ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
5 สัตว์สุดแปลกที่เคยท่องอวกาศ
แชร์
ชอบ
5 สัตว์สุดแปลกที่เคยท่องอวกาศ
02 พ.ย. 64 • 07.00 น. | 3,836 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

วันนี้เมื่อ 64 ปีก่อน 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 “ไลก้า” (Laika) สุนัขพันธุ์ทางเพศเมีย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศ (Orbital flights)

ไปกับยาน “สปุตนิก 2” (Sputnik 2) โดยสหภาพโซเวียต

เพื่อทำภารกิจทดสอบความปลอดภัยในการเดินทางสำรวจอวกาศของมนุษย์

 

ไลก้ามีคุณสมบัติที่โดดเด่น เหมาะแก่การส่งไปทำภารกิจนอกโลก เป็นสุนัขที่ตัวเล็ก นิ่ง สงบ ควบคุมอารมณ์ได้ดี อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่าสุนัขจรจัดสามารถปรับตัว และทนทานต่อสภาวะที่เลวร้ายได้เก่งกว่าสุนัขที่ถูกเลี้ยงตามบ้าน

เจ้าไลก้าจึงถูกเลือกให้เข้าฝึกแบบนักบินอวกาศในห้องจำลองสถานการณ์ เพื่อความแข็งแกร่งของร่างกาย สามารถปรับตัว ไม่ตื่นกลัวเมื่อถึงเวลาจริง

ด้วยความเสียสละของไลก้า ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่าระบบยังชีพและการจัดการความร้อนบนยานอวกาศยังไม่ดีพอ

นำไปสู่การพัฒนาความปลอดภัยของยานอวกาศ จนสามารถส่ง ยูริ กาการิน มนุษย์อวกาศคนแรกของโลกที่เดินทางกลับโลกได้อย่างปลอดภัย ในปีพ.ศ. 2504

 

“ไลก้า”ไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่มีโอกาสขึ้นไปนอกโลก

ในวาระครบรอบ 64 ปีของภารกิจสำรวจอวกาศของ “ไลก้า” ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่เคยถูกส่งไปนอกอวกาศ

เพื่อศึกษาผลกระทบทางชีวภาพของสัตว์เมื่ออยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก ในการปูทางก่อนส่งมนุษย์อวกาศไปนอกโลก

 

สัตว์สุดแปลกที่เคยถูกส่งไปเยือนอวกาศ

 

กบอเมริกันบูลฟร็อก (American bullfrog)

9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513

ภารกิจ : เพื่อศึกษาผลกระทบของสภาวะไร้น้ำหนักต่อระบบประสาทการทรงตัว

 

โครงการโดย : องค์การนาซา, สหรัฐอเมริกา

กบตัวผู้สายพันธุ์รานาบูลฟร็อก (Rana catesbeiana) ถูกเลือกให้เดินทางขึ้นสู่วงโคจรอวกาศ ในโครงการ Orbiting Frog Otolith เพื่อศึกษาระบบประสาทการทรงตัวในสภาวะใร้แรงโน้มถ่วง เนื่องจากกบบูลฟร็อกมีโครงสร้างกระดูกห้องหูชั้นใน (Bony labyrinth) คล้ายกับของมนุษย์มาก

ภารกิจนี้มีการติดตั้งเครื่องมือมากมาย เพื่อความปลอดภัยระหว่างอยู่ในห้วงอวกาศ เช่น เครื่องหมุนเหวี่ยงที่บรรจุน้ำ

สำหรับเป็นสื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนและระบายความร้อนออกจากสัตว์ การติดตั้งเครื่องวัดสัญญาณการเต้นของหัวใจ

รวมถึงการปรับแต่งสรีระของกบเพื่อลดระดับการเผาผลาญ

 

ผลการทดสอบ : ในภารกิจ 6 วันพบว่าการแช่น้ำทำให้กบหายใจทางผิวหนังได้ น้ำยังช่วยขับคาร์บอนไดออกไซด์และระบายความร้อน กบสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ด้วยสุขภาพแข็งแรง โดยไม่ได้รับอาหารนานถึงหนึ่งเดือน พวกมันกลับมาได้เป็นปกติ

 

แมงมุมเพื่อนรัก Anita & Arabellar

 

28 กรกฏาคม พ.ศ. 2516

ภารกิจ : การทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าแมงมุมสามารถสร้างใยนอกโลกได้หรือไม่?

 

โครงการโดย : องค์การนาซา, สหรัฐอเมริกา

เมื่อมีคำถามจากนักเรียนในโครงการ Skylab Student ว่า "แมงมุมสามารถปล่อยใยในอวกาศได้ไหม? นาซาจึงทดลองส่งแมงมุมเพศเมีย ชื่อ Anita และ Arabella ขึ้นสู่ไปบนสถานีอวกาศ Skylab เพื่อเฝ้าดูว่าแมงมุมสามารถสร้างใยในสภาวะนี้ได้หรือไม่ เพราะแรงโน้มถ่วงมีผลต่อการกำหนดทิศทางการปล่อยใยของแมงมุม

แอนนิต้า (Anita) และอราเบลลา (Arabella) เป็นแมงมุมสวนยุโรป (Araneus diadematus) เก่งในเรื่องการทอเส้นใยลูกโลกในระนาบแนวตั้งเมื่ออยู่บนแรงโน้มถ่วงของโลก

 

ผลการทดสอบ : จากการทดลองพบว่าในช่วงแรกแมงมุมคู่ซี้มีใยที่ไม่สมบูรณ์ ต่อมาทั้งคู่สามารถปรับตัวในสภาวะไร้น้ำหนักได้ดี ลักษณะการทอเส้นใยของแอนนิต้าและอราเมลลามีความละเอียดและซับซ้อนกว่าตอนอยู่บนโลก

พิสูจน์ได้ว่าสภาวะไร้น้ำหนักไม่มีผลต่อการสร้างใยที่มีคุณภาพของแมงมุม

 

นิวท์ (Pleurodeles waltl)

10 กรกฏาคม พ.ศ. 2528

ภารกิจ : การทดลองเพื่อศึกษาการซ่อมแซมร่างกายในอวกาศ

 

โครงการโดย : องค์การนาซา, สหรัฐอเมริกา

นิวท์ เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจำพวกซาลาแมนเดอร์ มีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องการซ่อมแซมร่างกาย สามารถสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ได้สมบูรณ์เมื่อบาดเจ็บ นิวท์ทั้ง 10 ตัวจึงถูกนักวิจัยส่งไปกับยาน Bion 7 โดยตัดขาคู่หน้าและเปลือกตาออก

เพื่อดูว่าเมื่ออยู่ในอวกาศนิวท์แต่ละตัวสามารถสร้างเซลล์ใหม่ได้เร็วแค่ไหน

 

ผลการทดสอบ : ร่างกายของนิวท์สามารถงอกใหม่ได้รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ทั้งแขนขา ไขสันหลัง เนื้อเยื่อหัวใจ เซลล์สมอง และดวงตา ตลอดจนการขยายพันธุ์และเติบโตในอวกาศ นำไปสู่งานวิจัยเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของมนุษย์จากการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในอวกาศ

 

แมงกะพรุนพระจันทร์ (Moon Jellyfish)

5 มิถุนายน พ.ศ. 2534

ภารกิจ : การทดลองเพื่อศึกษาว่าสภาวะเกือบไร้น้ำหนัก (Microgravity) มีผลอย่างไรต่อพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

โครงการโดย : องค์การนาซา, สหรัฐอเมริกา

 

นาซาได้ส่งแมงกระพรุนพระจันทร์ (Moon Jellyfish) ในระยะโตเต็มวัย ระยะตัวอ่อนและระยะว่ายน้ำขั้นเริ่มต้นไปนอกโลก จำนวน 2,478 ตัว พร้อมกับกระสวยอวกาศโคลัมเบีย เพื่อติดตามว่าสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในอวกาศส่งผลอย่างไรต่อพัฒนาการของแมงกะพรุน และเมื่อกลับมาอยู่บนโลกในช่วงโตเต็มวัยจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหรือไม่

เนื่องจากแมงกระพรุนมีระบบทรงตัวและการตรวจวัดแรงโน้มถ่วง (Gravity receptor) คล้ายกับมนุษย์ แต่รับรู้ได้ง่ายกว่า เรียกว่า “Statolith” (สตาโทลิท)

 

ผลการทดสอบ : จากการทดลองปล่อยแมงกรุพรุนโคจรรอบโลก 9 วัน พบว่าแมงกระพรุนสามารถเจริญเติบโตได้อย่างปกติและว่ายน้ำได้ ที่น่าสนใจคือแมงกะพรุนตัวเต็มวัยในอวกาศได้ขยายพันธุ์ สร้างประชากรแมงกะพรุนที่โคจรรอบโลกรวมกันถึง 60,000 ตัว!

เมื่อแมงกะพรุนกลุ่มนี้กลับยังโลก บางส่วนเกิดอาการเวียนหัว ว่ายน้ำเป็นวงกลม เนื่องจากระบบการทรงตัวผิดเพี้ยน

แต่ไม่นานทั้งหมดก็สามารถปรับตัวได้เป็นปกติ ข้อมูลนี้ใช้การต่อยอดในการส่งมนุษย์ไปยังอวกาศ รวมถึงการประเมินความเสี่ยง กรณีที่มนุษย์อาจต้องคลอดลูกในอวกาศด้วย

 

หมีน้ำ ทาร์ดิเกรด (Tardigrade)

14 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ภารกิจ : การทดลองเพื่อศึกษาการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเมื่ออยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายสุดขีดในอวกาศ

 

โครงการโดย : องค์การอวกาศยุโรป, การร่วมมือของสมาชิก 20 ประเทศในยุโรป

ตัวทาร์ดิเกรด (Tardigrade) หรือ "หมีน้ำ" เป็นสัตว์ที่ “อึด”ที่สุดในโลก เนื่องจากสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ในสภาวะที่โหดร้ายได้ไม่สะทกสะท้าน มันจึงถูกทำให้แห้งในสภาพจำศีล ก่อนออกเดินทางไปกับยาน Foton M3 เพื่อทดสอบปฏิกริยาของหมีน้ำเมื่ออยู่ในอวกาศที่เต็มไปด้วยรังสีอันตราย สภาพที่ไร้น้ำหนัก ไม่มีอากาศ ไม่มีอาหารและน้ำ ซึ่งไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกอยู่รอดได้

 

ผลการทดสอบ : หมีน้ำสามารถทนต่อรังสีได้นานถึง 10 วันในสภาพจำศีล และคืนชีพเมื่อกลับสู่สภาวะที่เหมาะสม

ทีมนักวิจัยยังพบว่าเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดันหมีน้ำจะสร้างเกราะชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า "เกราะชีวภาพ"

Intrinsically disordered proteins (IDPs) คลอบร่างกายไว้ เพื่อช่วยรักษาน้ำในเซลล์และโปรตีนต่างๆไม่ให้เสียหาย

นักวิจัยเชื่อว่าคุณสมบัติที่น่าทึ่งของหมีน้ำ อาจนำไปประยุกต์เพื่อใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ในอนาคตได้ เช่น

การเก็บรักษาวัคซีนเพื่อขนส่งแจกจ่ายในถิ่นกันดาร รวมถึงการเก็บวัคซีนไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น

 

สัตว์ทดลองเหล่านี้สร้างประโยชน์ให้กับมนุษยชาติอย่างมหาศาล ทั้งระบบร่างกายและสภาพจิตใจ องค์ความรู้ต่างๆที่ได้จากการทดลอง เป็นการปูทางสู่เทคโนโลยีอวกาศในอนาคต วันหนึ่งร่างกายมนุษย์อาจมีความทนทานกว่าเดิม สามารถเดินทางในอวกาศได้นาน ๆ หรือย้ายถิ่นฐานไปอาศัยยังดาวอื่น ๆ ได้

 

โลกแห่งการเรียนรู้เรื่องอวกาศที่น่าสนใจยังมีให้เรียนรู้ได้อีกไม่สิ้นสุด

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ การสำรวจนอกโลก ทำให้มนุษย์ค้นพบความลับของจักรวาลได้มากขึ้น

ซึ่งสามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้สำหรับทุกคน

เปิดโลกการเรียนรู้เรื่องอวกาศเพิ่มเติมได้ในรายการเหล่านี้...

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ

posttoday.com

time.com

thematter.co

thisdayinaviation.com

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ไลก้า, 
#ยูริกาการิน, 
#สปุตนิก2, 
#การโคจรรอบอวกาศ, 
#สุนัขอวกาศ, 
#กบอเมริกันบูลฟร็อก, 
#Americanbullfrog, 
#องค์การนาซา, 
#โครงการOrbitingFrogOtolith, 
#แมงมุมอวกาศ, 
#Anita&Arabellar, 
#Skylab, 
#นิวท์, 
#ซาลาแมนเดอร์, 
#Bion7, 
#Pleurodeleswaltl, 
#แมงกะพรุนพระจันทร์, 
#MoonJellyfish, 
#Statolith, 
#หมีน้ำ, 
#ทาร์ดิเกรด, 
#Tardigrade, 
#องค์การอวกาศยุโรป 
ALTV CI
Interest Thing
Interest Thing
ALTV All Around
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ไลก้า, 
#ยูริกาการิน, 
#สปุตนิก2, 
#การโคจรรอบอวกาศ, 
#สุนัขอวกาศ, 
#กบอเมริกันบูลฟร็อก, 
#Americanbullfrog, 
#องค์การนาซา, 
#โครงการOrbitingFrogOtolith, 
#แมงมุมอวกาศ, 
#Anita&Arabellar, 
#Skylab, 
#นิวท์, 
#ซาลาแมนเดอร์, 
#Bion7, 
#Pleurodeleswaltl, 
#แมงกะพรุนพระจันทร์, 
#MoonJellyfish, 
#Statolith, 
#หมีน้ำ, 
#ทาร์ดิเกรด, 
#Tardigrade, 
#องค์การอวกาศยุโรป 
แชร์
ชอบ
ติดตามเรา