กาลครั้งหนึ่งเมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว ในรัฐคลีฟแลนด์ ยังมีคุณตาคนหนึ่ง เขาใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนผู้อพยพชาวยูเครน ตลอดตั้งแต่ย้ายมาอยู่อเมริกาหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง คุณตาใช้ชีวิตสงบ สร้างตัว สร้างครอบครัว เป็นคนงานธรรมดาคนหนึ่งในระบบอุตสาหกรรม
แต่กาลครั้งนั้น ชื่อ John Demjanjuk กลับกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ เพราะถูกกล่าวหาว่า เขาไม่ใช่คุณตาจอห์นใจดี แต่เขาคือทหารนาซีผู้ทำหน้าที่คุมห้องรมแก๊สที่จิตใจแสนจะเหี้ยมโหดจนได้ฉายาเป็นที่โจษจันไปทั่วแคมป์มรณะในฉายาว่า “Ivan the Terrible”
จอห์นถูกดำเนินคดีครั้งแรกที่คลีฟแลนด์ ถึงแม้อำนาจศาลในตอนนั้น จะไม่สามารถเป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับความทารุณที่จอห์นอาจเคยเป็นผู้ร่วมก่อเหตุได้ แต่เขาก็ถูกเนรเทศให้ออกจากสหรัฐอเมริกา และถูกส่งตัวไปขึ้นศาลต่อที่อิสราเอลแทบจะทันที
สารคดีที่พาดหัวแรงอย่าง “ปีศาจข้างบ้าน” พาเราไปติดตามการต่อสู้เพื่อปฏิเสธข้อหาของเขา พร้อมกับบทสัมภาษณ์จากหลายมุมมองตั้งแต่ญาติของคุณตาจอห์น ไปจนถึงทนาย และผู้พิพากษา
สภาพย่ำแย่ของค่ายกักกันที่ถูกบันทึกไว้เมื่อครั้งนาซียังคงไล่กวาดล้างชาวยิว ฉายสลับกับการขึ้นศาลหลายต่อหลายครั้งของจอห์นที่ถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้ชมตลอดการดำเนินคดี
ข่าวสำคัญระดับนี้ย่อมเป็นประเด็นเด็ดให้สื่อมวลชนและผู้ติดตาม แม้จะกินเวลายืดเยื้อยาวนานแต่ถ้าหากยังมีคนสนใจ ข้อมูลและความเห็นต่าง ๆ ก็ยังคงมีมูลค่าพอให้ยกขึ้นมารายงานอยู่เสมอ ระดับที่ฝั่งทนายผู้ออกตัวว่าทุ่มเทให้กับการสู้คดีของจอห์นอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ถูกเชิญไปออกรายการโทรทัศน์มากมาย แถมยังตีพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คออกมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ด้านผู้ต้องสงสัยเองก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน แม้เสียงด่าประณามจะดังเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีคนเห็นใจและคิดเข้าข้างคุณตาจอห์นอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ฝั่งญาติผู้สนิทสนมยืนยันตลอดการพิจารณาดคีว่า คนอย่างคุณตาจอห์นไม่มีทางที่จะเป็นผู้ลงมือทำเรื่องร้ายแรงอย่างนั้นแน่ๆ ฝั่งเพื่อนบ้านและเพื่อนรวมงานก็ลงความเห็นว่าเท่าที่พบเห็นมาตลอด เขาก็เป็นชายชราที่ดูสงบคนหนึ่งเท่านั้นเอง จะเป็นคนเดียวกันกับอีวานผู้ร่วมสังหารหมู่ชาวยิวอย่างทารุณได้จริงๆ หรือ?
ขณะที่จอห์นและเหล่าทนายต่อสู้ผ่านการคัดสินคดีของหลายศาล เราได้เห็นความเครียดและน้ำตาของครอบครัวคุณตาจอห์น ที่เราคิดว่าไม่สามารถดูแคลนความทุกข์ที่เกิดขึ้นแก่ภรรยาและลูกหลานของเขาได้เลย
ความจริงที่โหดร้ายอีกด้านหนึ่งก็คือ ฮิตเลอร์มีอยู่จริง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองที่คาดการณ์กันว่ามีชาวยิวเสียชีวิตไปถึงหกล้านคนก็เกิดขึ้นจริง และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ ความเจ็บปวดของชาวยิวผู้รอดชีวิตและทายาทของพวกเขาที่เป็นแผลลึกเรื้อรังก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
สารคดีความยาวห้าตอนนี้พาเราไปดูการเดินทางของนายจอห์นผู้เข้าออกเรือนจำสภาพดีบ้างแย่บ้าง ขึ้นศาลสู้คดีหลายต่อหลายครั้ง หลายช่วงเวลาเราได้เห็นคุณตาจอห์นที่ยิ้มและกล่าวว่าตนไม่ผิด แม้บางครั้งจะแสดงออกถึงความทรมานสังขารที่แก่ลง แต่จนแล้วจนรอดผ่านมายี่สิบกว่าปีเขาก็ยังคงถูกผูกติดกับคดีอาชญากรรมระดับโลกนี้อย่างหนีไม่พ้น
คนคนหนึ่งอาจเคยทำเรื่องเลวร้ายเกินจะเปรียบกับสันดานใคร แต่ดูความชราในตอนนี้สิ เขายังจะทำร้ายใครได้อีกหรือ?
ความโกรธแค้นของผู้ถูกกระทำมากมาย ถั่งโถมมาใส่นายจอห์นที่อาจเป็นเพียงหนึ่งฟันเฟืองในเครื่องจักรประหาร
ซึ่งประกอบขึ้นด้วยการวางแผนและการครอบงำทางความคิดอย่างเป็นระบบ มันสมควรแล้วหรือ?
การคาดโทษประหารชีวิตหากถูกพิสูจน์ว่าผิดจริงนั้น มันเพียงพอต่อการสูญเสียของคนนับล้านอย่างไร?
สุดท้ายแล้วคำตอบที่เราอยากได้ อาจจะไม่ใช่การตามหา Ivan the Terrible
ไม่ใช่คำพิพากษาว่านายจอห์นจะผิดจริงหรือรอดพ้นการตัดสินทางกฎหมาย
ไม่ใช่แม้การชั่งน้ำหนักความฉกรรจ์ของบทลงโทษให้คู่ควรแก่ความเสียหาย
เท่าที่เรารู้คือ อดีตนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ส่วนโลกปัจจุบันเราก็ยังต้องเผชิญกับความอยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ ความโลภ และการแก่งแย่งชิงดี ยังจะมีอำนาจเกิดใหม่ที่เปลี่ยนหน้าตาไปจากการไล่เข่นฆ่า และสะสมขีปนาวุธเพื่อวัดอำนาจทางการทหาร ไปเป็น Soft Power ที่แยบยลกว่า และอาจจะส่งผลร้ายแรงสาหัสยิ่งกว่าต่อโลกในอนาคต
แล้วเราควรจะตั้งคำถามจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นแล้วนี้อย่างไร?
ชมตัวอย่าง docuseries “The Devil Next Door”