ท้องทะเลมีทั้งน้ำสุดลูกตา สายลม และคลื่นที่ทำให้รู้สึกสบาย แต่ภายในท้องทะเลอันกว้างใหญ่แสนสงบนั้น กลับมีกีฬาชนิดหนึ่งที่ต้องอาศัยความตื่นเต้นและความเร็วแรงของลมทะเล นั่นคือกีฬาเรือใบ อีกหนึ่งกีฬาที่ต้องใช้ทั้งความอดทน ตลอดจนถึงความเชื่อใจระหว่างผู้บังคับใบเรือกับธรรมชาติ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นตัวแทนของนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ และทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค. ถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ทางการกีฬาของประเทศไทย จึงได้มีการจัดตั้งวันที่ 16 ธ.ค. ของทุกปีเป็น “วันกีฬาแห่งชาติ” เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมระลึกถึงพระปรีชาสามารถของในหลวง รัชกาลที่ 9 ในฐานะที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย

ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกีฬาเรือใบ กีฬาที่ต้องวัดใจกันระหว่างผู้เล่นกับท้องทะเลกับ “เรือใบ ผู้แล่นลมเหนือท้องทะเล”

จุดเริ่มต้นกีฬาเรือใบ

"กีฬาเรือใบ" เป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฮอลแลนด์ ถูกแนะนำขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ประมาณปี พ.ศ. 2203 หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับมาจากการถูกเนรเทศในประเทศฮอลแลนด์ สโมสรคอร์คฮาร์เบอร์ (Cork Harbor) ในไอร์แลนด์ (พ.ศ. 2263) เป็นสโมสรเรือใบแห่งแรก และมีสโมสรเรือใบที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือ สโมสรเรือใบนิวยอร์ก (New York Yacht Club) ซึ่งตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2427 กล่าวได้ว่าการเล่นเรือใบในสมัยอียิปต์และโรมันนั้น เป็นการเล่นเรือเพื่อการตรวจตราการท่องเที่ยว การติดต่อ และเพื่อการสู้รบที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว จะมีการแข่งขันกันบ้างก็เป็นเพียงครั้งคราวเท่านั้น การแข่งขันเรือแห่งชาติเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ 2394 จากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศอังกฤษ จากนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันเรือใบเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 16 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และเข้าร่วมแข่งขัน เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 ในการแข่งกีฬาชนิดนี้ผู้แข่งจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของเรือ ศัพท์ที่ใช้ในการเดินเรือ การแล่นเรือแบบต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องราวทิศทางของลมเพื่อให้การเดินเรือเป็นไปได้อย่างปลอดภัย

ส่วนประกอบของเรือใบ

จะประกอบไปด้วยส่วนหลัก 9 อย่าง ได้แก่

• เสากระโดง(Mast)
• ใบเรือ(Sail)
• คัดแคง(Drager Board)
• ลำตัวเรือ(Hull)
• หางเสือ(Rudder)
• พังงา(Tiller)
• เชือกดึงใบ(Main Sheet)
• เสาค้ำ(Sprit)
• บูม(Boom)

การแล่นเรือใบ มี 3 วิธี คือ

แล่นทวนลม

หลักการสำคัญ คือ ตัวเรือทำมุม 45 องศากับลม ดึงใบเข้ามาถึงมุมกราบท้ายเรือด้านใต้ลม นั่งให้ชิดไปด้านหน้าหรือตรงกลางลำเรือ เอาแด็กเกอร์บอร์ดลงให้หมด ตาดูใบ ถ้าใบสะบัดให้ดึงหางเสือเข้าหาตัวเล็กน้อย จนกระทั่งใบหายสะบัด

แล่นตามลม

หลักการสำคัญ คือ ตัวเรือทำมุม 90 องศากับลม ปล่อยใบออกไปทำมุมประมาณ 45 องศากับตัวเรือ เอาแด็กเกอร์บอร์ดขึ้นประมาณครึ่งหนึ่ง ตั้งหัวเรือไปทางจุดหมาย แล้วปล่อยใบออก เมื่อใบสะบัดให้ดึงใบเข้าจนใบหายสะบัด การแล่นใบแบบนี้สามารถทำความเร็วได้มากที่สุด

แล่นขวางลม

หลักการสำคัญ คือ ปล่อยใบออกไปจนทำมุม 90 องศากับตัวเรือ เอาแด็กเกอร์บอร์ดขึ้นเกือบหมด เอียงเรือมาด้านตัวเองเล็กน้อย นั่งไปทางด้านหน้าเรือ การแล่นใบแบบนี้ทำ ความเร็วได้น้อยที่สุด การเลือกว่าจะใช้วิธีแล่นใบแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับทิศทางของลม ดังนั้นเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมาย นักแล่นใบจึงต้องดูทิศทางลมและเลือกใช้วิธีแล่นใบให้ถูก รวมถึงต้องทำการกลับใบเรือเพื่อรับลมด้วย

ศัพท์การเล่นเรือใบ

• Beating การแล่นใบทวนลม
• Running การแล่นใบตามลม
• Reaching การแล่นใบขวางลม
• Tack การกลับใบทวนลม
• Jai การกลับใบแบบตามลม

การแล่นเรือใบออกไปทะเลแต่ละครั้งนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาเรื่องราวของลมประจำวันก่อน เพื่อความปลอดภัย เพราะท้องทะเลอันกว้างใหญ่มีเรื่องให้ต้องสำรวจอีกมากมาย การออกเดินทางในท้องทะเลจึงจำเป็นต้องมาพร้อมความปลอดภัย และใจที่เต็มร้อย

มาสนุกกับการแล่นเรือใบกับเหล่าน้อง ๆ แคมป์เปอร์ พร้อมเทคนิคการแล่นเรือแบบปลอดภัยได้ในรายการ The Camp ค่ายหรรษา