หลายวันก่อนได้มีโอกาสคุยกับรุ่นน้องที่เป็นผู้ประกอบการร้านอาหารเล็ก ๆ กับกิจการที่กำลังเดินหน้าไปอย่างสวยงาม เว้นแต่ปัญหาเล็ก ๆ ที่แก้ไม่ตก และก่อให้เกิดความคับข้องใจเกี่ยวกับพนักงานคนหนึ่ง กับเรื่องที่หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นปัญหาไปได้ยังไง
“เขาทำงานดีนะพี่ แต่ทำดีจนเกินไป”
หากได้ฟังแค่ประโยคนี้ คงเกิดคำถามในใจ ทำไมตั้งใจทำงาน แต่กลับโดนตำหนิ ทำไมทำดีแล้วยังไม่พอใจ จะเอาอะไรอีก
เรื่องมันเป็นยังไง ไหนเล่าซิ!
ว่ากันด้วยหน้าที่ และความปรารถนาดีของคนทำงาน
หน้าที่ของพนักงานคนนี้คือเป็นพี่แม่บ้าน ซึ่งในตำแหน่งนี้ พี่แม่บ้านก็ทำได้อย่างดี และรวดเร็ว เร็วถึงขั้นที่ว่าอาจขาดความละเอียดรอบคอบไปบ้าง ซึ่งในกรณีเช่นนี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะต้องมาตำหนิกัน เมื่อทำงานในหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว ยังเหลือเวลาอีกทั้งวัน ด้วยความปรารถนาดีต่อร้าน พี่แม่บ้านยังทำหน้าที่เสริมโดยการคอยต้อนรับขับสู้ลูกค้า พามานั่งที่โต๊ะ พร้อมเสนอเมนูต่าง ๆ ของร้าน รับออร์เดอร์ รวมไปถึงช่วยเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่ม และบางทีก็ช่วยคิดเงินให้ด้วย อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไม่เห็นมีเรื่องที่ชวนให้กลุ้มอกกลุ้มใจตรงไหน
การทำงานแบบสอดประสานของคนในทีม และวัฒนธรรมองค์กร
ร้านอาหารก็เปรียบได้องค์กรเล็ก ๆ ที่การร่วมมือร่วมใจกันของคนในทีมเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กับจุดมุ่งหมายและสิ่งที่องค์กรต้องการจะแสดงออกและสื่อสาร ร้านนี้เกิดขึ้นจากความอินและความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของวัตถุดิบ เขาจึงไม่ได้ตั้งใจขายแค่เพียงอาหาร แต่รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอาหารแต่ละจาน อาหารในแต่ละวันอาจมีเมนูพิเศษที่แตกต่าง รวมถึงการเสิร์ฟอาหารแต่ละชนิดที่ควรจะต้องออกถึงมือลูกค้าในจังหวะเวลาที่พอเหมาะ ที่จะทำให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติในช่วงที่พอดีกับประเภทอาหาร การสอดประสานของการทำงานเป็นทีมตั้งแต่การรับออร์เดอร์ การทำอาหารแต่ละชนิด รวมถึงการนำไปเสิร์ฟ เปรียบเหมือนวงดนตรีที่ต้องเล่นไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นจังหวะ
นอกจากเรื่องราวของอาหารแล้ว ความรู้สึกที่อยากให้เหมือนมานั่งที่บ้าน อารมณ์สบาย ๆ ผ่อนคลาย สามารถพูดคุยแบบเป็นกันเอง สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย หากหิวน้ำก็เดินไปกดดื่มได้เอง SELF SERVICE พนักงานจึงมีจำนวนไม่มากนัก จุดประสงค์และข้อความที่ทางร้านอยากนำเสนอ เป็นประสบการณ์ในการออกมาทานข้าวนอกบ้านที่นอกจากจะได้ทานอาหารรสชาติดี วัตถุดิบท้องถิ่นที่นำมาแปรรูปเป็นอาหารหลากหลาย เรื่องราวที่มาพร้อมอาหารแต่ละจาน และบริการในสไตล์เป็นกันเองเหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน จึงจะครบจุดมุ่งหมายที่ทางร้านอยากให้เป็น
เมื่อความปรารถนาดีทำหน้าที่ผิดพลาด
กลับมาที่ปัญหาของพี่แม่บ้านที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี แต่กลับกลายเป็นผิดจุดประสงค์ เริ่มตั้งแต่
ถือเมนูและไปรับลูกค้าถึงที่รถ การเอาใจใส่ลูกค้าช่วยสร้างความประทับใจ แต่ไม่ใช่บรรยากาศ และความรู้สึกในแบบที่ร้านนี้อยากให้เป็น
นำเสนอเมนูต่าง ๆ ให้ลูกค้า การแนะนำเมนูจะช่วยเพิ่มยอดขาย แต่เพราะข้อมูลและเรื่องราวของอาหารแต่ละชนิดในแต่ละวัน พี่แม่บ้านไม่รู้สิ่งเหล่านี้ และเป็นสิ่งที่ทางร้านอยากนำเสนอมากกว่ายอดขาย
เสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว สิ่งไหนเสร็จต้องรีบเสิร์ฟก่อน ลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน แต่เพราะการเสิร์ฟอาหารก็มีวิธีของมัน การออกพร้อมกัน หรือการที่สิ่งใดไปก่อนหลัง มีผลต่อการนำเสนอและรสชาติอาหาร
ช่วยคิดเงิน การรีบคิดเงิน ก็คือการสร้างรายได้ให้ร้าน และไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่เพราะมีรายละเอียดที่คนทำหน้าที่แคชเชียร์เท่านั้นที่รู้
ทั้งหมดจะไม่ใช่ปัญหาเลย หากพี่แม่บ้านรับฟังคำเตือน และพยายามทำความเข้าใจและเรียนรู้ แต่พี่แม่บ้านก็ยังตั้งใจทำหน้าที่ที่ตัวเองไม่เข้าใจไปแบบนั้นอย่างเข้มแข็ง
“คือถ้าไม่มีพี่เขา พวกเราก็ลำบาก”
นี่คือความรู้สึกของเจ้าของกิจการที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กับพนักงานที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ดีในการอยากทำในสิ่งที่เห็นว่าตนพอจะทำได้ และเห็นว่าที่อื่นเขาก็ทำกันแบบนี้ แต่แค่ไม่ใช่กับการทำงานที่นี่ และก็ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไปที่การทำเกินหน้าที่ของแกจะก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่โต เพียงแต่ถ้าปล่อยไว้ ความเคยชินและประสบการณ์ที่ทางร้านอยากมอบให้ลูกค้าก็ผิดเพี้ยนไปเรื่อย ๆ
อย่ามองข้ามความตั้งใจดีในการทำงาน
หากมองในมุมของพี่แม่บ้านแล้ว ทั้งหมดคือความตั้งใจดีล้วน ๆ และในใจของแกนั้นคงท้อแท้ สับสนไม่น้อย หากจะให้ทำความสะอาดร้านเสร็จในช่วงเช้า แล้วคอยเก็บรายละเอียดของงานในหน้าที่แม่บ้านระหว่างวัน จะทำเพียงแค่นั้นก็ได้ อะไรคือเหตุผลที่แกยังดึงดันช่วยเหลือในเรื่องที่นอกเหนือหน้าที่ โดยไม่มีใครสั่ง!! เหนื่อยกว่าเดิม โดนตำหนิมากกว่าเดิม ถ้ามองในมุมของความโรแมนติกแล้ว นี่คือความรักที่มีต่องานและองค์กร
จู้จี้ขี้บ่น ช่างจับผิดเกินไปหรือเปล่า
ในมุมของน้องเจ้าของร้าน มองภาพรวมขององค์กรที่ตัวเองสร้างขึ้นมากับมือ มันเต็มไปด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการไปให้ถึง คอนเซ็ปต์ของการทำงานที่มีรายละเอียดเล็กน้อยประกอบรวมกันจึงจะกลายเป็นภาพใหญ่อย่างที่ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ โดยเฉพาะการทำงานบริการ ทำอย่างไรไม่ให้มาก หรือน้อยจนเกินไป ความใส่ใจในระดับนี้ถึงจะทำให้ธุรกิจไปรอด ไม่ใช่งานเท่านั้นที่หายาก ผู้เป็นเจ้าของกิจการรู้ดีว่าคนทำงานหายากกว่า และนี่คงเป็นความกระอักกระอ่วนใจในแบบที่ถ้าพนักงานทำความผิดไปซะเลย ก็คงไม่ต้องปวดหัวใจขนาดนี้ และถ้ามองในมุมของความโรแมนติกเช่นเคย นี่คือความรักที่มีต่อผู้คนในองค์กรเช่นเดียวกัน เพียงแต่มองในมุมที่ต่างกัน
หากใครที่เคยผ่านการทำงานด้วยความปรารถนาดี แต่กลับไม่มีความหมาย มันสอนให้เรารู้จักอ่านสถานการณ์ รู้จักเรียนรู้ให้ดี ก่อนที่จะยื่นมือไปช่วยเหลือ ต้องแน่ใจว่าเราจะช่วยเหลือได้อย่างดีและมีประโยชน์จริง ๆ จากคนทำงานที่มักยกมืออาสาไปซะทุกเรื่องจนเดือดร้อนตัวเองไปจนถึงผู้อื่นในบางครั้ง ก็รู้จักเก็บไม้เก็บมือกับเขาบ้าง ในทางกลับกันในฐานะของคนที่เติบโตมาเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ก็เรียนรู้ที่จะดึงในเวลาที่ทีมมีทีท่าว่าจะหลง เรียนรู้ที่จะปล่อยเพื่อให้ทีมได้เผชิญและแก้ปัญหา ในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะประคองและเฝ้ามอง เพราะไม่ว่าเราจะเข้มงวดเท่าไร ก็ยังมีเรื่องใหม่ ๆ ที่เราควบคุมไม่ได้อยู่ดี
การทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด ก็ยังเป็นสิ่งที่สมควรทำเสมอ
ถ้าเราตีความคำว่าดีได้อย่างถูกต้อง เช่นเมื่อเป็นแม่บ้าน เรามีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำความสะอาดทุกพื้นผิวและวัสดุอย่างหมดจด มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ มีความสุขในการได้เห็นความเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน และมีน้ำใจมีอัธยาศัยใจคอที่ดี ยิ้มแย้ม และยังสามารถพัฒนาในส่วนของสายอาชีพตัวเองไปได้อีก ถ้าเราเริ่มจากการเรียนรู้ในการทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เราก็สามารถไปต่อจากแม่บ้าน หน้าที่ซึ่งต้องการความไว้วางใจอย่างสูง ไปเป็นซุปเปอร์แม่บ้านที่ทุกองค์กรต้องการตัว ในวันหนึ่ง เราอาจจะเป็นเจ้าของกิจการที่มีลูกน้องแม่บ้านซึ่งได้รับการเทรนอย่างดี อะไรก็เป็นไปได้ เพียงแต่ต้องเริ่มจากการเข้าใจคำว่าทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ในสิ่งที่เราคิดไปเอง
แต่ถ้าเราต้องการพัฒนาตัวเองไปในโลกที่เรายังไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องผิด
หากแต่เราคงต้องรู้จักที่จะรับฟัง สังเกต และเรียนรู้ เริ่มจากทำตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดี โดยเฉพาะวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งมีอยู่จริงในทุกสิ่งแวดล้อมที่เราเข้าไปอยู่ บางที่ต้องการความเนี้ยบกริบ บางที่ต้องการความสร้างสรรค์ บางที่ต้องการให้เราทำตามอย่างเคร่งครัด และบางที่อาจต้องการแก้ปัญหา ปัญหาที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามี และอยู่กับมันไปด้วยความเคยชิน
แด่ผู้ที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีมาเสมอ
ไม่ว่าจะเช็คข้อไหนก็ไม่เห็นความขาดตกบกพร่องของตัวเองเลย แต่กลับยังโดนตำหนิ ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อาจจะอยู่ที่คนอื่น หากเรามั่นใจในความเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของตัวเองแล้ว ก็ลองพิจารณาดูว่า เราได้อยู่ถูกที่ถูกทางตามสิ่งที่เราสมควรจะได้แล้วหรือไม่ การก้าวออกมาจากเซฟโซนเป็นเรื่องที่ยากในตอนแรก แต่อย่างน้อยถ้าเราไม่ก้าวออกมา เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเข้าใจถูกหรือผิด ว่าปัญหามันอยู่ที่เราหรือที่ไหน
ในขณะเดียวกันหากเราเป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลผู้อื่นเพื่อให้งานไปถึงเป้าหมาย แต่อุปสรรคจากคนทำงานด้วยกันก็ยังเป็นเรื่องที่หนักหนา หากเรามั่นใจว่าไม่ใช่เป็นที่ระบบแต่เป็นที่ตัวบุคลากร ก็ลองพิจารณาดูว่าเรามีเรี่ยวแรงและกลยุทธในการปรับปรุงพวกเขาได้อย่างไรบ้าง ถ้าทำจนถึงที่สุดแล้วแต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น การตัดสินใจให้เขาได้เติบโตในดินที่เหมาะสม อาจจะเป็นการช่วยเหลือทั้ง 2 ฝ่าย ไม่แน่ในวันหนึ่งเราอาจได้โคจรกลับมาเจอกัน ในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม
ปัญหาของเจ้าของร้านและพี่แม่บ้าน
ถึงเราจะยังไม่รู้ว่าเรื่องตอนจบ ความปรารถนาดีของพี่แม่บ้านจะเอาชนะใจน้องเจ้าของร้านได้หรือไม่ น้องเจ้าของร้านจะหาวิธีอยู่ร่วมกับพนักงานที่มีความตั้งใจดีมหาศาลได้อย่างไร หรือจบแบบสุดท้ายพี่แม่บ้านก็เรียนรู้การทำงานเป็นทีมได้สำเร็จ ไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร ก็ยังหวังอยู่เสมอว่า ด้วยหน้าที่และความปรารถนาดีนั้น จะไม่ย้อนกลับมาเป็นภัยให้ใครต้องเจ็บช้ำมากนัก
เรื่อง // ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน