กระแสคังคุไบจบไประยะใหญ่แล้ว แต่ที่เมืองเคราล่าทางตอนใต้ของอินเดียซึ่งเป็นเมืองที่มีความเข้มข้นในประเพณีวัฒนธรรม ผู้หญิงเมืองนี้ใส่ชุดส่าหรีสีขาวในทุก ๆ วันโดยไม่เกี่ยวกับหนังดังเรื่องใด ๆ
ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นสีขาวนั้น ไม่มีใครบอกหตุผลได้ชัดเจน แต่มีข้อสังเกตว่าในเมืองเคราล่ามีสีสันจากความหลากหลายของพืชพรรณ มีพื้นที่สีเขียวอยู่เยอะ ทั้งป่า สวนและไร่นา รวมไปถึงชีวิตประจำวันของคนเมืองนี้เองก็ผูกพันกับการใช้สี ผู้หญิงเมืองนี้เลยเลือกที่จะใส่ส่าหรีสีขาวซึ่งเป็นสีค่ากลาง เพื่อจะอยู่ได้กับสีสันจากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว อีกข้อสังเกตเป็นเรื่องของลักษณะภูมิศาสตร์และฤดูกาล เคราล่าเป็นเมืองที่ฝนตกบ่อย น้ำเยอะ หากจะต้องทำกระบวนการย้อมสีต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ขณะเดียวกัน ผู้คนเมืองนี้ก็นิยมใช้เครื่องประดับสร้อยแหวนทองคำ ฉะนั้นตัวส่าหรีเองจึงไม่จำเป็นต้องมีความแฟนซีอะไรนัก เพราะขาวกับทองคือสีและผิวสัมผัสที่อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัวอยู่แล้ว มันคือความสง่างามที่ผสมด้วยความรู้สึกของสีธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ส่าหรี่สีขาวคู่กับเครื่องประดับทองคำ สีขาวจะยิ่งช่วยขับความเป็นทองให้โดดเด่น
ว่าด้วยสีขาวในความหมายของชาวเอเชียใต้ ตีความหมายกันว่าสีขาวคือสีแห่งความไร้เดียงสา เรียบง่าย ปลอบประโลม ความสงบสุข ตรงกันข้ามอย่างชัดเจนกับสีแดง
ส่าหรีสีแดงของผู้หญิงอินเดียสื่อสารถึงความรัก ความหลงใหล การเฉลิมฉลอง และยังเป็นสัญลักษณ์แทนความบริสุทธิ์ทางเพศอีกด้วย และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าสาวอินเดียจึงมักสวมชุดแต่งงานสีแดงหรือมีสีแดงเป็นส่วนประกอบในข้าวของที่ใช้ในงานแต่งงาน
ในอีกมุม สีขาวสำหรับศาสนาฮินดูยังถือเป็นสีของการไว้ทุกข์
ในอดีต ผู้หญิงอินเดียจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นหม้าย ทั้งไม่ว่าจะจากสามีเสียชีวิตหรือจากการหย่าร้าง ผู้หญิงกลุ่มนี้จะถูกสังคมตัดสินอย่างไม่ยุติธรรมทันทีด้วยการแบ่งแยกสถานะของพวกเธอออกอย่างชัดเจน โดยผู้หญิงที่เป็นหม้ายจะต้องใส่ชุดส่าหรีสีขาวไปทั้งชีวิตของเธอ ส่วนถ้าเป็นหญิงหม้ายทางฝั่งอินเดียเหนือจะมีเครื่องประดับหลากสีเข้ามาผสม
และด้วยความที่เหล่าแม่หม้ายถูกบรรทัดฐานทางสังคมแบ่งแยกสถานะของพวกเธอ ถึงขั้นว่าผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะแต่งงานใหม่ ชีวิตของพวกเธอในทุกวันจึงต้องซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน เพราะครอบครัวของพวกเธอเองก็มองสถานะแม่หม้ายว่าคือความน่าอับอายของครอบครัว ทางออกของแม่หม้ายจำนวนหนึ่งเลยใช้วิธีหนีเข้าเมืองใหญ่ บางคนหนีหายไปเลยแบบไม่มีใครตามหาเจอ บางคนเลือกที่จะหนีไปอยู่ที่เมืองพาราณสีซึ่งเป็นเมืองแห่งการชำระบาป และบางคนก็หอบเสื้อผ้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมือง Vrindavan ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองเดลีออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร เขาเรียกเมืองนี้กันว่าเป็นเมืองแม่หม้าย เพราะที่นี่มีชาวแม่หม้ายฮินดูรวมตัวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันถึงสองหมื่นคน
นอกจากสีขาวจะเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของกลุ่มแม่หม้ายในอดีต ซึ่งปัจจุบันตามเมืองในชนบทของอินเดียก็ยังคงเป็นเช่นนั้น คนไทยเองก็คงคุ้นเคยกับสีขาวจากภาพการแต่งตัวของกลุ่มพราหมณ์และวรรณะชั้นสูงของอินเดียที่นำสีขาวมาเป็นสัญลักษณ์ในรูปแบบของเครื่องแต่งกาย โดยกลุ่มพราหมณ์เชื่อว่าการย้อมสีทุกประเภทถือเป็นความไม่บริสุทธิ์
เรื่อง // ภาพ : พัทริกา ลิปตพัลลภ