เพื่อตระหนักถึงความสำคัญ จึงมีการกำหนดให้วันที่ 16 กันยายนของทุกปี วันโอโซนโลก (World Ozone Day) เพื่อให้มนุษย์ได้รู้จักและเข้าใจถึงหน้าที่ ความสำคัญของชั้นบรรยากาศโอโซนที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันโลกจากรังสีอันตรายต่าง ๆ นอกโลก ซึ่งซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและพบปัญหาชั้นโอโซนถูกทำลายมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513 และพบอีกว่าในทุก 10 ปีจะมีอัตราการลดลงของโอโซนในระดับ 4%
โอโซนคือ โมเลกุลที่ประกอบขึ้นจากอะตอมของออกซิเจน 3 อะตอม (O3) มีโครงสร้างที่ไม่เสถียร สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นก๊าซออกซิเจนได้ พบได้บริเวณชั้นบรรยากาศเหนือขึ้นไปจากพื้นโลกประมาณ 10-50 กิโลเมตร นั่นคือชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere)และสตราโทสเฟียร์ (Stratosphere)
หน้าที่โอโซนคือ เป็นตัวออกซิไดส์ (oxidizing agent) แรงที่สุดที่อนุญาตให้นำมาใช้ประโยชน์ ในปัจจุบัน โดยมีฤทธิ์สูงกว่าก๊าซคลอรีนถึง 51% และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ได้เร็วกว่า 3.125 เท่าตัว โอโซนจะเข้าไปจับโมเลกุลของสารปนเปื้อน ทำการแยกย่อยสลายและแปรสภาพตัวเองกลับเป็นก๊าซออกซิเจนซึ่งไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ (Stratosphere) โอโซนจะทำหน้าที่ป้องกันโลกจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มาจากดวงอาทิตย์ ดูดซับพลังงานความร้อนจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
"โอโซนแม้จะมีโทษแต่โอโซนก็ยังมีประโยชน์โดยมากแก่มนุษย์” แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากโลกนี้ไม่มีโอโซน
ชั้นโอโซนถูกทำลาย ส่วนหนึ่งเกิดมาจากสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน(Chlorofluorocarbon) หรือโดยทั่วไปเรียกกันว่า “สารซีเอฟซี” (CFC) ที่ถูกสังเคราะห์ เพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและระบบทำความเย็นต่าง ๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โฟมและสเปรย์ สารเคมีเหล่านี้หากลอยตัวขึ้นสูงสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์ จะทำการดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต และเกิดการแตกตัวทำปฏิกิริยาเกิดเป็นคลอรีนมอนอกไซด์ (ClO–) และก๊าซออกซิเจน (O2) ถือเป็นการทำลายการก่อตัวของโอโซนในธรรมชาติ
เมื่อชั้นโอโซนถูกทำลายจะเกิดช่องโหว่ของโอโซนในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้รังสี UV-B จากดวงอาทิตย์กระทบเข้ากับมนุษย์ในปริมาณที่สูงและเข้มข้นขึ้น ในระยะยาวสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ต้อกระจก และโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบแสงแดดมากที่สุด เมื่อโอนโซนน้อยลงจนปริมาณรังสี UV ที่ลงมายังโลกมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช อาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ ในพืชชั้นต่ำตระกูลแพลงก์ตอน สาหร่าย ไดอะตอม ยูกรีนอยด์ ส่วนพืชชั้นสูงจะลดการสังเคราะห์แสงลง โดยปิดปากใบทำให้วัตถุดิบไม่สามารถผ่านเข้าไปในใบได้ ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ซึ่งอาจทำให้แหล่งอาหารในอนาคตขาดแคลน
เมื่อโอโซนถูกทำลายรังสี UV จะตกกระทบผิวโลกมากขึ้น ทำให้เกิดการเร่งปฏิกิริยาการย่อยสลายบนพื้นดินจนเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่มากเกินไป และทำลายวัฏจักรก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน และเกิดเป็นมลพิษในชั้นบรรยากาศ
เมื่อรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นหลังจากชั้นโอโซนถูกทำลาย สิ่งที่เราทำได้คือช่วยกันลดการเกิดสารที่เป็นตัวทำลายโอโซน ทำได้โดยการ
ดังนั้นชั้นโอโซนจึงเป็นดั่งเกราะป้องกันขนาดใหญ่ที่ช่วยให้เราปลอดภัยจากรังสี และช่วยให้โลกมีอุณหภูมิพอเหมาะแก่การใช้ชีวิตอยู่ของมนุษย์ เพื่อไม่ให้ชั้นโอโซนถูกทำลาย เราต้องช่วยกันลดการใช้และลดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อชั้นโอโซน เพื่อให้โลกยังมีเกราะป้องกันที่แน่นหนา และเพื่อให้โลกยังน่าอยู่ต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : NASA Ozone Watch ,สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม