นอกจากอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงที่เข้ามาพลิกโฉมวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้ว ในขณะเดียวกันหุ่นยนต์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 'สัตว์' ก็กำลังมาแรงไม่แพ้กัน วันนี้ ALTV ขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับหุ่นยนต์สัตว์สุดอัจฉริยะที่จะมาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตคนเราแทบทุกด้าน รวมไปถึงการเป็น "นักบำบัดใจ" อย่าง "หุ่นยนต์ลูกแมวน้ำ Paro" ที่ได้มีงานศึกษาการันตีแล้วว่า สามารถช่วยเยียวยาร่างกายจิตใจได้และสามารถทำหน้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงาของคนรักสัตว์ที่ไม่มีเวลาเลี้ยงได้อีกด้วย
Paro พัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 โดย ทาคาโนริ ชิบาตะ (Takanori Shibata) นักวิจัยชาวญี่ปุ่น จากสถาบันวิจัย AIST เป้าหมายเพื่อเป็น 'สัตว์เลี้ยงทางเลือก' สำหรับผู้สูงอายุ ที่อาจดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ไหว หรือไม่ต้องการเสี่ยงอันตรายจากการโดนข่วน กัด หรือโรคภูมิแพ้จากขนสัตว์
Paro รองรับภาษาได้ถึง 7 ภาษา สามารถจดจำเสียง คำสั่ง และพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของมนุษย์ผ่านเซนเซอร์ที่ติดไว้ทั่วตัว แมวน้ำ Paro จะเข้าสู่โหมดนอนหลับในตอนกลางคืน และตื่นขึ้นในตอนกลางวันเหมือนสิ่งมีชีวิต เพราะถูกออกแบบมาให้สามารถประเมินสภาพแวดล้อม แสงและสีได้ นอกจากนี้ผู้สร้างยังใส่ “โหมดอ้อน” ลูกเล่นที่จะทำให้ Paro ส่งเสียงร้องทุกครั้ง เมื่อต้องการสัมผัสจากเจ้าของ
อ้างอิงจากวารสาร Journal of Alzheimer's Disease ในปี 2016 เคยมีการทดลองใช้ Paro กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อม โดยให้กลุ่มผู้สูงอายุเล่นกับหุ่นยนต์ 2 ตัว ได้แก่ Paro และ หุ่นยนต์รูปสิงโต ผลที่ได้คือ เมื่อเหล่าผู้สูงอายุลูบขนของ Paro ความเครียด ความวิตกกังวลของพวกเขาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และหัวเราะร่าเริงมากขึ้นเมื่อได้อยู่ใกล้หุ่นยนต์ Paro
Moflin หุ่นยนต์ขนปุยขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายหนูตะเภานี้ เป็นผลงานของบริษัทนวัตกรรมประเทศญี่ปุ่น Vanguard Industries Inc. เปิดตัวครั้งแรกในงาน 'CES 2021' และคว้ารางวัล The Best of Innovation Award in Robotics ไปครอง
ความพิเศษของ Moflin คือ 'ความสามารถทางอารมณ์' มันสามารถรู้สึกเศร้า ตื่นเต้น เป็นกังวล หรือมีความสุขได้เหมือนสัตว์เลี้ยงจริง ซึ่งจะโต้ตอบให้เรารู้ได้ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ Moflin ยังมีลักษณะนิสัยเป็นของตัวเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของจะเลี้ยงดูมันอย่างไร
Molfin ถูกขายอยู่ที่ราคา 400 ดอลลาร์ หรือ 12,000 บาท แม้ว่าจะดูราคาแรงไปหน่อย แต่อาจจะถูกกว่าค่าใช้จ่ายของการเลี้ยงสัตว์จริง ๆ ทั้งชีวิตรวมกัน เพราะ Moflin ไม่ต้องคอยให้น้ำ ให้อาหาร หรือพาไปเดินเล่น เพียงแค่คอยเอาใจใส่ด้วยการลูบขนของมันบ้าง และนำไปชาร์จพลังงานเมื่อแบตหมดเท่านั้น
RoboBee พัฒนาโดยทีมวิทยาการวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Microrobotics Laboratory) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013
โดยมีเป้าหมายเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร และการบรรเทาสาธารณภัย สังเกตจากชื่ออาจทำให้พอรู้แล้ว ว่า Robobee ได้แรงบันดาลมาจากโครงสร้างของผึ้ง ปีกเล็ก ๆ ของมันสามารถกระพือ 120 ครั้งต่อวินาที มีน้ำหนัก 84 mg ซึ่งเบากว่าผึ้งจริง ๆ และมีขนาดเพียง 3 เซนติเมตร เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของคลิปหนีบกระดาษ
Robobee สามารถบินบนอากาศ และดำน้ำได้ และอย่างที่บอกว่ามันจำลองมาจากผึ้ง Robobee จึงไม่ได้ทำงานเพียง 1-2 ตัวเท่านั้น แต่ทำงานกันเป็นฝูงเหมือนฝูงผึ้ง ซึ่งทางทีมพัฒนากล่าวว่า สามารถใช้สำหรับการค้นหาและกู้ภัยได้ดีโดยเฉพาะในพื้นที่คับแคบ ที่ยานพาหนะเข้าไม่ถึง และพวกมันสามารถกลับมาพร้อมกับข้อมูลรวดเร็วขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องรอให้หุ่นยนต์กลับมายังศูนย์ควบคุม จากการสื่อสาร ส่งต่อข้อมูลถึงกันได้ภายในฝูง
Elume พัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนอร์เวย์ ล่าสุดอยู่ภายใต้การดูแลโดย บริษัทเทคโนโลยีทางทะเล Kongsberg Maritime โดยมีจุดประสงค์เพื่อปฏิบัติการค้นหาและซ่อมแซมใต้ทะเล
Eelume มีรูปร่างเป็นท่อ ขนาดยาว ยืดหยุ่นได้ ทำให้มันสามารถเข้าถึงพื้นที่แคบซึ่งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เข้าไปไม่ถึง และทนทานต่อกระแสน้ำที่รุนแรง ด้านผู้พัฒนากล่าวไว้ว่านอกจากสามารถทำงานใต้น้ำในระดับความลึกมาก ๆ ได้ ในอนาตอาจจะสามารถเข้าไปสำรวจทุกซอกทุกมุมของเรือไททานิกที่จมอยู่ใต้มหาสมุทรก็เป็นได้
ปัจจุบัน Eelume ยังไม่วางขายตามท้องตลาด แต่เชื่อว่าอีกไม่นานที่จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีการนำไปใช้ทดลองทำงานใต้ทะเล อย่างเช่นการขุดเจาะน้ำมันใต้ท้องทะเลไปบ้างแล้ว
Spot หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์สี่ขานี้ พัฒนาโดย Boston Dynamics บริษัทด้านวิศวกรรมและการออกแบบหุ่นยนต์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งก่อนหน้าได้เปิดตัวหุ่นยนต์มนุษย์สองเท้าสุดอัจฉริยะ ที่ชื่อว่า "Atlas" ไปเมื่อปี พ.ศ. 2556
Spot สามารถทำได้ทั้งเดิน วิ่ง กระโดดหมุนตัว มอบคลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถออกลีลาการเต้นตามจังหวะเพลงได้อีกด้วย งานหลักของ Spot คือ การขนย้ายสัมภาระ ค้นหาสิ่งของตามพื้น ไปจนถึงตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายได้จากจากระยะไกล เรียกได้ว่าเหมาะกับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ทั้งในและนอกอาคาร ในปี 2021 มีการรายงานว่า Spot ถูกใช้ในการซ้อมรบของกองทัพฝรั่งเศส เพื่อการลาดตระเวนระหว่างการฝึก ปัจจุบัน Spot วางขายตามท้องตลาดในราคา 75,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2 ล้านบาท
เมื่อได้ทำความรู้จักกับหุ่นยนต์สัตว์ AI สุดล้ำไปแล้ว เราขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ "อาชีพนักออกแบบอากาศยานไร้คนขับ" อีกหนึ่งความก้าวหน้าของวงการปัญญาประดิษฐ์ สามารถติดตามรับชมต่อ ได้ที่ รายการ Class one ทางฉันฝันเธอ ตอน AI ในฝัน < คลิก
ที่มา: Parorobot WYSS Harvard The Verge Eelume Boston dynamic