พอเริ่มเข้าหน้าร้อน ก็เริ่มรู้สึกอยากแพ็กกระเป๋าออกไปกินลมชมทะเลตามเกาะต่าง ๆ แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบในเร็ว ๆ นี้ อาจทำให้ใครหลายคนไม่สะดวกใจที่จะออกไปไหนนัก ALTV จึงขออาสาพาทุกคนไปเที่ยวเกาะ แต่เกาะในที่นี่ไม่ได้มีเพียงน้ำใสหาดทรายขาวเท่านั้น แต่เป็นเกาะที่ถูกยึดครองโดยเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ ที่ขอบอกเลยว่าคนรักสัตว์ห้ามพลาด!
ที่มา: NBC News โดย Chris McGrath
ในบรรดาหมู่เกาะของประเทศญี่ปุ่น "เกาะโอคุโนะชิมะ" หรืออีกชื่อหนึ่ง "อุซากิชิมะ" เกาะร้างเล็ก ๆ ไร้ผู้คนอยู่ห่างออกไปจากจังหวัดฮิโรชิม่าเพียง 3 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ "เกาะกระต่าย" เพราะเป็นที่อยู่ของ “ฝูงกระต่ายป่า” นับพันตัว ที่นอกจากจะน่ารักน่าชังแล้ว ยังเป็นมิตรกับคนมาก ๆ
เกาะแห่งนี้เพิ่งค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2014 จากวิดีโอไวรัลของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเล่นกับฝูงกระต่ายที่ดูเป็นมิตร จากกระแสวิดีโอนี้เองผู้คนทั่วทุกสารทิศก็แวะเวียนมายังเกาะโอคุโนะชิมะ เพื่อขอให้ได้เซลฟี่กับฝูงกระต่ายบ้าง รู้อีกทีเกาะแห่งนี้ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กของคนรักสัตว์ไปแล้ว
เดิมทีเกาะแห่งนี้เคยเป็นจุดตั้งโรงงานผลิตก๊าซพิษหลายพันตันของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามการรายงานของ The New York Times ช่วงทศวรรษที่ 1930 ถึง 40 มีการใช้ยาพิษ ก๊าซมัสตาร์ด ฟอสจีน และสารอันตรายชนิดอื่น ๆ กับทหารและพลเรือนจีนในระหว่างสงคราม คร่าชีวิตผู้คนไปราว 80,000 คน
ซึ่งกระต่ายนี่แหละ ที่เป็นสัตว์ทดลองชนิดแรก ๆ บนเกาะแห่งนี้ และเป็นไปได้ว่าอาจมีบางตัวเล็ดลอดออกจากห้องทดลองไปหลบซ่อนอยู่ในป่า จนถึงวันที่โรงงานก๊าซพิษถูกรื้อทิ้งโดยกองทัพสหรัฐฯ แต่กระต่ายเหล่านี้ก็ยังคงขยายพันธุ์ จนในที่สุดมีลูกหลานเต็มเกาะอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
Ellis Krauss ผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีและปรัชญาการเมือง มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Dodo ว่ามีการใช้กระต่ายทดลองบนเกาะแห่งนี้จริง แต่พวกมันถูกกำจัดทิ้งหลังสงครามไปนานแล้ว จึงเป็นที่เชื่อกันว่าอาจเป็นฝีมือคนท้องถิ่นนี่แหละ ที่นำกระต่ายมาปล่อยไว้บนเกาะร้างแห่งนี้ เพื่อให้พวกมันปลอดภัยจากสัตว์ผู้ล่าอย่างสุนัขหรือแมว
เมื่อไม่นานมานี้เกาะอะโอชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์ว่า เป็นเกาะแมวที่เหล่าทาสต้องไปเยือนสักครั้ง แต่ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่นก็สามารถเล่นกับฝูงน้องแมวนับร้อยชีวิตได้ เพราะที่ "เกาะไข่ใน" หรือ "เกาะไข่แมว" สามารถมอบประสบการณ์นี้ให้คุณได้!
เกาะไข่แมว เป็นส่วนหนึ่งของ “หมู่เกาะไข่” สถานที่เที่ยวยอดฮิตในจังหวัดพังงา โดยมีทั้ง เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน และเกาะไข่นุ้ย ให้เลือกล่องเรือแวะเวียนได้ตามใจชอบ ซึ่งนอกจากน้ำทะเลใส หาดทรายขาวแล้ว ไฮไลท์ของหมู่เกาะไข่ คือเกาะไข่ในที่มีประชากรแมวกว่าร้อยชีวิต เฝ้าคอยเหล่าทาสมาปรนเปรอ
หมู่เกาะไข่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามา แน่นอนว่าร้านค้าและร้านอาหารก็ผุดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สิ่งที่ตามคือปัญหาขยะและเศษอาหารเหลือทิ้งที่เชิญชวนให้ “หนู”ทั้งหลายเข้ามากินและแพร่พันธุ์บนเกาะ
ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาแบบบ้าน ๆ ของชาวบ้านบนเกาะคือการนำน้องแมวมาเลี้ยงบนเกาะแห่งนี้ เพื่อให้พวกมันทำหน้าที่จับหนูซะเลย
ประชากรหนูบนเกาะลดลง ในขณะเดียวกันประชากรแมวบนเกาะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนพวกมันกลายเป็นผู้ปกครองเกาะแห่งนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งการมีอยู่ของเหล่าน้องเหมียวเหล่านี้นอกจากช่วยให้ปัญหาหนูลดลงแล้ว ยังสามารถดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้กลับมาเกาะแห่งนี้ได้เสมอ แม้จะเป็นช่วงการแพร่ระบาดก็ตาม เพราะใครหลายคนต่างติดใจในความน่ารัก ขี้อ้อนของเหล่าน้องเหมียวนั่นเอง
เราเชื่อว่าหลายคนอาจเคยเห็นภาพของนักท่องเที่ยวถ่ายรูปริมทะเลคู่กับน้องหมูผ่านตามาบ้าง และหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมหมูถึงไปอยู่ในทะเลแบบนั้นได้? ยิ่งไปกว่านั้นน้องยังดูเป็นมิตร ไม่เขินกล้องสักนิดเดียว ซึ่งนี่คือความพิเศษของ "เกาะหมู (Pig Island)" หรือ "เมเจอร์ เคย์ (Major Cay)" เกาะสวรรค์ที่คุณจะได้ว่ายน้ำใกล้ชิดกับฝูงหมูกว่า 30 ตัว
เมเจอร์ เคย์ เป็นเกาะหนึ่งในบรรดาหมู่เกาะประเทศบาฮามาส (Bahamas) ตั้งอยู่ในแนวปะการัง เขตเอ็กซูมา (Exuma) เกาะแห่งนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่เลย ยกเว้นหมู และแพะจำนวนหนึ่ง แต่เดิมจะเป็นชาวเรือที่แวะเวียนมายังเกาะแห่งนี้ เพื่อให้อาหารสัตว์บนเกาะ แต่ในปัจจุบันมันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีเรือจอดเทียบท่าไม่เว้นวัน
ยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่นอนถึงที่มาของน้องหมูบนเกาะ แต่เชื่อกันว่าเหล่าชาวไร่ชาวนาบนเกาะ "Staniel cay" เกาะที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน เป็นผู้นำมาปล่อยไว้ เนื่องจากปัญหากลิ่นเหม็นจากฟาร์มหมู ที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที พวกเขาจึงทำการย้ายหมูไปไว้ที่จาก Staniel cay มาไว้ที่ เมเจอร์ เคย์ ที่อยู่ใกล้กัน และอาศัยล่องเรือมาให้อาหาร จวบจนเวลาผ่านไปเหล่าน้องหมูบนหาดก็เริ่มคุ้นชินกับการรอคอยเรือที่จะเข้ามาเทียบฝั่ง เพราะเมื่อไหร่ที่เห็นเรือแล่นเข้ามา หมายความว่าอาหารกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เป็นเหตุผลว่าทำไมน้องหมูบนเกาะแห่งนี้มักปรากฏตัวให้เห็นอยู่บริเวณหน้าหาดเสมอ
ที่มา: สำนักข่าว India Today
ท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศบราซิล “อิลยาดาเกย์มาดากรังจี (Ilha da Queimada Grande)” เกาะเล็ก ๆ ห่างจากชายฝั่งเซาเปาโลประมาณ 90 ไมล์ มองแว๊บแรกอาจเป็นสถานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วเป็นที่อยู่ของเหล่าอสรพิษกว่า 5,000 ตัว ขึ้นหิ้งเกาะอันตรายที่สุดของโลก
“ทุก 1 ตารางเมตร จะพบกับงู 5 ตัว” เพียงเท่านีอาจรู้สึกได้ถึงความชุกของประชากรงูบนเกาะ โดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ โดยเจ้าถิ่นของเกาะแห่งนี้ คือ งูหัวหอกสีทอง (Bothrops insularis) ซึ่งมีพิษร้ายแรงกว่างูปกติ 5 เท่า เป็นฝันร้ายหากโดนกัดเพราะคุณจะเสียชีวิตภายในเวลา 1 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เองกองทัพเรือบราซิลจึงประกาศปิดให้บริการแก่สาธารณชนเมื่อหลายสิบปีก่อน
อ้างอิงจาก Bussiness insider ตามตำนานอันโด่งดังในหมู่ชาวประมงแถบเซาเปาโล ว่ากันว่าบรรพบุรุษงูบนเกาะแห่งนี้ มาจากกลุ่มโจรสลัดหวงสมบัติ ที่เลือกฝังทรัพย์สมบัติของพวกเขาไว้บนเกาะ และเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครหน้าไหนย่างกรายเข้าใกล้สมบัติของพวกเขาได้ จึงทำการปล่อยงูพิษไว้เพื่อพิทักษ์สมบัติ ซึ่งบอกตามตรงว่านี่ไม่ใช่ไอเดียที่บรรเจิดเท่าไหร่ เพราะเหมือนว่าเหล่าโจรสลัดอาจไม่ได้คิดเผื่อถึงตอนกลับมาเอาสมบัติด้วยนี่สิ
ที่มา: National Park Service
เกาะ Assateague ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ในเขตของรัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เกาะแห่งนี้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนอีกที่หนึ่ง และเป็นที่รู้จักในฐานะดินแดนของคนรักม้า เพราะมีม้าป่าซินโคทีกอาศัยอยู่ถึง 300 ตัว สามารถพบเห็นพวกมันวิ่งอยู่ตามท้องทุ่ง ริมหาด ไม่ก็แช่ตัวอยู่ในทะเลอย่างอิสระเสรี โดยม้าส่วนใหญ่เป็นม้าสายพันธุ์ซินโคทีค (Chincoteague) ม้าป่าประจำถิ่นที่มีให้เห็นได้แค่ที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าน้องไม่ได้เฟรนลี่ และค่อนไปทางดุร้าย การไปเยี่ยมชมจึงต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ และบริเวณที่จัดไว้เพื่อความปลอดภัย
เชื่อกันว่าม้าตัวแรก ๆ ของเกาะแห่งนี้ คือม้าที่รอดชีวิตมาจากเรืออับปางกลางทะเล แต่ความเชื่อนี้ถูกปัดตกไปเนื่องจากมีความเป็นไปได้น้อยที่พวกมันจะสามารถว่ายน้ำมาถึงเกาะแห่งนี้ได้ ในขณะเดียวกันผู้คนต่างคาดว่า ม้าเหล่านี้เป็นลูกหลานของม้าอีกหลายตัวที่ถูกคนนำไปที่เกาะช่วงปลายศตวรรษที่ 17 เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีจากปศุสัตว์
นอกจากเหล่าน้องสัตว์ทั้งหลายแล้ว บนเกาะยังมีความน่าสนใจอื่น ๆ อีกเพียบ สามารถรับชมได้ใน รายการ The camp ค่ายหรรษา ตอน แคมป์นักจู่โจมรุ่นจิ๋ว (ผู้พิทักษ์ท้องทะเล) ได้ทางเว็บไซต์ ALTV
ที่มา: SCMP Smithsonian Magazine Bussiness insider National park service