หากโลกนี้ไม่มีโควิด-19 พอเข้าไตรมาสสุดท้ายของปี มันคือช่วงไฮซีซั่นแห่งการท่องเที่ยว ทั้งชาวต่างชาติที่มาพักร้อนในไทย และเราที่หนีร้อนไปพึ่งเย็นที่ประเทศอื่น
หากโลกนี้ไม่มีโควิด-19 ป่านนี้เราคงลากรุงเทพไปเดินรับลมชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ทีไหนสักแห่ง
เราคิดถึงการแพ็คกระเป๋า คิดถึงคิวผ่าน ต.ม. ยืดยาว คิดถึงการต่อแถวรอขึ้นเครื่องบิน เราคิดถึงบรรยากาศการจัดแจงตัวเองลงที่นั่งริมหน้าต่าง หยิบหูฟัง หยิบหนังสือ จัดเก็บสัมภาระเข้าที่
แค่นึกก็ได้ยินเสียงในหัวดัง ตึ๊ง! ที่ส่งสัญญาณให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดแล้ว
เมื่อโลกของเราโดนโรคระบาดดึงเบรกมือ ทำเอาประชากรโลกเสียหลัก ต้องพักกิจการกิจกรรมเพิ่มความเสี่ยงจะเป็นพาหะนำโรคไว้ก่อน จนโลกแทบจะหยุดหมุน
ขณะเดียวกัน ณ มุมหนึ่งของดาวเคราะห์ดวงนี้ ปักหมุดลงตรงแถวๆ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีโครงการที่ยังพุ่งไปข้างหน้า เขาบอกว่าเขาอยากจะพาปุถุชนไปเที่ยวรอบโลก!
แม้คุณอาจจะไม่ทันได้ตามข่าวความคืบหน้าของวิทยาศาสตร์ท่องอวกาศ เพราะถูกกลบด้วยข่าววัคซีน ข่าวกักตัว ข่าวอัพเดทสายพันธุ์ไวรัส ให้อื้ออึงไปหมด แต่ถ้าพูดถึงรถยนต์ Tesla หรือผู้ชายที่ชื่อว่า Elon Musk ก็น่าจะเคยได้ยินกันอยู่บ้าง
คุณอีลอนผิวขาวผมทองคนนี้คือผู้บริหารบริษัทใหญ่ที่เอาดีเรื่องเทคโนโลยีเสียจนมีคนเทียบเขากับโทนี่ สตาร์คผู้ประดิษฐ์ไอรอนแมนในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
นอกจากความต้องการจะพัฒนานวัตกรรมใหม่กับมนุษย์แล้ว เขายังมีอีกความฝันที่อยากจะทำอีลอนมัสก์การทัวร์อยู่ด้วย เพราะเขาอยากจะพาทุกคนออกไปแตะขอบฟ้า!
SpaceX จึงไม่ใช่โครงการโหนคำว่าอวกาศเอาเท่ แต่คุณอีลอนเขาอยากจะสร้างจรวดจุดระเบิดส่งมนุษย์ไปเที่ยว “รอบโลก” แบบให้ได้โดยสารออกไปวนดูดาวโลกจากมุมเหนือชั้นบรรยากาศกันจริงๆ
สิ่งที่เขาฝันอยากจะทำให้ได้มากกว่านาซ่า คือ เขาไม่อยากให้โอกาสการเดินทางออกไปดูดาวโลกจากมุมไกล เป็นเรื่องสำหรับซุปเปอร์โฮโมเซเปี้ยนที่ถูกคัดสรรค์มาแล้วเท่านั้น
เขาฝันอยากเห็นใครๆ ก็บินได้!
บอกแบบนี้ก็อดนึกถึงบริการการบินราคาประหยัดที่มีสโลแกนเดียวกันไม่ได้อะนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่เราเลิกตื่นเต้นกับการได้ขึ้นเครื่องบิน จะใจเต้นแรงได้ก็เฉพาะเวลาที่ต้องวิ่งจนเฉียดจะตกเครื่องเท่านั้น
การโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางไปต่างที่กลายเป็นเรื่องเฉยๆ สำหรับเราในระดับที่พอถึงซีตของตัวเอง นั่งลงคาดเข็มขัด ปิดมือถือเรียบร้อย ตัวเราก็พร้อมเปิด flight mode หลับหัวทิ่มได้ตั้งแต่เครื่องยังไม่ทันเคลื่อนออกจากเกต
ตัดภาพกลับมาที่ตอนปัจจุบันที่ยังไม่มีปัญญาจะจองตั๋วเครื่องบินไปไหน ทำได้แค่นอนตะแคงดู NETFLIX อยู่บ้าน เปิดผ่านไปเจอสารคดีชุดที่เขาให้ชื่อไว้ว่าเป็น “แรงบันดาลใจ” สู่อวกาศ
SpaceX และ Jared Isaacman นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จระดับพันล้านดอลล่าร์ ร่วมกันผลักดันการระดมทุนครั้งใหญ่ให้กับโรงพยาบาลเด็ก St. Jude ด้วยการประกาศหาสมาชิกปุถุชนรวมกับตัวเขาให้ครบสี่คน เพื่อเป็นตัวแทนครั้งสำคัญที่จะส่งคนธรรมดานั่งจรวดออกไปท่องเที่ยวในอวกาศ
ระหว่างที่เราเราติดตามเรื่องราวของตัวแทนทั้งสี่พร้อมทีมงานทั้งโครงการ ที่ค่อยๆ พากันผ่านการฝึกหัดไป เพื่อบรรลุเป้าหมายคือการได้เป็นนักบินอวกาศระดับพลเรือนที่ปฎิบัติภารกิจได้จริง
เราแอบสงสัยว่า นีล อาร์มสตรองก็ไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว สถานีอวกาศนานาชาติก็โคจรอยู่รอบโลกมาหลายสิบปี ดาวเทียมและอุปกรณ์เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับอวกาศก็มีล่องลอยอยู่ไม่น้อยแล้ว
ทริปโคจรรอบโลกสามวันสองคืนครั้งนี้มันจะพิเศษแตกต่างไปอย่างไร?
นี่เป็นโอกาสระดับมงกุฎเพชรที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครก็ได้ เราก็เข้าใจ ถึงจะเจาะจงเปิดรับสมัครบุคคลธรรมดา เราก็รู้แหละว่าคนธรรมดาคนนั้นก็ต้องธรรมดาเป็นพิเศษอยู่ดี
แน่นอนว่าเป็นผู้โดยสารบนยานอวกาศมันไม่ง่ายเหมือนนั่งเครื่องบินพานิชย์ รู้วิธีปลดเข็มขัดนิรภัย เรียงลำดับที่ต้องสวมหน้ากากออกซิเจนให้ตนเองก่อนจะสวมให้เด็กได้ถูก จำวิธีเป่าลมเข้าทางท่อทั้งสองข้างของเสื้อชูชีพหากเครื่องพองลมอัตโนมัติไม่ทำงานได้ มันไม่พอ
จะปุถุชนอย่างไร ก็ต้องพากายหยาบกายละเอียดเข้าร่วมฝึก เพื่อผ่านบททดสอบแบบเดียวกับที่นักบินอวกาศเกรดเอพลัสต้องเจอไปให้ได้
และแน่นอนค่ะว่าสารคดีชุดนี้คัดเน้นเส้นเรื่องมาเป็นอย่างดี แบบว่า เอ้า! เอาความหวัง เอาประกายไฟในการตามฝัน ไปขนลุกน้ำตารื้นกันแบบเน้นๆ ตามจุดประสงค์ที่อยากส่งแรงบันดาลใจ
การที่เราไม่ได้ยินข่าวช็อคโลกจากโครงการ Inspriration4 เป็นการสปอยล์เบาๆ ว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรเหนือความคาดหมาย การส่งนักบินพลเรือนทั้งสี่ออกไปโคจรไกลกว่าสถานีอวกาศนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่นับถอยหลังปล่อยตัวขึ้นฟ้า พาไปเห็นภาพรอบโลกน่าประทับใจที่ไม่สามารถมองได้จากพื้นดิน จนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศตามการคำนวณ ร่มชูชีพกางออกทำหน้าที่ชะลอความเร็ว หย่อนแคปซูลลงมหาสมุทรบนดาวโลกอย่างกับซีนในหนังไซไฟแฟนตาซี
“ภารกิจ Inspriration4 สำเร็จสมบูรณ์แล้ว ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านในนามของ SpaceX”
ท่ามกลางเสียงยินดีปรบมือเกรียวกราว ตรงนี้เองที่เราคิดว่าเราเจอคำตอบที่ซ่อนอยู่ในน้ำตาและเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพราะระหว่างที่ด้านหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไป อีกด้านหนี่งมีคนหยุดโลกทั้งใบกลั้นใจรอ
ชมตัวอย่างโครงการออกไปแตะขอบฟ้าของพวกเขาทั้งสี่คนได้ที่ : Countdown: Inspiration4 Mission To Space