นสัตว์มีพิษรุนแรงมากกว่าการโดนแมลงกัด แต่ไม่ได้เป็นพิษร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ผู้ที่ถูกตะขาบกัด มักมีอาการปวดร้อนและบวมแดงบริเวณแผล อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนรายที่แพ้รุนแรงอาจติดเชื้อ ใจสั่น วิงเวียน และช็อกหมดสติ
งู สัตว์เลื้อยคลานที่มักพบเจอได้ทั่วไป งูมักชอบบริเวณรกร้าง พุ่มไม้ ป่าไม้ และในบางครั้งก็เข้ามาบริเวณบ้านคนเมื่อเกิดฝนตกน้ำท่วม งูมีทั้งชนิดมีพิษ และไม่มีพิษ ที่พบเจอบ่อย เช่น งูเห่า งูเขียวหางไหม้ งูสามเหลี่ยม งูแมวเซา งูเหลือม โดยงูมีพิษมักจะฉกเหยื่อ หรือแผ่แม่เบี้ย วิธีป้องกันอันตรายจากงู คือ หมั่นตัดหญ้าอยู่เสมออย่าปล่อยให้รก ใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำทุกอัน ป้องกันไม่ให้งูเลื้อยขึ้นจากท่อระบายน้ำ หากเจองูเข้าโดยบังเอิญให้ตั้งสติ ยืนนิ่งๆ ดูท่าที เพราะส่วนใหญ่เมื่องูพบคนจะเลื้อยหนีไปเอง และโรยปูนขาวไว้รอบๆ บริเวณบ้าน เพื่อป้องกันมิให้งูเลื้อยเข้ามา
กรณีบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมหมั่นทำความสะอาดสภาพแวดล้อมภายในบ้าน ด้วยการจัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีมุมอับชื้น หรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของสัตว์มีพิษ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และทิ้งขยะหรือเศษอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์ภายในบริเวณบ้าน ส่วนบริเวณภายนอกบ้านควรทำให้โล่งเตียน พร้อมกับกำจัดเศษใบไม้ใบหญ้าทุกครั้ง ไม่ควรกองทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เป็นที่อาศัยของสัตว์มีพิษได้
ส่วนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากถูกตะขาบกัด สามารถรักษาได้ง่ายๆ ด้วยยาสามัญประจำบ้าน คือ ใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดบริเวณแผล และล้างด้วยสบู่อ่อนๆ ใช้ผ้าพันแผล พร้อมประคบน้ำอุ่นประมาณ 15-20 นาที (ห้ามใช้น้ำร้อน) กินยาพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวด ห้ามเกาแผลเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดอักเสบและติดเชื้อ สามารถใช้ยาหม่อง หรือยาทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย ทาเบาๆ บริเวณแผลได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกปวดบวมมากกว่าเดิม ร่วมกับมีอาการแน่นหน้าอก หายใจหอบ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไปได้ว่าแพ้พิษตะขาบ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ทั้งนี้ พิษของงูในประเทศไทยมักจะส่งผลต่อระบบประสาท เช่น งูเห่าหรืองูจงอาง เป็นต้น ผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการ ดังนี้ กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง ตาไม่มีแรง พูดไม่ออก กลืนน้ำลายลำบาก หยุดหายใจ และเสี่ยงเสียชีวิต หากถูกงูกัดควรปฏิบัติ ดังนี้ พาผู้ป่วยไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด และพยายามจำลักษณะหรือสายพันธุ์ของงูให้ได้ ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ พยายามเคลื่อนไหวตัวผู้ป่วยให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด ดามบริเวณที่ถูกงูกัด และปิดแผลด้วยผ้าสะอาด หรือผ้าก๊อซ ห้ามใช้สมุนไพร ห้ามดูดหรือกรีดแผลเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ห้ามขันชะเนาะ เพราะกล้ามเนื้ออาจตาย และห้ามประคบเย็น
กรณีถูกแมงป่องต่อยอันตรายที่ข้อหาง พิษที่หางมีพิษในระดับที่อันตราย หากถูกต่อยจะทำให้แผลมีอาการปวดบวม และแดง ผู้ป่วยบางรายจะอาจมีอาการรุนแรง ได้แก่ ปวดกระดูกไปถึงกล้ามเนื้อ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วและแรง หากถูกแมงป่องต่อยให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้ ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด หากมีอาการปวดบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็นครั้งละ 10 นาที หรือทานยาพาราเซตามอล หากมีอาการหนักขึ้น หรือมีอาการแพ้ เช่น ไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที
เมื่อถูกแมลงมีพิษกัดนำเหล็กในออกก่อน แมลงมีพิษส่วนมากเมื่อกัด หรือต่อยแล้วจะทิ้งเหล็กในเอาไว้ด้วย เช่น แตน ผึ้ง และต่อ โดยแผลที่ถูกต่อยจะมีอาการบวมแดง เพราะเหล็กในมีกรด แต่อาการจะรุนแรงแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และบริเวณที่ถูกกัดด้วย หากถูกแมลงมีพิษกัดหรือต่อยให้ปฏิบัติ ดังนี้ พยายามเอาเหล็กในออกให้เร็วที่สุด และทำความสะอาดแผลให้สะอาด บรรเทาอาการบวมด้วยการประคบเย็นประมาณ 10 นาที หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สามารถทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด และยากลุ่มเสตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการคัน หากมีอาการบวมแดง ปวดเพิ่มขึ้น หรือเป็นหนอง นั่นหมายถึงการติดเชื้อให้รีบพบแพทย์โดยด่วน หากมีอาการแพ้ให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที