การใช้ช้อน ส้อม มีด หรือตะเกียบในการรับประทานอาหารเป็นหนึ่งในวิวัฒนการของมนุษย์ที่ถือกำเนิดมาแล้วหลายพันปี และยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ALTV จึงขออาสาพามาย้อนรอยที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาของเหล่าอุปกรณ์รับประทานอาหารเหล่านี้ จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลย
การใช้ ‘ช้อนส้อม’ รับประทานอาหารนับว่าเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันดีสำหรัยคนไทย โดยเกิดจากการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาปรับใช้ดัดแปลงให้เหมาะสมกับวิถึชีวิต และเข้ามาแทนที่การรับประทานอาหารด้วยมือเปล่า หรือที่เรียกว่า 'การเปิบมือ'
แต่กว่าช้อนส้อมจะมีรูปร่างหน้าตาแบบที่เราคุ้นเคยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมารยาทบนโต๊ะอาหารก็ต้องใช้เวลาหลายล้านปีตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยเริ่มจากการเกิดขึ้นของ ‘ช้อน’ และ ‘มีด’ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังสุดคือ ‘ส้อม’
ช้อน (Spoon) เป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ ‘ยุคหิน’ ซึ่งเป็นช่วงที่บรรพบุรุษมนุษย์รู้จักการทำเครื่องใช้จากหิน ไม้ และกระดูกสัตว์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการค้นพบวัตถุคล้ายช้อนที่เก่าแก่ที่สุด สามารถย้อนกลับไปได้เพียง 1,200 ปี ที่บริเวณพีระมิดเตติ (Teti Pyramid) ในเมืองเมมฟิส (Memphite) เมืองหลวงของอียิปต์ คาดว่าเป็นเครื่องมือสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าช้อนมีวิวัฒนาการมาจาก ‘ใบไม้’ และ ‘เปลือกหอย’ ที่ใช้สำหรับตักหรือคนอาหารในหม้อให้เข้ากัน ช้อนในยุคแรกจึงทำจากไม้เสียส่วนใหญ่ จนกระทั่งเข้าสู่ 'ยุคโลหะ (Metal Age)' ที่มนุษย์รู้จักการนำแร่โลหะมาหล่อขึ้นเป็นเครื่องใช้ ทำให้เริ่มมีการผลิตช้อนจากวัสดุต่าง ๆ เช่น ช้อนโลหะ ช้อนทองแดง ช้อนเงิน ช้อนทอง
มีด (Knife) มีวิวัฒนาการมาจากเครื่องมือหินกะเทาะและกระดูกสัตว์ วัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็นอาวุธ มากกว่าใช้ทานอาหาร จนกระทั่งเข้าสู่ยุค 'ยุคเหล็ก' (Iron Age) เป็นช่วงที่มนุษย์รู้จักวิธีการตีโลหะเหล็กให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เกิดเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีพ หนึ่งในนั้นคือ 'มีดโลหะ' ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในยุคนี้
ส้อม (Fork) การเกิดขึ้นของส้อมสามารถสืบย้อนไปในยุคกรีกโบราณ แต่เดิมมีไว้ใช้สำหรับเสียบยึดเนื้อสัตว์ในกระบวนการประกอบอาหาร ส้อมในยุคแรกมีลักษณะแตกต่างจากส้อมในปัจจุบันคือมีเพียง 2 ง่าม จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 17 ส้อมได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการรับประทานอาหารของชาวตะวันตก รวมถึงมีการผลิตส้อมจากวัสดุราคาแพง เช่น งาช้าง เงิน ทอง ฯลฯ เพื่อบ่งบอกถึงฐานะและความมั่งคั่งของผู้ใช้
คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ ‘ตะเกียบ’ อุปกรณ์สำหรับคีบอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมเอเชียที่สืบทอดมาในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน ญึ่ปุ่น เกาหลี และไทยที่พบเห็นได้ตามร้านชาบูสุกี้หรือร้านก๋วยเตี๋ยว
ต้นกำเนิดของตะเกียบเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อราว 2,000-3,000 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์รู้จักประกอบอาหารในหม้อดินเผา โดยตะเกียบจะเป็นเครื่องมือสำหรับคนส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน รวมถึงมีไว้คีบวัตถุดิบใส่ลงในหม้อ
ในคัมภีร์ Classic of Rites หรือ หลี่จี้” (礼记) ที่ว่าด้วยจารีตและธรรมเนียมในสมัยราชวงศ์โจว (Zhou dynasty) กล่าวถึงตะเกียบไว้ว่า ผู้คนจะใช้ตะเกียบในการคีบชิ้นเนื้อและผักที่อยู่ใน ‘สตูว์’ หรือที่เรียกว่า 'เกิง(羹)' ในภาษาจีน ซึ่งเป็นอาหารประเภทซุปข้นที่มีส่วนประกอบของผักชิ้นเล็กและเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในคนจีนโบราณ
ตะเกียบทำมาจากไม้ไผ่เป็นส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกันคนร่ำรวยหรือเหล่าคนชนชั้นปกครองจะใช้ตะเกียบที่ทำจากวัสดุราคาแพง เพื่อบ่งบอกถึงความมั่งคั่งของตน เช่น ตะเกียบโลหะ ตะเกียบเงิน ตะเกียบนอแรด ตะเกียบหยก
จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-ค.ศ. 618) เป็นช่วงที่วัฒนธรรมการใช้ตะเกียบแพร่หลายไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี โดยในแต่ละพื้นที่จะมีการพัฒนาดัดแปลงให้ตะเกียบมีลักษณะเฉพาะเหมาะกับอาหารในชาติของตน เช่น ตะเกียบเกาหลีจะทำด้วยโลหะมีลักษณะแบน ตะเกียบญี่ปุ่นจะมีปลายเรียวเล็ก ต่างจากตะเกียบจีนที่ยาวกว่าและมีปลายมน
ในหนังสือเรื่อง Chopsticks A Cultural and culinary history โดย “เอ็ดเวิร์ด หวัง” นักประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมเอเชีย ได้อธิบายถึงตะเกียบชนิดต่าง ๆ ไว้ ดังนี้
เมื่อเรียนรู้เรื่องราวและวิวัฒนาการของอุปกรณ์ช่วยรับประทานอาหารไปแล้ว สามารถรับชมเกร็ดความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การกินของบรรพบุรุษมนุษย์ ก่อนหน้าที่โลกจะถือกำเนิดช้อนส้อม ได้ที่รายการ สังคมสนุกคิด ตอน เมื่อก่อนเราใช้อะไรกินข้าว (คลิก)