ทุกวันนี้เวลาที่คุณอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและต้องการขอความช่วยเหลือใด ๆ แค่เพียงมีมือถือก็สามารถช่วยชีวิตให้ปลอดภัยได้ แต่ถ้าหากไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ก็ไม่ต้องตกใจ! มี“เทคนิคขอความช่วยเหลือแบบสากล” หลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้ภาษามือ, สัญญาณ SOS, การใช้สัญลักษณ์ภาคพื้นดิน ไปจนถึงวิธีดั้งเดิมแบบที่บรรพบุรุษของเราเคยใช้ ซึ่งการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเป็นทักษะเอาตัวรอดที่ทุกคนควรมีติดตัว
สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยให้ “ตั้งสติ” หายใจเข้าลึก ๆ สังเกต และวิเคราะห์สถานการณ์ มาเรียนรู้กันว่า “การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่นานาชาติใช้ในสถานการณ์ลำบากมีวิธีไหนกันบ้าง เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นคุณจะสามารถช่วยชีวิตตัวเองและผู้อื่นได้
สถานการณ์: กำลังถูกคุกคามข่มขู่, ถูกกักขัง, ถูกลักพาตัว
สิ่งที่ต้องทำ: มองหาช่องประตูหรือหน้าต่าง หรือหาจังหวะที่จะพบเจอคนที่สัญจรไปมา
สมมติว่าคุณกำลังถูกคุกคามหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ “ส่งเสียงไม่ได้” วิธีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแบบลับ ๆ ไม่ให้มีพิรุธที่สามารถทำได้ คือการใช้ “สัญญาณมือ” เพื่อบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนที่ไม่รู้จักได้ทั้งทาง VDO call หรือต่อหน้า
วิธีการส่ง “สัญญาณมือ” ขอความช่วยเหลือแบบสากล
1.หันฝ่ามือออก
2.พับนิ้วโป้ง (ให้เหมือนนับเลข 4)
3.พับนิ้วที่เหลือทั้งหมด คล้ายกับกำปั้น (ซ่อนนิ้วโป้งไว้ข้างใน)
4.ยื่นมือค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในประเทศไทยเคยมีเหตุการณ์ที่ใช้ “สัญญาณมือ” ขอความช่วยเหลือเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2565 เมื่อคนขับแท็กซี่รายหนึ่งชื่อ นายทนงศักดิ์ เลียงสา ถูกผู้โดยสารเหมารถข้ามจังหวัดและข่มขู่ด้วยอาวุธปืน พร้อมพกพาสารเสพติด ขณะคนร้ายเผลอ โชเฟอร์ก็ส่ง “สัญญาณมือขอความช่วยเหลือแบบสากล” กับผู้พบเห็นและได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด
สำหรับ “สัญญาณมือ” ขอความช่วยเหลือแบบสากล หรือ Signal for Help คิดขึ้นมาโดยมูลนิธิสตรีแคนาดา (Canadian Women's Foundation) เพื่อต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก อันเป็นผลมาจากมาตรการกักตัวในช่วง COVID-19 ระบาดหนัก ซึ่งผลสำรวจจาก สสส. พบว่ามีการใช้ความรุนแรงทั้งทางร่างกายและคำพูดจากคนในครอบครัวมากถึงร้อยละ 90
หากการพูดว่า “ช่วยด้วย!!” อาจยิ่งทำให้คุณไม่ปลอดภัย แต่คุณสามารถกระพริบตาเพื่อขอความช่วยเหลือได้ การกระพริบตาด้วยสัญญาณ SOS ทำได้โดยกะพริบเร็ว ๆ สามครั้ง กะพริบช้า ๆ 3 ครั้ง แล้วกะพริบเร็วอีก 3 ครั้ง
อย่างเช่นในปีค.ศ. 1966 พลเรือเอก Jeremiah Denton Jr. ที่ถูกจองจำเป็นเชลยศึก เคยใช้การกะพริบตาเป็นรหัสมอร์สเพื่อสื่อสารกับสหรัฐฯ ว่ากำลังถูกชาวเวียดนามเหนือทรมาน ทำให้เขาสามารถช่วยชีวิตตัวเองผ่านการกระพริบตาธรรมดา ๆ ได้
การเคาะให้เกิดเสียง เป็นวิธีที่ดีในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในพื้นที่จำกัด เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดคิด ลองใช้มือเคาะบนหน้าต่างหรือท่อ ด้วยสัญญาณเสียง SOS คือ “เสียงสั้น 3 ครั้ง เสียงยาว 3 ครั้ง และเสียงสั้นอีก 3 ครั้ง
ฟังจังหวะเสียงของสัญญาณ S.O.S.
สัญญาณ SOS คือรหัสมอร์ส (... – – – ...) จุด 3 / ขีด 3/ จุด 3 ถูกใช้ให้เป็นสัญญาณ “แสดงภัยพิบัติสากล” ทางทะเล ตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ซึ่งชาวเรือจะใช้รหัสนี้ขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน ปัจจุบันสัญญาณ SOS เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในการใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแบบสากล
สถานการณ์: หลงป่า, ขอความช่วยเหลือจากที่ไกล ๆ
สิ่งที่ต้องทำ: ขึ้นที่สูงหรือหาที่โล่งแจ้งเพื่อเป็นจุดสังเกตได้ง่าย
แบร์ กริลล์ส นักผจญภัยสุดขั้วผู้โด่งดัง เคยพูดถึงกฏ 3 อย่างของการมีชีวิตไว้ว่า คนเราจะขาดอากาศได้ 3 นาที ขาดน้ำได้ 3 วัน และขาดอาหารได้ 3 สัปดาห์ ถ้าหากมีน้ำ คุณจะไม่ตายอย่างน้อยก็ 2 สัปดาห์ จงจำไว้ว่า ยิ่งมีชีวิตอยู่นานเท่าไหร่ โอกาสที่การช่วยเหลือจะมาถึงก็มากเท่านั้น
หากคุณกับเพื่อน ๆ เกิดหลงทางขณะปืนเขาหรืออยู่ในถิ่นทุรกันดาร สามารถใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์ได้! สมมติว่ามีเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ผ่านมาพอดี ให้ยกแขนทั้งสองข้างเป็นรูปอักษร "V" เพื่อบอกว่าคุณกำลังลำบากและต้องการความช่วยเหลือ
หินก้อนค่อนข้างมีประโยชน์มากในการสร้างสัญลักษณ์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อาจต้องใช้แรงงานบ้าง ด้วยการนำก้อนหินมาวางเรียงกันเป็น “กากบาทขนาดใหญ่” เพื่อให้หน่วยกู้ชีพทางอากาศที่กำลังค้นหาคุณสังเกตเห็นได้ง่าย แต่หากทุกคนยังปลอดภัยดีสามารถเรียงก้อนหินเป็นสัญลักษณ์ V ได้เช่นกัน
ตัวษร V และ X เป็นหนึ่งใน “รหัสฉุกเฉินภาคพื้นดิน” เพื่อขอความช่วยเหลือทางอากาศ ซึ่งทีมกู้ภัยใช้กันทั่วโลก มีอยู่ 5 สัญลักษณ์ ได้แก่
กระจกเงาหรือวัตถุสะท้อนแสงเป็นอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือง่าย ๆ ที่ทางทหารและนักผจญภัยแนะนำให้พกติดตัวอยู่เสมอ ลำแสงที่สะท้อนกับพระอาทิตย์ในเวลาตอนกลางวันสามารถไปได้ไกลถึง 16 กิโลเมตร ส่วนในเวลากลางคืนก็ใช้ได้เช่นกันแต่ต้องเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้นนะ ซึ่งแสงวิบวับที่เกิดจากกระจกจะช่วยดึงดูดความสนใจได้ทั้งทางเครื่องบิน เรือ ยานพาหนะ หรือคนที่อยู่ไกลออกไป แต่ถ้าไม่มีกระจกลองใช้บัตรพลาสติกต่าง ๆ หรือผ้าห่มอวกาศ แทนได้
วิธีใช้ “กระจกเงา” เพื่อขอความช่วยเหลือระยะไกล
1.ถือกระจกเงาไว้ใต้ตา
2.ชูนิ้ว 2 นิ้วไปข้างหน้าเป็นท่า “สู้ ๆ “ ให้ตรงกับเป้าหมาย
3.เล็งลำแสงไปที่ระหว่างนิ้วที่ยื่นออกไป ส่องไปที่เป้าหมาย
4.เอียงกระจกอย่างช้า ๆ จากซ้ายไปขวา และขึ้น-ลง
5.ส่องลำแสงแบบนี้ 3 ครั้งแล้วหยุด
ข้อควรระวัง!! สิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดส่งสัญญาณ เมื่อยานพาหนะหรือเครื่องบินเห็นคุณแล้ว และกำลังเข้าไปรับคุณ ให้หยุดการสะท้อนแสงทันที เพื่อหลีกเลี่ยงลำแสงส่องเข้าดวงตาของผู้ช่วยเหลือ เพราะจะทำให้ตาพร่าชั่วขณะ และอาจเกิดอุบัติเหตุได้
การใช้ธงเพื่อส่งสัญญาณมีมานับพันปีแล้ว และคุณยังสามารถสร้างธงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือของคุณเองได้ ด้วยการนำเสื้อผ้าสีสดใสหรือสีที่ตัดกันมาผูกติดกับไม้อย่างง่าย ๆ หรือจะใช้ผ้าห่มอวกาศและวัสดุสะท้อนแสงอื่น ๆ ก็ได้ ไม่ต้องสนใจว่าต้องเป็นรูปทรงใด ขอแค่ให้มันเป็นธงผืนใหญ่มากพอที่ไม่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม จากนั้นก็โบกไปมาได้อย่างอิสระ หรือสามารถวางธงบนพื้น เพื่อส่งสัญญาณจากภาคพื้นดินสู่การขอความช่วยเหลือทางอากาศต่อไป
สถานการณ์: ตกน้ำ, เรือล่ม, ลอยคออยู่กลางแม่น้ำหรือมหาสมุทร
สิ่งที่ต้องทำ: ถ้าตกน้ำให้พยายามเกาะวัตถุที่สามารถลอยน้ำได้
หากเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดตกจากเรือ, พายุซัดเรือล่ม โดยที่ตัวคุณไม่มีเสื้อชูชีพ ในวิชาการเรือก็ได้สอนไว้ว่า ให้พยายามเกาะวัตถุที่สามารถลอยน้ำได้เพื่อให้เอาตัวรอดได้นานที่สุด และหากอยู่ในทะเลขอเตือนว่า “ห้ามดื่มทะเลโดยเด็ดขาด” จากนั้นให้ “ส่งสัญญาณมือ ด้วยการโบกขึ้น-ลง อย่างช้า ๆ” จนกว่าจะมีใครมาเห็นและให้การช่วยเหลือ
หากรู้จักระมัดระวังภัย มั่นฝึกวิชาเอาตัวรอดต่าง ๆ ไว้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันของจริง ๆ ก็จะทำให้รู้สึกตื่นตระหนกน้อยลง และไม่ว่าจะด้วยเทคนิคใด ขอให้มีสติ สังเกต และใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัว เท่านี้ก็จะช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้อย่างปลอดภัย
ผู้ปกครองสามารถเปิดโลกการเรียนรู้ให้บุตรหลาน กระตุ้นให้เกิดการสังเกต คิดวิเคราะห์ และระมัดระวังภัยได้ในรายการ TataTitiToto ไดโนมหัศจรรย์
ขอบคุณข้อมูล: outdoorlife.com, the-daily-dabble.com, outdoorrevival.com, canadianwomen.org