ชื่อเสียงของ “ข้าวเหนียวมะม่วงไทย” โด่งดังไกลไปทั่วโลก ชาวต่างชาติที่เคยมาลิ้มลอง ต่างติดอกติดใจยกให้เป็นขนมหวานที่อร่อยที่สุดติดอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ล่าสุดเกิดปรากฏการณ์ “ข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์” คนแห่สั่งข้าวเหนียวมะม่วงมาทานกันยกใหญ่ จนแม่ค้าต้องเพิ่มสต็อกไว้เป็นเท่าตัว เมื่อแร็ปเปอร์ไทย มิลลิ (MILLI) นำไปโปรโมทบนเวทีคอนเสิร์ตระดับโลกอย่าง “Coachella 2022”
ด้วยเหตุนี้ ALTV จึงอยากชวนให้ทุกคนมาเรียนรู้เกี่ยวกับ “ข้าวเหนียวมะม่วงของไทย” ยังมีเรื่องน่ารู้อีกมากมายที่หลายคนอาจยังไม่เคยได้ยิน
ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า ใครคือคนต้นคิดให้นำข้าวเหนียวมูนมาทานคู่กับมะม่วงสุก บางข้อมูลสันนิษฐานว่า ข้าวเหนียวมะม่วงมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย แต่ที่แน่ ๆ มีกล่าวถึงการกินข้าวเหนียวมะม่วงใน “สมัยรัชกาลที่ 5” ซึ่งเกิดขึ้นที่ตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ห้องพระเครื่องต้นของเสวยคาวหวาน ที่มีการนำ “ข้าวไร่” มา “มูนด้วยกะทิ” แล้วรับประทานกับมะม่วงอกร่องสุก
มีมะม่วงสองสายพันธุ์ที่นิยมกินคู่กับข้าวเหนียวมูนรสหวานมัน ก็คือ “มะม่วงอกร่อง” และ “มะม่วงน้ำดอกไม้” รสชาติของทั้งสองสายพันธุ์นี้ แตกต่างกันอย่างชัดเจนด้วย สี กลิ่น และเนื้อสัมผัส รวมถึงความหวานที่มีความโดดเด่นกันคนละแบบ ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจปาก
มะม่วงอกร่องสุก ผลมีลักษณะกลมและมน สีของเปลือกจะออกเหลืองปนเขียว เมื่อปอกเปลือก เนื้อของมะม่วงอกร่องจะเป็นสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมหวานชวนลิ้มรส ให้รสชาติที่หวานละมุนลิ้น มีความฉ่ำน้ำ และมีเสี้ยนเล็กน้อย
มะม่วงน้ำดอกไม้สุก ผลใหญ่อ้วนกลม เรียวยาวปลายแหลม เปลือกมีสีเหลืองเสมอกัน เมื่อปลอกเปลือกแล้วมีสีเหลืองสดน่าทาน มีกลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวนำหวานตาม ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
สูตรโบราณรุ่นปู่ย่าตายายนิยมใช้ “มะม่วงอกร่อง” เลือกเอาที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ซึ่งจะเข้ากันได้ดีกับรสชาติหอม หวาน มันของข้าวเหนียวมูนสุด ๆ ปัจจุบันมะม่วงอกร่องหาซื้อยากและราคาสูง จึงนิยมใช้มะม่วงน้ำดอกไม้มากขึ้น เพราะหาซื้อง่าย ลูกโต และอร่อยไม่แพ้กัน
ชาวบ้านสมัยก่อนมีไอเดียทำอาหารด้วย “ข้าวเหนียว” เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้ง “การมูนข้าวเหนียวด้วยหัวกะทิสด” สำหรับเป็นสำรับอาหารหวาน เช่น ทำข้าวต้มมัด ข้าวต้มน้ำกะทิ เป็นต้น ปัจจุบันพันธุ์ข้าวที่นิยมนำมาทำเป็นข้าวเหนียวมูน คือ “ข้าวเหนียวเขี้ยวงู” เพราะมีเมล็ดเรียวแหลม นึ่งแล้วเมล็ดยังคงรูปสวย หากพูดถึงรสชาติก็เหนียวนุ่ม หอม มัน เมื่อมูนกับน้ำหัวกะทิแล้วทานคู่กับมะม่วงแล้วยิ่งอร่อยเหาะ
เสน่ห์ของข้าวเหนียวมูน คือ หอมหวาน เค็ม มัน อย่างลงตัว ประกอบด้วยสัดส่วนของ “ข้าวเหนียว น้ำตาล เกลือ และกะทิ” กินคู่กับผลไม้อะไรก็อร่อยไปหมด นอกจากมะม่วงแล้ว ยังเข้ากันได้ดีกับทุเรียนและขนมหวาน อย่างเมนูข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ เช่น หน้าสังขยา หน้ากุ้ง หรือหน้าปลาแห้งก็อร่อยล้ำ
ที่มา : ข้าวเหนียวหลากสี ช.ศรแก้ว
ข้าวเหนียวมูนสีขาวอาจดูธรรมดาไป เดี๋ยวนี้พ่อค้าแม่ขายผุดไอเดียทำ “ข้าวเหนียวมูนแฟนซี” เพื่อเพิ่มมูลค่าได้อย่างน่าสนใจ ทำให้ข้าวเหนียวมะม่วงน่าลิ้มลองเข้าไปใหญ่ สีต่าง ๆ ของข้าวเหนียวมูน ได้แก่
ในโลกโซเชียลมีการพูดถึงข้าวเหนียวมะม่วงให้ชวนสงสัย เมื่อมีชาวกัมพูชาออกมาขอบคุณแร็ปเปอร์ชื่อดัง “น้องมิลลิ” ที่ช่วยโปรโมท ข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานขึ้นชื่อของกัมพูชา ทำให้เกิดคำถามว่า ตกลงต้นกำเนิดเป็นของประเทศไทย หรือของใครกันแน่?
อันที่จริงขนมหวานที่ทานคู่กันระหว่าง ข้าวเหนียวกับมะม่วง ไม่ได้นิยมแค่ในประเทศไทยเพียงชาติเดียว เพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นขนมหวานท้องถิ่นที่หาทานได้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ซึ่งก็รวมถึงชาวกัมพูชาประเทศเพื่อนบ้านของไทยด้วย
คนกัมพูชาเรียกว่า “เบย์ ดอม เนิบ” (Bey Dom Neib) เป็นของหวานหน้าตาคล้ายข้าวเหนียวมะม่วงของบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่ทางเขมรจะใช้วัตถุดิบหลัก 2 อย่าง ได้แก่ ข้าวเหนียวและน้ำตาลปี๊บ บางสูตรมีส่วนผสมของถั่วดำอยู่ในข้าว ราดด้วยน้ำกะทิที่ชุ่มกว่าข้าวเหนียวมะม่วงไทย
ที่มา : angkorchef.com
ในฟิลิปปินส์ ข้าวเหนียวมะม่วงเรียกว่า “ปูโตมายา” (Puto Maya) ประกอบด้วยข้าวเหนียว น้ำขิงสด และน้ำกะทิ มักห่อด้วยใบตองเป็นทรงสามเหลี่ยม จัดจานเสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุก ก่อนตักทานราดด้วยช็อกโกแลตร้อน ๆ
ที่มา : Chef Maria Ford
ส่วน “ข้าวเหนียวมะม่วงไทย” เป็นข้าวเหนียวมูนสีนวล ๆ มีมะม่วงหั่นสไลด์วางบนจาน ราดด้วยน้ำกะทิ เพิ่มความกรุบกรอบด้วยถั่วเหลืออบแห้ง บางร้านมีไอเดียสร้างสรรค์เปลี่ยนจากข้าวเหนียวธรรมดา เป็นข้าวเหนียวดำ, ข้าวเหนียวใบเตย, ข้าวเหนียวอัญชันเพื่อให้ดูมีสีสันน่าทาน
นอกจากการค้นหาอย่างล้นหลามบนกูเกิ้ลแล้ว นักชิมอาหารที่ออกตระเวนชิมไปทั่วโลกจาก CNN ชื่อ “เจ็น โรส สมิท” (Jen Rose Smith) ยังยกย่องให้ "ข้าวเหนียวมะม่วงไทย” เป็นของหวานยอดนิยมระดับโลก ที่ไม่ใช่เพียงความอร่อยแต่ยังเป็นซิกเนเจอร์ของประเทศ ซึ่งเมนู “ทับทิมกรอบ” ก็ติดรายชื่อใน “50 of the world's best desserts” ปี 2018 ด้วย
ขึ้นชื่อว่าของหวาน หลายคนอาจมองว่ามีแต่ผลเสีย แต่ของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วงให้ “พลังงานและสารอาหาร” ที่ดีต่อร่างกายมากมายเชียวนะ ข้าวเหนียวมะม่วง 1 จาน ให้พลังงานทั้งหมด 730.2 กิโลแคลอรี (ข้อมูลจาก calforlife.com)
ความหวาน หอม อร่อย จากมะม่วงสุก ข้าวเหนียวมูนและน้ำกะทิ ตักกินแล้วฟินไปทั่วลิ้นแบบนี้ยากจะอดใจไหว สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง สามารถทานข้าวเหนียวมะม่วงได้แต่ไม่ควรทานบ่อย หรือเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งถือว่าพอดี เพราะข้าวเหนียวมะม่วงมีน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมสูง ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตเช่นกัน
สุดท้ายมีคำแนะนำน่ารัก ๆ สำหรับการกินข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อความอร่อยและได้สุขภาพที่ดีมาฝากกัน
ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นของหวานแสนอร่อยที่หาทานง่ายแม้ต่างฤดูกาล มากกว่าความอร่อยก็ยังมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย แต่ถ้าจะให้ดีควร "ทานแต่พอเหมาะ" และอย่าลืมเผาผลาญพลังงานกันด้วยนะ
ที่มา : thaihealth.or.th, foodfuntravel.com, หอสมุดแห่งชาติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เพจ Madame Somboon