ทุกครั้งที่ไปงานศพเราได้อะไรกลับมาบ้าง นอกจากของชำร่วย?
การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทของเราชนิดที่เรียกว่ามาแบบโครมเดียว เสียคุณแม่ไปโดยไม่มีวี่แววมาก่อนและเสียคุณพ่อตามมาในอีก 2 วันถัดไป ไม่รู้เลยว่าต้องใช้พลังแบบไหนในการทรงตัวยืนอยู่ได้แบบนั้น งานศพของท่านทั้งคู่จัดขึ้นต่างสถานที่และต่างเวลา แต่ทว่าต่อเนื่องกันยาวนานถึง 2 สัปดาห์
แทบจะไม่อยากจะนึกถึงวันที่บุคคลอันเป็นที่รักต้องจากไป หรือแม้แต่จะต้องเขียนบทความที่เล่าเรื่องความตาย ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาล แต่เพราะมันเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุดที่ทุกคนต้องพบเจอ งั้นเราจะไปอ้อมค้อมทำไม บนคราบน้ำตาและความเศร้าเสียใจนั้น มีหลายสิ่งที่สอนให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และการเห็นคุณค่าของครอบครัวและลมหายใจได้ชั้นดี ชนิดที่อยากแบ่งปันให้ได้ลองอ่านกัน
เรื่องมันเป็นยังไง ไหนเล่าซิ!!
ขอพลังความรักในครอบครัวจงสถิตอยู่กับท่าน
ครั้งแรกที่ได้ร่วมอยู่ในการจัดพิธีในบ้านต่างจังหวัด ครอบครัวไทยขนาดใหญ่มาชุมนุมกัน ต่างช่วยเหลือในทุกเรื่องที่ทำได้ แปลงสภาพบ้านให้เป็นสถานที่สำหรับเคารพผู้ที่จากไปเป็นครั้งสุดท้าย เราจะเห็นไฟนีออนที่ติดตกแต่งขนาดใหญ่มาตั้งไว้ที่บ้านงานรวดเร็วกว่าสิ่งอื่น เป็นจุดสังเกตให้ผู้คนรู้ว่าบ้านนี้มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น อุปกรณ์ต่าง ๆ นานาจากวัด ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้พลาสติก จานชามลายดอกไม้ รวมไปถึงของที่จำเป็นอื่น ๆ ถูกนำมาจัดตั้งแบบเพียบพร้อมด้วยความช่วยเหลือของคนในชุมชน เห็นถึงน้ำจิตน้ำใจที่ผู้คนหยิบยื่นให้แก่กันเพื่อบรรเทาภาระและหัวใจของผู้สูญเสียให้เบาบางลง
อาหารหม้อใหญ่ ๆ จากกลุ่มแม่ครัวแม่บ้าน จะพร้อมวางไว้เลี้ยงทุกคนที่มาช่วยงาน ถึงจะเป็นเมนูบ้าน ๆ แต่ทุกอย่างทำด้วยความใส่ใจ เพราะรู้ว่าการสูญเสียนั้นอาจทำให้รสชาติของอาหารด้อยลงไปบ้าง เพราะฉะนั้นต้องทำให้สุดฝีมือเพื่อปลอบโยนหัวใจของผู้ที่เดินทางมาจากที่ต่าง ๆ นี่คือความอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรักจากครอบครัวที่ทำให้เราได้เห็น
ในทุกวันจะมีแม่งานที่คอยจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อขอความช่วยเหลือใดใด จะมีคนยกมืออาสาทำทุกสิ่งทุกอย่างให้อย่างเต็มใจ
ตอนกลางคืนหลังจากการสวด จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มาตั้งวงอยู่บริเวณบ้าน หากเป็นเมื่อก่อนเราอาจไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องล้อมวง ในความโศกเศร้าและว่างเปล่า เสียงพูดคุยอึกทึกในบ้านงาน คือการปลอบโยนหัวใจของผู้ที่สูญเสียได้อย่างดี ทุกคนมาทั้งที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน มาเพื่อให้รู้ว่ายังมีคนอยู่ตรงนี้ และเพื่อไม่ให้บ้านเงียบเหงาจนเกินไปนัก เป็นกุศโลบายที่มีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ การกระเซ้าเย้าแหย่แซวกันของญาติพี่น้องที่อาจไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อย สร้างรอยยิ้มบาง ๆ และเสียงหัวเราะให้กับวันที่หนักหนาได้เป็นอย่างดี
การจัดงานศพที่บ้านต่างจังหวัด กับครอบครัวขนาดใหญ่ที่เคยมองว่าเทอะทะวุ่นวายในสายตาของคนเมือง ได้สอนให้เราเห็นถึงพลังความรักและห่วงใยของครอบครัว ในวันที่เราต้องการมันจริง ๆ
ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่แม่ปลูกไว้ ค่อย ๆ ทิ้งดอกลงช้า ๆ จนบึงหน้าบ้านกลายเป็นสีชมพู วิวท้องทุ่งนาเสียงรถไถเหล็กยังดังเหมือนทุกวัน เหล่าหมาแมวคงยังไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน
หลังจากเสร็จงานของแม่ งานของพ่อก็ได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชุดดำ ชุดสีสุภาพทั้งหลายถูกใช้งานจนเกือบหมดตู้ และสภาพของเพื่อนก็ดูล่องลอยไปไกล ทุกวันเหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติที่ถูกโปรแกรมไว้ เราทำได้แค่อยู่ใกล้ ๆ และคอยดูให้ได้กินข้าวกินปลาเพื่อมีเรี่ยวแรงประกอบพิธีทางศาสนาให้ลุล่วง โดยไม่รู้เลยว่าข้างในใจของเพื่อนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
งานศพที่กรุงเทพนั้นแตกต่างกันมาก อย่างที่ไม่เคยได้สังเกตมาก่อน ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีตามแพคเกจที่ได้เลือก รวดเร็วกระชับฉับไว สะดวกสบายกว่ามากนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ทุกครั้งที่เห็นควันออกจากปล่องไฟ หัวใจเพื่อนก็แตกสลายไม่ต่างกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านระยะเวลาโศกเศร้าเกือบ 2 อาทิตย์ ในฐานะของผู้ใกล้ชิด ได้มองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ ทำให้เราได้เรียนรู้วิชาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการสูญเสีย
ปล่อยให้ตัวเองได้ร้องไห้
ในเวลาเช่นนี้ปล่อยให้ตัวเองได้อ่อนแอ การร้องไห้สามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกอัดอั้นตันใจ คลายความคิดถึง และความตึงเครียดในหัวใจได้ดีกว่า และน้ำตาก็มีประโยชน์กว่าที่คิด
· การร้องไห้เป็นการปลดปล่อยฮอร์โมนความเครียด ขับสารพิษออกจากร่างกาย
· ช่วยให้ใจเย็นขึ้น ลดอุณหภูมิในสมอง
· การร้องไห้จะทำให้หายใจเร็วและเต็มปอดมากขึ้น จะช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลายลงได้
· สื่อสารอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้
ไม่โทษตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้น
หลายครั้งที่การสูญเสีย ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเราไม่ได้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทุกสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ เพราะทุกคนก็มีวาระเป็นของตัวเอง และเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เราเรียนรู้เรื่องของการใช้ชีวิต
สำหรับบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเสียงบ่นของแม่เป็นเสียงที่ไพเราะแค่ไหน
สำหรับบางคนที่ไม่รู้ว่าการกลับไปกินข้าวกับครอบครัวแค่สักมื้อ สำคัญอย่างไร
สำหรับบางคนที่คิดว่าเมื่อไหร่ก็ได้ ผลัดออกไปเป็นความสำคัญลำดับสุดท้าย
เข้าใจแล้วถึงความสำคัญ
ไม่ใช่ที่ทำงาน ไม่ใช่ในโลกโซเชียล ทุกอย่างไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ยกเว้นแต่ที่บ้าน ครอบครัว และคนที่รักเราเท่านั้นที่เราจะมีคุณค่าและสำคัญที่สุดเสมอ
ดีใจที่วันนี้ได้ตื่นขึ้นมา
เพราะชีวิตเปราะบางกว่านั้นมาก เหมือนที่เราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาก่อนกัน ในทุกวันเราจึงควรขอบคุณที่วันนี้ได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ได้มีโอกาสอีกครั้งที่จะได้ทำสิ่งดีดีให้กับบุคคลอันเป็นที่รัก ได้มีโอกาสที่จะให้อภัยและปล่อยวางบางสิ่งที่หนักหนา ได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีประโยชน์ต่อคนอื่น ได้ดูแลตัวเองและร่างกายที่ให้โอกาสเราได้ทำทุกอย่างในวันนี้
เราอาจจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าหนักแน่นไม่ได้ทุกวันหรอก บางวันที่เราก็เหลวไหล ขี้เกียจ บางทีเราก็โมโหกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เวลาหัวเราะกับเรื่องไร้สาระบ้าง ร้องไห้กับซีรีส์จนตาบวม ดีใจกับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ และไม่ลืมโทรไปหาพ่อกับแม่ว่าวันนี้กินข้าวแล้วหรือยัง มีอะไรอยากบ่นให้ฟังบ้างไหม
จงใช้ชีวิตต่อไป
สำหรับผู้สูญเสียที่ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป นี่คือรายละเอียดของชีวิตปกติธรรมดาที่มีความหมาย เราทำได้แค่ต้องก้าวต่อไปในแต่ละวัน และใช้ชีวิตให้คุ้มค่าสมกับความรักของผู้ที่จากไป
พลังแห่งการโอบกอด
เราจะได้พบกับพลังของความรักมากมาย การให้กำลังใจในวันที่สูญเสีย การแตะบ่า จับมือ สวมกอด การสัมผัสเหล่านี้บางครั้งทำหน้าที่ได้ดีกว่าคำพูด การกอดช่วยเพิ่มพลังใจและคลายกำแพงลงได้ ช่วยให้กล้ามเนื้อและความตึงเครียดบรรเทาเบาบาง ช่วยถ่ายทอดและชาร์จพลังงานจากหัวใจสู่หัวใจได้อย่างดี และถึงแม้ทุกครั้งที่โดนกอดจะทำให้มีน้ำตา นั่นอาจหมายถึงความรู้สึกปลอดภัยที่มากพอ พอที่จะทำให้เรายอมอ่อนแอ
ลองตั้งใจฟังบทสวดพระอภิธรรม
ถึงแม้ว่าเราอาจไม่รู้ความหมายทั้งหมด แต่ถ้าลองตั้งใจฟังให้ดีดี เราจะพบกับความสงบอันน่ามหัศจรรย์ การสวดพระอภิธรรมนั้นมีไว้เพื่อคนที่ยังอยู่ โดยเนื้อหาว่าด้วยเรื่องคำสั่งสอนให้รู้จักธรรมชาติอันแท้จริงที่มีอยู่ในตัวเราและสัตว์ทั้งหลายอันได้แก่จิต เจตสิก รูป และรู้จักพระนิพพานซึ่งเป็นจุดหมาย อันสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ในขณะที่เรากำลังอ่านบทความนี้ มีคนอีกมากมายที่กำลังสูญเสียคนที่รัก ในขณะที่มีทารกกำลังเกิดใหม่ มีบางคนที่กำลังเจ็บป่วยและต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
ไม่มีใครอยากสูญเสีย แต่ทั้งหมดคือเรื่องจริงอันแสนเจ็บปวดที่ทุกคนต้องเผชิญ การทำใจล่วงหน้าในวันแห่งการจากลา ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้หรืออยากทำ แต่เมื่อวันนั้นเดินทางมาถึง หวังว่าทุกคนจะไม่ต้องกลับมานึกเสียใจมากนัก เพราะได้ทำเต็มที่แล้วในวันนั้น
เรื่อง/ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน