เคยสังเกตหรือไม่ว่า...ป่าหรือพื้นที่โซนธรรมชาติ มีผลต่อความรู้สึกผ่อนคลายของมนุษย์ สถานที่ที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้สีเขียว กลับสามารถเติมพลังเยียวยาร่างกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ว่ากันว่าเลือกเดินทางเข้าป่าเพียงไม่กี่นาที เหมือนร่างกายได้เติมพลังไปทั้งเดือน”
เพราะความรู้สึกสบายของมนุษย์ คือการทำให้ประสาทสัมผัสของได้การรับรู้อย่างเหมาะสม ซึ่งป่า เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีองค์ประกอบทั้งแสง สี เสียง กลิ่น อุณหภูมิ ที่จะทำให้เกิดสภาวะผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สีเขียว ลำธารน้ำใส ท้องฟ้าสีฟ้าคราม ลมพัดอ่อน ๆ อากาศที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็บริสุทธิ์ หรือแม้กระทั้งสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนส่วนผสมสำคัญในการที่จะทำให้เราผ่อนคลาย อีกทั้งสีเขียวจากต้นไม้ ทำให้คลายเครียด ลดความดันเลือด ช่วยระงับความรู้สึกตื่นเต้นได้ดี สร้างสมดุลของจิตใจ และลดอาการหงุดหงิด ดังนั้นจึงมีการหยุดเวลาวุ่นวาย เดินเข้าป่าเพื่อนำจุดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไปผ่อนคลายอย่างเต็มที่ หรือที่เรียกกันว่า “การอาบป่า” เกิดขึ้น
“คนส่วนใหญ่เลือกให้ป่าเป็นดั่งยาเพิ่มพลังใจ”
มีวัฒนธรรมหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า Shinrin yoku หรือการอาบป่า เป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๘๐ ความพิเศษของการอาบป่าคือการที่นำเอาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในร่างกาย เปิดรับพลังบริสุทธิ์จากป่า เป็นการช่วยฟื้นฟูกลไกต่าง ๆ ในร่างกาย ลดความเครียด ความดันเลือด และส่งผลในทางบวกกับจิตใจ
“ตา” เปิดรับความนุ่มนวลน่าหลงใหลของพรรณไม้ แสงอ่อน ๆ ที่ตกกระทบกับผืนป่า สีสันที่สบายตาของธรรมชาติ
“หู” รับฟังพลังของธรรมชาติ เสียงนก เสียงลมพัด เสียงไหลของธารน้ำ ที่ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
“ผิวสัมผัส” อ้าแขนให้กว้างเปิดรับการสัมผัสจากลมอ่อน ความแตกต่างของการสัมผัสพรรณพืช เพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงพลังของป่า
“จมูก” สูดหายใจเข้าช้า ๆ จะสัมผัสได้ว่าป่ามีกลิ่นธรรมชาติที่หลากหลาย แต่ล้วนเกิดจากธรรมชาติทั้งสิ้น
“ปาก” ลิ้มรสพืชกินได้ ผลไม้กินได้ ถือเป็นการให้ร่างกายทำความรู้จักกับพรรณพืชในป่า
เพราะมนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะหวนกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพียงพาร่ายกายกลับเข้าหาธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะส่งต่อความสุขให้กับเรา
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : TCDC