ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
ยกมรดกออนไลน์ ด้วยการทำ "พินัยกรรมดิจิทัล"
แชร์
ชอบ
ยกมรดกออนไลน์ ด้วยการทำ "พินัยกรรมดิจิทัล"
01 ต.ค. 65 • 11.00 น. | 3,232 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

คุณรู้จัก “พินัยกรรมดิจิทัล” หรือ Digital Legacy ดีแค่ไหน? หากเอ่ยถึง “พินัยกรรม” โดยทั่วไปคุณอาจนึกถึงการจัดการมรดกที่เป็นทรัพย์สมบัติอย่าง บ้าน รถ ที่ดิน คอนโด แล้วถ้าเป็นทรัพย์สินรูปแบบดิจิทัลล่ะ คุณจะจัดการอย่างไร? 

 

จากสถิติปี 2022 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากถึง 54.5 ล้านคน คิดเป็น 77.8% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แค่เพียงมีมือถือหรือแท็บเล็ต วิถีชีวิตของคุณก็ผูกติดกับระบบออนไลน์เรียบร้อยแล้ว อีกอย่างวิถีนี้ก็ไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นใหม่อีกต่อไป เดี๋ยวนี้คนวัยเก๋าอย่างอากง อาม่าก็สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียและระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างกว้างขวาง เช่น การแชตคุยกับเพื่อน ส่งสวัสดีวันจันทร์ให้ลูกหลาน ทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ รวมถึงมีบัญชีอีแบงก์กิ้งของธนาคาร ถือว่าเป็น “ทรัพย์สินดิจิทัล” ที่เจ้าของบัญชีมีสิทธิ์ในการเข้าถึงแต่เพียงผู้เดียว

 

หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้นไม่ว่าจะเป็นบัญชี Facebook, อีเมล, กระเป๋าเงินดิจิทัล ฯลฯ อาจถูกปิดตายโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้เพราะเป็นเงื่อนไขการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการ ดังนั้นการทำ "พินัยกรรมดิจิทัล" จึงมีความสำคัญพอ ๆ กับทำพินัยกรรมทั่วไปและเป็นเรื่องของทุกคน

ทำความรู้จัก Digital Legacy พินัยกรรมดิจิทัล

พินัยกรรมดิจิทัล คือ คำสั่งครั้งสุดท้ายเพื่อส่งต่อมรดกในรูปแบบดิจิทัลของบุคคลหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและข้อมูลที่สร้างขึ้นในโลกออนไลน์ก่อนเสียชีวิต ซึ่งหมายถึงข้อมูลส่วนตัวที่มีการบันทึกหรืออัปโหลดไว้ในระบบคอมพิวเตอร์และมือถือผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น เอกสารออนไลน์, ภาพถ่าย, คลิป, ภาพยนตร์, ภาพวาด, สกุลเงินคริปโต รวมถึงข้อความการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียกับผู้อื่น ตามกฏหมายเรียกว่า “ทรัพย์สินดิจิทัล” หรือ “ทรัพย์สินส่วนบุคคลที่จับต้องไม่ได้” ตัวอย่างที่น่าจะช่วยให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ดังนี้

  • บัญชีโซเชียลมีเดีย เช่น Line, Whatsapp, Facebook, Instagram, Twitter, Tiktok, Youtube รวมถึงการสนทนาออนไลน์
  • บัญชีอีเมล เช่น Google, Hotmail
  • บัญชีธนาคารออนไลน์และการลงทุน
  • บัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัล (e-wallet) สำหรับชำระเงินผ่านระบบออนไลน์
  • บัญชีคลาวด์ (Cloud Storage) ที่เก็บไฟล์ส่วนตัวไว้บน Server เช่น Google drive, OneDrive, Dropbox
  • บัญชีส่วนตัวบนเว็บไซต์ สำหรับซื้อ-ขายสินค้า หรือเป็นสมาชิก เช่น shopee, Lazada, Amazon, e-Bay
  • บริการสตรีมมิ่ง (Streaming) สำหรับดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ เช่น Netflix, Disney+ Hotstar, HBO Go, Apple TV+, LINE TV, Viu, WeTV 
  • โดเมนเว็บไซต์และบล็อก
  • สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คะแนนสะสม
  • โปรไฟล์เกม

ลองนึกดูว่า หากคุณไม่ได้ทำพินัยกรรมดิจิทัลเอาไว้ ในวันที่คุณไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว จะไม่มีใครสามารถรู้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ถูกต้องเพื่อเข้าไปจัดการทรัพย์สินดิจิทัลเหล่านี้ได้

 

จะเกิดอะไรขึ้น หากมองข้ามการทำพินัยกรรมดิจิทัล?

เจมส์ นอร์ริส (James Norris) ผู้ก่อตั้งสมาคมมรดกดิจิทัลแห่งสหราชอาณาจักร Digital Legacy Association (DLA) และ The Digital Legacy Conference & DeadSocial เคยกล่าวไว้ว่า ปัจจุบันคนเราใช้เวลาในโลกออนไลน์มากกว่าการนอนเสียอีก และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าทรัพย์สินดิจิทัลจะเป็นอย่างไรหลังจากพวกเขาตาย

 

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในต่างประเทศเริ่มมองเห็นคุณค่าและตื่นตัวที่จะวางแผนทำพินัยกรรมดิจิทัลมากขึ้นแล้ว เช่น เหตุการณ์หนึ่งในอเมริกา มีเด็กชายวัย 15 ปีฆ่าตัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุ พ่อแม่ ญาติ และเพื่อน ๆ ของเขาพยายามค้นหาแรงจูงใจจากบัญชี Facebook แต่ไม่สามารถล็อกอินได้เนื่องจากไม่ทราบรหัสผ่าน จนพ่อแม่ของเด็กต้องร้องเรียนต่อศาลเพื่อขอคำสั่งให้บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มเปิดเผยข้อมูลในบัญชีของผู้ตาย

 

ผลสุดท้ายทาง Facebook ออกมา “ปฏิเสธ” การเปิดเผยข้อมูล เพราะขัดต่อนโยบายการรักษาความเป็นส่วนตัวของสมาชิก และศาลเห็นว่ากรณีนี้ “อยู่นอกเหนือเขตอำนาจ” เหตุเพราะกฎหมายไม่ครอบคลุมถึงทรัพย์สินในรูปแบบดิจิทัล ดังนั้น การทำพินัยกรรมดิจิทัลไว้แต่เนิ่น ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำไว้ก่อนเสียชีวิต

พินัยกรรมแบบใดที่ถูกฏหมาย และทำได้ด้วยตัวเอง?

การเตรียมตัวส่งต่อมรดกดิจิทัล ก่อนอื่นมาเรียนรู้กันว่า “การทำพินัยกรรมตามกฏหมาย” ที่ทำแล้วไม่เป็นโมฆะนั้นมีวิธีใดบ้าง โดย สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “ พินัยกรรมที่ต้องทำก่อนตาย 6 แบบ ได้แก่

1.พินัยกรรมแบบธรรมดา

  • "ผู้ทำพินัยกรรม" ต้องทำเป็นหนังสือ โดย “เขียน” หรือ “พิมพ์ข้อความ” ลงบนกระดาษ
  • ต้องลงวัน เดือน ปี และเวลา ให้ชัดเจน
  • ต้องลงรายชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน และให้พยานลงลายมือรับรอง พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์

2.พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ *เรียบง่ายที่สุด* 

  • ต้องเขียนพินัยกรรมด้วย "ลายมือตัวเอง" ทั้งฉบับ
  • ต้องลงวัน เดือน ปี และเวลา ให้ชัดเจน
  • ลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม (มีหรือไม่มีพยานก็ได้)

3.พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง *เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการให้*

  • ต้องไปแจ้งถ้อยคำหรือข้อความที่ต้องการใส่ในพินัยกรรมของตัวเอง กับ “เจ้าพนักงาน” ที่สำนักงานเขต (สำหรับกรุงเทพฯ)​ หรือที่ว่าการอำเภอของจังหวัด
  • ต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน
  • เจ้าพนักงานจะลงลายมือชื่อ วัน/เดือน/ปี ที่ทำพินัยกรรม พร้อมประทับตราตำแหน่ง

4.พินัยกรรมแบบเอกสารลับ

  • มีข้อความพินัยกรรมและลงลายมือชื่อตัวเองในหนังสือพินัยกรรม
  • ปิดผนึกพินัยกรรมพร้อม “ลงลายมือชื่อทับรอยผนึก”
  • นำพินัยกรรมไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่สำนักงานเขต (กทม.) หรือที่ว่าการอำเภอ (ตจว.) พร้อมทั้งพยานอย่างน้อย 2 คน
  • เจ้าหน้าที่ลงบันทึก วัน/เดือน/ปีที่ทำพินัยกรรมไว้บนซอง และประทับตราตำแหน่ง
  • ผู้ทำพินัยกรรม, พยาน และเจ้าหน้าที่ต้องลงลายมือชื่อไว้หน้าซองตรงที่ปิดผนึก

5.พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา *แบบเร่งด่วน*

การทำพินัยกรรมในกรณีนี้ เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย ช่วงเกิดโรคระบาด หรือสงคราม บุคคลนั้นสามารถทำพินัยกรรมด้วยวาจาได้

  • ผู้ทำพินัยกรรมบอกความต้องการต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน
  • พยานต้องรีบแจ้งข้อความนั้นต่อเจ้าพนักงานโดยด่วนที่สุด! ณ ที่สำนักงานเขต (กทม.) หรือที่ว่าการอำเภอ (ตจว.) พร้อมทั้งแจ้งวัน/เดือน/ปี และสถานที่ทำพินัยกรรม รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

6. พินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ *อยู่ต่างประเทศ*

หากคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม สามารถเลือกทำตามกฎหมายของประเทศที่อาศัยอยู่ หรือจะทำตามกฎหมายไทยก็ได้

  • แจ้งพินัยกรรมต่อพนักงานทูตหรือฝ่ายกงสุลฝ่ายไทย หรือให้พนักงานใด ๆ ที่มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศนั้น เป็นผู้รับบันทึกข้อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

 

ผู้ทำพินัยกรรม ต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อ ได้แก่

  • มีอายุครบ 15 ปีขึ้นไป
  • ไม่เป็นบุคคลที่ไร้ความสามารถ ตามคำสั่งศาล

พินัยกรรมที่ง่ายและประหยัดเวลาที่สุด คือ พินัยกรรมแบบธรรมดา และแบบเขียนเองทั้งฉบับ ส่วนพินัยกรรมกับเจ้าพนักงานที่อำเภอ หรือสำนักงานเขตนั้นแม้จะมีขั้นตอนมากและเสียค่าธรรมเนียม แต่ก็ถือเป็นพยานที่มีน้ำหนักเวลาขึ้นเบิกความในชั้นศาล

 

💡เกร็ดน่ารู้อัดคลิปสั่งเสีย “ทำพินัยกรรม” มีผลทางกฎหมายหรือไม่?

หากพิจารณาตามกฎหมายการทำพินัยกรรมด้วยตัวเองทั้งหมด 6 แบบที่กล่าวมา การอัดคลิปยกทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นการโพสผ่านโซเชียล หรือบันทึกในรูปแบบไฟล์ VDO เก็บไว้ก็ตาม ถือว่า “ไม่มีผลทางกฏหมาย”

สำหรับกฏหมายเรื่องการจัดการมรดกดิจิทัล “ในประเทศไทยยังไม่มีบังคับใช้โดยตรง” แต่คุณสามารถวางแผนเพื่อจัดการกับทรัพย์สินดิจิทัลด้วยตัวเองได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

 

แนะนำ 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ทำพินัยกรรมดิจิทัล

1. จดรายการ “ทรัพย์สินดิจิทัล” ในระบบออนไลน์ทั้งหมด ว่ามีอะไรบ้าง 

2. บันทึก Username, Password ของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่คุณใช้บริการ

3. บันทึกความตั้งใจว่าคุณต้องการมอบทรัพย์สินดิจิทัลให้ใคร หรือต้องการให้ทำลาย หรือส่งทรัพย์สินดิจิทัลให้บุคคลที่สาม

4.เข้าไป “ตั้งค่า” จัดการมรดกดิจิทัลบนอุปกรณ์ หรือเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีตัวเลือกเกี่ยวกับการจัดการมรดกทางดิจิทัล

อุปกรณ์ เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มที่ให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการจัดการมรดกดิจิทัล

 

❇️iPhone และ Apple Device 

ผู้ใช้แอปเปิ้ลที่ต้องการใช้ฟีเจอร์จัดการมรดกดิจิทัลจำเป็นจะต้องอัปเดตเป็น iOS 15.2 หรือใหม่ล่าสุด โดยเข้าไปที่ตั้งค่า > เข้าไปหน้า Apple ID, iCloud+ > รหัสผ่านและความปลอดภัย > ผู้ติดต่อรับมรดก (Legacy Contact) 

 

หลังจากคุณเสียชีวิต คนที่คุณตั้งค่าไว้ให้เป็น “ผู้ติดต่อรับมรดก” ก็สามารถนำ “Legacy Contact Access Key” ที่ได้รับจาก Apple เพื่อเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ก็สามารถติดต่อเพื่อขอลบ Apple ID ของผู้ตายได้ หรือหากต้องการเข้าถึงข้อมูลก็ต้องอาศัยคำสั่งศาล ซึ่งแอปเปิ้ลลงรายละเอียดไว้ที่นี่ (คลิก)

 

❇️ระบบ Android และบัญชีของ Google 

อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และ บัญชี Google มักมีข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญมาก เช่น ข้อมูลทางการเงิน, บัญชีโซเชียลที่ผูกกับอีเมล และข้อมูลเอกสารที่บันทึกไว้ใน Gmail หรือ Google Drive ในระบบกูเกิลก็มีเครื่องมือจัดการบัญชีที่ไม่ใช้งาน ชื่อว่า “Inactive Account Manager” เครื่องมือนี้จะคอยสังเกตความผิดปกติของการล็อกอินเข้าใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังใช้บัญชี Google อยู่หรือไม่ และคุณสามารถเข้าไปกำหนดเงื่อนไขในการจัดการบัญชีได้ บริการของกูเกิลที่มีฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Blogger, Drive, Gmail, Google+, Picasa Web Albums, Google Voice และ YouTube โดยวิธีการตั้งค่าทำได้ดังนี้

  • เข้าไปที่ ตัวจัดการบัญชี (คลิก)
  • กำหนดระยะเวลาที่ Google จะพิจารณาว่าบัญชีของคุณไม่มีการใช้งาน มีให้เลือก 3 เดือน, 6 เดือน, 12 เดือน และ18 เดือน
  • เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ที่จำเป็น (กรณีบัญชีของคุณไม่มีการเคลื่อนไหวตามระยะเวลาที่กำหนด)
  • เลือกบุคคลที่คุณเชื่อถือได้ สำหรับการแจ้งเตือนและแชร์ข้อมูล
  • กำหนดว่าจะให้ “ลบบัญชี Google” หรือไม่ หากไม่มีคนใช้งาน

โดยกูเกิลส่ง SMS และอีเมลหาคุณ “หลายครั้ง” ก่อนที่จะดำเนินการทั้งหมด

❇️Facebook 

ผู้ใช้เฟซบุ๊กเองก็สามารถตัดสินใจล่วงหน้าได้ว่ายังต้องการให้มีบัญชีอยู่ต่อไป หรือจะให้ลบถาวร หาก Facebook ทราบว่าผู้ใช้เสียชีวิต สามารถเก็บบัญชีผู้ใช้นั้นไว้เป็นอนุสรณ์ หรือไว้เป็นพื้นที่แบ่งปันความทรงจำหลังจากผู้นั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งบัญชีที่ถูกเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ยังคงปลอดภัย และถูกป้องกันไม่ให้ผู้อื่นล็อกอินเข้าสู่บัญชีได้

  • สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียด “การจัดการบัญชีผู้ใช้ของผู้ถึงแก่กรรม” หรือ Managing a Deceased Person's Account (คลิก)
  • เข้าไปที่> การตั้งค่าโปรไฟล์ทั่วไป (General profile settings) > การตั้งค่าการเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ (Setting up a memorial) > เลือกเพื่อนที่อยู่ใน Facbook เพื่อแต่งตั้งให้เป็น “ผู้สืบทอดบัญชี” (Legacy Contact)
  • กรณีคุณถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดบัญชี สามารถเก็บบัญชี Facebook ของผู้เสียชีวิตไว้เป็นอนุสรณ์ได้ โดยส่งคำขอไปที่ Memorialization Request (คลิก) ระบุ URL บัญชี Facebook/ บุคคลนี้ได้ล่วงลับไปเมื่อใด/ ใบมรณบัตร
  • หากผู้ตายไม่ได้เลือกเอาไว้ นโยบายมาตรฐานจะกำหนดให้เป็นสถานะ memorialised บัญชีไว้

 

❇️Instagram 

เนื่องจาก Instagram อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันกับ Facebook จึงมีคุณสมบัติและขั้นตอนคล้ายคลึงกัน ซึ่งครอบครัว เพื่อนสนิท หรือญาติ สามารถขอให้ “ลบบัญชี” หรือ “เก็บไว้” ไว้เป็นอนุสรณ์ได้ แต่ Instagram จะมีเงื่อนไขแตกต่างเล็กน้อย โดยต้องส่งรายงานพินัยกรรมดิจิทัลอย่างละเอียด ซึ่งจำเป็นต้องมีหลักฐานเพื่อรับรองการเสียชีวิต บริษัทจึงจะดำเนินการ

  • หากคุณต้องการลบบัญชี Instagram ของผู้เสียชีวิต เข้าไปกรอกรายละเอียดที่ Removal Request for Deceased Person on Instagram (คลิก)
  • หากคุณเลือกที่จะเก็บบัญชีไว้เป็นอนุสรณ์ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงยอดผู้ติดตาม แท็ก โพสต์และความคิดเห็นก่อนหน้านี้ได้
  • เมื่อบัญชี Instagram ได้รับคำขอแล้ว จะไม่มีใครเปลี่ยนแปลงโพสต์ ข้อมูลโปรไฟล์ หรือการตั้งค่าเดิม และไม่มีใครสามารถเข้าระบบบัญชีที่เป็นอนุสรณ์นั้นได้ แต่จะหลงเหลือไว้เพียงข้อความที่อยู่หน้า Bio ว่า “ด้วยความระลึกถึง”

 

❇️LinkedIn

เจ้าของบัญชีเท่านั้นที่สามารถปิดบัญชีได้ สามารเข้าไปที่ close the account (คลิก) และเมื่อปิดบัญชีแล้ว ข้อมูลของผู้ตายจะถูกลบออกจากระบบ และไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้อีก

 

❇️PayPal 

ในสัญญาการสมัครสมาชิกบัญชี PayPal ระบุไว้ว่า เจ้าของบัญชีเท่านั้นที่จะปิดบัญชีได้ เว้นแต่ว่าเจ้าของบัญชีถึงแก่กรรม กรณีที่เจ้าของบัญชีเสียชีวิต ผู้ที่มีอำนาจจัดการทรัพย์มรดกจะต้องส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับ PayPal หากมีคำถามว่าจะปิดบัญชี PayPal ของลูกค้าที่เสียชีวิตได้อย่างไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ (คลิก)

 

❇️Twitter 

แม้ว่า Twitter จะไม่มีนโยบายจดจำบัญชีผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้ประกาศว่าจะลบบัญชีที่ไม่ได้ใช้งานนานเกิน 6 เดือน โดยส่งจะส่งคำเตือนไปทางอีเมลก่อน นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถลบบัญชีได้ด้วยตัวเอง โดย Twitter จะร่วมมือกับผู้สืบทอดมรดก หรือสมาชิกในครอบครัวของผู้ตายทำการปิดบัญชีนั้น

พินัยกรรมดิจิทัล ทำได้เลยไม่ต้องรอ! คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน คนวัยเก๋าทั้งหลาย หากยังมีลมหายใจและใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ ควรเริ่มวางแผนทำพินัยกรรมดิจิทัลเอาไว้ได้แล้ว วันหนึ่งทรัพย์สินดิจิทัลเหล่านั้นอาจเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวของคุณ หาเวลาว่างสักนิด ทำไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าคุณจะคาดเดา

 

นอกจากพินัยกรรมดิจิทัลแล้ว ALTV ยังมีคำแนะนำดี ๆ ในเรื่อง "พินัยกรรมสำหรับวัยเก๋า" เพื่อวางแผนจัดการมรดกให้ลูกหลานในช่วงบั้นปลายชีวิต ลูกหลานแนะนำข้อมูลให้ท่านเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากรายการ สูงวัยวาไรตี้ (คลิก)

 

ขอบคุณข้อมูล: สำนักงานกิจการยุติธรรม, bangkokbiznews.com, TISCO Advisory

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พินัยกรรมดิจิทัล, 
#digitallegacyคืออะไร, 
#วางแผนทำพินัยกรรม, 
#JamesNorris, 
#DigitalLegacyAssociation(DLA), 
#TheDigitalLegacyConference&DeadSocial, 
#การทำพินัยกรรมตามกฏหมาย, 
#สำนักงานกิจการยุติธรรม, 
#พินัยกรรมที่ต้องทำก่อนตาย, 
#มรดกดิจิทัล, 
#LegacyContactในiphone, 
#เครื่องมือจัดการบัญชีที่ไม่ใช้งานAndroid, 
#ผู้สืบทอดบัญชีfacebook, 
#ปิดfacebook, 
#MemorializationRequest 
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
ALTV CI
Interest Thing
Interest Thing
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พินัยกรรมดิจิทัล, 
#digitallegacyคืออะไร, 
#วางแผนทำพินัยกรรม, 
#JamesNorris, 
#DigitalLegacyAssociation(DLA), 
#TheDigitalLegacyConference&DeadSocial, 
#การทำพินัยกรรมตามกฏหมาย, 
#สำนักงานกิจการยุติธรรม, 
#พินัยกรรมที่ต้องทำก่อนตาย, 
#มรดกดิจิทัล, 
#LegacyContactในiphone, 
#เครื่องมือจัดการบัญชีที่ไม่ใช้งานAndroid, 
#ผู้สืบทอดบัญชีfacebook, 
#ปิดfacebook, 
#MemorializationRequest 
แชร์
ชอบ
ติดตามเรา