ของเล่น ช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ บางคนอาจมองข้ามความสำคัญและหลงลืมไปพร้อมกับความทรงจำ แต่ใครจะไปคิดว่าของเล่นสำหรับบางคนทำให้เขารู้จักตัวตน และยังช่วยให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่เอามาใช้ได้ในชีวิต เรากำลังพูดถึง เปียว สมภพ นักสะสมของเล่นตัวยง ผู้หลงใหลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโลกแห่งจินตนาการ และสิ่งเหล่านั้นได้นำพาชีวิตประสบความสำเร็จตามที่ใฝ่ฝัน
ความรักในตัวของเล่น เริ่มต้นจาก “พ่อ” ที่คอยส่งเสริมให้อยู่กับของเล่นมาตลอด ส่วนการสะสมของเล่นได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์เสียมากกว่า แต่ถึงอย่างไรทั้งพ่อและแม่ก็ไม่เคยห้ามในสิ่งที่เปียวอยากได้
ของเล่นทุกชิ้นที่พ่อซื้อให้แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 30 ปี เปียวยังคงเก็บไว้อย่างดีเพราะมันมีเรื่องราวและความทรงจำมากมายในวัยเด็ก
“ตั้งแต่เด็กพ่อก็ซื้อของเล่นให้เรื่อย ๆ จำได้ว่าวันหนึ่งแม่อยู่โรงพยาบาลคลอดน้อง พ่อก็พาเดินไปซื้อของเล่นที่คลองถมใกล้ ๆ กับโรงพยาบาลกลาง บางครั้งอยากได้ของเล่นที่แพงขึ้น เราก็ได้แค่ดู แต่ไม่เคยไปนั่งกรีดร้องจะเอา พอโตขึ้นไปเดินจตุจักรซื้อนิตยสาร Hobby and Toys ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีแต่ของเล่น แล้วก็มานั่งดูว่าเราอยากได้ตัวนี้ โตขึ้นมามีเงินเมื่อไหร่จะไปหาซื้อ”
เปียวเล่าให้ฟังว่า ของเล่นชิ้นแรก ซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเองซึ่งได้มาพร้อมชุดแฮปปี้มีล เป็นตัวการ์ตูนมีชื่อว่า Hercules คนทั่วไปรู้จักกันดีจากการ์ตูน ภาพยนตร์และซีรีส์ของชาติตะวันตก ตามตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมันเล่าว่า วีรบุรุษผู้นี้เกิดจากเทพซุสและมนุษย์ มีชื่อเสียงในเรื่องความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญและการผจญภัยอันไกลโพ้นเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทำให้เปียวชื่นชอบและอยากที่จะเก็บสะสมให้ครบคอลเล็กชัน
“ช่วงปี 1998 ตอนนั้นมีการ์ตูนหนึ่งชื่อ Hercules กำลังเข้าโรง จำได้ว่าตอนแกะกล่องไฮดราออกมาแล้วข้างในเป็น Hercules ยิ่งทำให้อยากได้ทั้งเซ็ตมาก เราค่อย ๆ เก็บตังค์ซื้อมาจนได้ จากพระเอก ตามด้วยนางเอกที่มาพร้อมม้าบิน เทพซุส และครูฝึก ในที่สุดเราก็สะสมได้จนครบ”
ถ้าพูดถึง “ย่านสะพานเหล็ก” สวรรค์ของนักสะสมเกมส์ ของเล่น หรือโมเดลฟิกเกอร์ เมื่อเปียวได้มีโอกาสไปเยือนเป็น "ครั้งแรก" ก็เกิดความประทับใจทำให้เริ่มสะสมของเล่นอย่างจริงจัง เมื่อเริ่มทำงานและมีกำลังทรัพย์มากพอก็ใช้เงินเติมเต็มความสุขไปกับการซื้อของเล่นเรื่อย ๆ ชิ้นไหนที่เคยอยากได้ในวัยเด็กก็ตามเก็บสะสมจนสำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นทำภารกิจครั้งสำคัญในชีวิตก็ว่าได้
Storm และ Cyclops จากการ์ตูนยอดฮิต X-Men ที่เปียวเคยดูทุกเช้าวันเสาร์ เป็นแอ็กชันฟิกเกอร์ (Action Figure) ที่มีข้อต่อ สามารถจับบิดท่าทางได้ตามจินตนาการ ได้มาจากการเดินสะพานเหล็กครั้งแรกของเปียว
ท่ามกลางของเล่นนับพันชิ้น หากถามว่าของเล่นชิ้นไหนเปียวรักมากที่สุด ก็คงตอบได้ยาก เพราะรักมากและทุกตัวก็มีเรื่องราว เปียวเล่าว่าตอนที่ตอนภาพยนตร์เรื่อง X-Men เข้าฉาย เขาได้ซื้อฟิกเกอร์ Storm ที่เรียกพายุได้ ซึ่งแม้เขาจะเล่นจน “พัง” แต่ก็ยังเก็บไว้ไม่คิดทิ้ง
“บางอย่างที่เคยอยากได้ตอนเด็ก ๆ เราสามารถเก็บสะสมได้ตอนนี้ บางตัวผ่านมาแล้ว 30 กว่าปีก็ยังอยู่ในแพ็กเกจอย่างดี รู้สึกว่าเป็นความสำเร็จของชีวิตอย่างหนึ่ง ทำให้ตกผลึกได้ว่าอะไรที่มันจะเป็นของเรา มันก็เป็นของเรา ”
ของเล่น ที่ไม่ใช่เล่น ๆ ใครที่ไม่อินกับของเล่นหรือของสะสม อาจจะมองว่า “ไร้สาระและสิ้นเปลือง” แต่สำหรับเปียวแล้วมันคือ “ความสุข”
“บางคนอาจจะกอดชาแนลแล้วแฮปปี้ ใช่! อันนั้นมันก็คือความสุขของเขา เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าอะไรที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ดังนั้นพอมีความสุขแล้วเขาจึงอยากไปทำอย่างอื่นในชีวิตต่อไป โดยส่วนตัวหนึ่งเลยมันทำให้เกิดแพสชันในการซื้อของ เราจะอยากทำงาน หาเงิน เพื่อมาสนองกิเลส สองคือแพสชันที่ทำให้เราอยากทำอะไรต่อไปในสิ่งที่เราชื่นชอบ”
บางครั้งเปียวเคยโดนทักว่าของเล่นมันทำให้ดูไม่เป็นผู้ใหญ่ เปียวให้เหตุผลว่า “เพราะของเล่นนี่แหละที่ทำให้เราดูเด็ก หัวใจเรายังมีจินตนาการอยู่ หน้าตาเราก็เลยดูเด็กตลอดเวลา (หัวเราะ)” ซึ่งคำตอบสะท้อนทัศนคติที่คิดบวกและมีสุขภาพจิตที่ดี
ของเล่นไม่เลือกเพศ ไม่มีการแบ่งแยกผู้เล่นหรือผู้สะสมว่าต้องเป็นหญิงหรือชาย ผู้ชายไม่จำเป็นต้องเล่นเฉพาะหุ่นยนต์และผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเล่นแต่บาร์บี้ โลกนี้มีความหลากหลายทางจินตนาการ เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับความหลงใหลส่วนบุคคล เปียวยังเสริมอีกว่า "การสะสมของเล่นไม่มีเพศ แต่ต้องมีเงินพอที่จะเติมความสุข"
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก พ่อมักพาไปดูหนังใกล้บ้าน เช่น ที่เดอะมอลล์ท่าพระ เปียวเริ่มซึมซับและขลุกอยู่กับการดูหนังและอ่านหนังสือนิยายเพื่อเสริมสร้างจินตนาการ เป็นความบันเทิงที่เด็กคนหนึ่งจะหาได้ในตอนนั้น นิสัยรักการอ่าน ส่งผลให้เปียวสนใจเลือกเรียน “วิชาวรรณคดีอังกฤษ” ในรั้วมหาวิทยาลัย โดยมีความตั้งใจเดียวว่าเขาจะได้อ่านนิยายหลายเล่ม
“หลังจากจบมัธยมก็มุ่งมั่นที่จะเรียนวิชาวรรณคดีอังกฤษให้ได้ตั้งแต่แรก ในความคิดตอนนั้นมันต้องสนุกแน่เลย ต้องได้อ่านนิยายแน่เลย ซึ่งตอนนั้นเอาจริง ๆ จบมาเราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะไปทำงานอะไร คิดเพียงว่าอยากเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่เรารู้แค่ว่าสิ่งนี้แหละ คือสิ่งที่เหมาะกับเรา”
ตำนานเทพกรีกจุดประกาย เปียวเล่าว่า ได้มีโอกาสอ่านหนังสือแนวแฟนตาซีเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้ากรีกซึ่งจุดประกายจินตนาการของเปียวอย่างมาก สมัยเรียน ม. ปลาย การที่ได้เรียนศิลป์ฝรั่งเศสยิ่งทำให้เปียวอินเข้าไปในวัฒนธรรมตะวันตก เขามีโอกาสเขียนถึงเรื่องราวแห่งเสรีภาพและความเสมอภาคจากภาพยนตร์การ์ตูน “คนค่อมแห่งนอเทรอดาม” ลงในวารสารของโรงเรียน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของเปียวในฐานะเด็กศิลป์ฝรั่งเศสคนหนึ่ง
ความทรงจำเหล่านั้นมันย้อนกลับมาตอนที่เปียวได้เรียน “วรรณคดีอังกฤษ” และรู้ว่าทั้งหมดเป็นพื้นฐานของอารยธรรมตะวันตกทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอ่านกันทั่วโลก
ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ในความคิดกับความจริง ช่างแตกต่าง การเรียนวิชาวรรณคดีต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เปียวเล่าว่าพอได้เรียนจริง ๆ กลับไม่เหมือนอย่างที่คิด
พอได้เรียนแล้วกลับกลายเป็นว่า มันคนละอย่างกับที่เราคิด มันเป็นอะไรที่ "ยากมาก"พื้นฐานภาษาอังกฤษสมัยเรียนมัธยมที่เราคิดว่าแน่นแล้ว พอไปเจอในวิชาวรรณคดีอังกฤษ โอ้โห มันคือขั้นสูงขึ้น เพราะฉะนั้นต้องขยันเยอะมาก มันไม่ได้มีแค่ทักษะการอ่านอย่างเดียว มันมีทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนทุกอย่าง แน่นอนด้านเกรดเราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่เราได้จากการเรียนวรรณคดีอังกฤษถือว่าประสบความสำเร็จมาก ตรงที่ว่าเราได้เอามาใช้ในงานทุกงานของเราที่ผ่านมาในชีวิต จนกระทั่งตอนนี้
เปียวใช้ทักษะต่าง ๆ ด้านภาษาอังกฤษและใจรักในการ์ตูน ทำหน้าที่เป็นวิทยากรจัดเวิร์กช็อปเรื่อง Comic Creation
เรียนจบวรรณคดีอังกฤษแล้วไปทำอะไร? แน่นอนว่าทักษะยอดเยี่ยมที่คุณได้ คือภาษาอังกฤษที่ใช้ฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างมืออาชีพ รวมถึงการต่อยอดในการนำไปสอนคนอื่นได้ เปียวใช้ทักษะภาษาอังกฤษที่มีกับทุกงานที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นงานแปลภาษา แปลเอกสาร แปลหนังสือ แปลบทความ ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีอังกฤษยังถูกใช้ใน “งานแปลซับไตเติล” ภาพยนตร์หลายเรื่องมีการอ้างอิงจากนิยายที่เคยเรียน ทำเอาเปียวแอบเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าสิ่งที่เคยเรียนจะย้อนกลับมา เปียวเล่าว่า “รู้สึกโชคดีจังที่ยังได้ใช้สิ่งที่เรียนมาจนถึงปัจจุบัน” สำหรับตัวอย่าง “ผลงานแปลซับไตเติลของเปียว” ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีซีรีส์อื่น ๆ อีก เช่น The Flash, Supergirl, The X-Files, Grey's Anatomy, UnReal และอีกมากมาย
ตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา เปียวได้มีโอกาสนำความรู้จากวิชาวรรณคดีอังกฤษมาใช้ในการเรียนการสอน ความรู้เก่าเก็บล่วงเลยมานับสิบปีถูกรื้อมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง
"มีนักเรียนคนหนึ่งอายุ 80 กว่าแล้ว เขามาเรียนวิชาวรรณคดีอังกฤษกับเรา โดยที่ว่าเราเอาพื้นฐานจากสิ่งที่เราเรียนมา จากที่อาจารย์สอน จากโน้ตที่เราจดไว้ตอนปีสองถึงปีสี่ มันกลับมามีประโยชน์กับเราในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะนักเรียนคนนี้เก่งกว่าเรามาก แต่เขาไม่รู้จักโลกวรรณคดีอังกฤษ แต่พอเราสอนไปเรื่อย ๆ เขาสามารถอ่านกลอนได้ ตีความเนื้อหาต่าง ๆ ได้ แล้วยังแต่งกลอนได้ แถมยังไพเราะด้วย นักเรียนก็ภูมิใจว่านี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้ในช่วงอายุเท่านี้ ซึ่งเราเองก็ดีใจกับเขาและภูมิใจกับตัวเอง เพราะสิ่งที่เราแนะนำนักเรียน มันมีคุณค่าต่อชีวิตเขาจริง ๆ "
การได้สะสมของเล่น ได้เรียนจบในสาขาที่ชอบ ได้ทำงานในสิ่งที่ถนัด ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสูงสุดของชีวิต นั่นคือ “การได้ทำงานในองค์กรในฝัน” ทั้งบริษัทสตรีมมิ่งเจ้าบุกเบิกในประเทศไทยและบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์และการ์ตูนแอนิเมชันระดับโลก
สำหรับการสัมภาษณ์งานต่าง ๆ ของเปียว เขาหอบแพสชันไปด้วยทุกครั้ง และมักแสดงให้เห็นว่าตนรู้จักภาพยนตร์ ซีรีส์ ตัวละครและผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่าง ๆ ที่ไปสัมภาษณ์เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังใช้ทักษะด้านการแปลและความรู้ด้านวรรณคดีเป็นตัวเสริม
เมื่อเปียวประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขานึกขอบคุณเพลงต่าง ๆ จากภาพยนตร์และการ์ตูนที่คอยให้กำลังใจทำให้ไปถึงจุดหมายแต่ละขั้นในชีวิต และได้ไปอยู่ใน “ที่ที่เขาคู่ควร” ท่ามกลางคู่แข่งนับพัน
ตั้งแต่เล็กจนโต เปียวห้อมล้อมไปด้วยการ์ตูนและซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่นชอบ อย่าง Hercules, Superman, Captain Marvel, Star Wars, Justice League และอีกนับไม่ถ้วน ใครจะคิดว่าวันหนึ่งสิ่งที่เปียวเฝ้าสะสมจะกลับมาทำคุณงามความดีตอบแทน
สองไอดอลที่เป็น “แรงบันดาลใจ” ในการใช้ชีวิตของเปียว นั่นคือ Superman บุรุษเหล็กผู้เป็นต้นแบบแห่งความหวังในชีวิต คอยเตือนให้ทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องและรู้จักเสียสละ และตัวละครร้าย ๆ อย่าง แม่มดร้าย แห่งแดนตะวันตก หรือ The Wicked Witch of the West จากหนังสือ The Wizard of Oz ที่สอนให้รู้จักมองคนให้ลึก บางครั้งคนที่ถูกมองว่าร้ายอาจเป็นคนดี มีคำพูดที่เปียวชอบมาตลอด คือคำพูดที่ว่า “ตอนเด็กเราจะชื่นชอบฮีโร่ แต่ตอนโตเราจะเข้าใจตัวร้าย” เพราะในโลกแห่งความจริง การกระทำที่ถูกมองว่าไม่ดี มีเหตุผลเสมอ
การที่ยกย่องตัวละครเป็นไอดอลมากกว่าตัวบุคคลจริง เปียวให้เหตุผลว่า ตัวละครเป็นตัวแทนของแนวคิดต่าง ๆ ที่สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริง และยึดมั่นกับแนวคิดนั้น ในขณะที่ตัวบุคคลมีความซับซ้อนและมีหลายด้าน บางครั้งเราเห็นแค่ด้านที่เขาอยากให้เห็นเพียงด้านเดียว
ของเล่น ของสะสม ภาพยนตร์ การ์ตูน นิยายและวรรณคดี สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนคนคนหนึ่งให้ “แต่ละก้าวที่เขาย่างกราย มีความหมายยิ่งใหญ่” กับชีวิตโดยแท้จริง
ขอบคุณ คุณเปียว สมภพ ผู้ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับ "ของเล่น" ที่ได้ทั้งความสนุกและแง่คิด ตอนที่ทีมงานติดต่อไป เปียวตอบตกลงทันทีอย่างไม่ลังเล เพราะเรื่องราวชีวิตของตนเอง สามารถช่วยเติมไฟและเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังเดินตามความฝัน ลองขุดค้นความทรงจำของคุณดู อาจจะมี "ของเล่นวัยเด็กสักชิ้น" ที่ส่งผลมาถึงชีวิตตอนโตของคุณก็เป็นได้