paragraph คือ กลุ่มของประโยคที่เขียนขึ้นภายใต้หัวเรื่องเดียวกัน (Single Topic) โดยทั่วไปประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1) topic sentence: main idea หรือใจความสำคัญของ paragraph นั้น
2) supporting sentence: ประโยคที่ช่วยขยายความ main idea ประโยคที่เป็นการการยกตัวอย่าง การแจกแจงรายละเอียด
3) concluding sentence: ประโยคสรุปหรือประโยคเชื่อมโยงไปยังย่อหน้าถัดไป โดยจะเป็นการปิดจบ main idea นั้น ๆ
ถ้าหา main idea เจอและแยก supporting ideas ของเรื่องได้ เราก็จะเห็น โครงสร้างของ paragraph ชัดเจนมากขึ้น
➡️พยายามหา topic sentence หรือ main idea ให้เจอ ส่วนใหญ่มักซ่อนอยู่ใน “ประโยคแรก” ของ paragraph (ความจริงแล้ว main idea จะอยู่ตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้ายของ paragraph ก็ได้)
ลักษณะของประโยคแรก
💡จำให้แม่น💡 main idea เป็นส่วนที่่สำคัญที่สุด ครอบคลุมเนื้อหาในพารากราฟ และมีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
➡️ หา supporting ideas และ supporting details ที่ทำหน้าที่ขยายรายละเอียดของ main idea ให้เข้าใจง่ายขึ้น
➡️1 พารากราฟ ต้องพูดแค่เรื่องเดียว (ไม่ออกนอกเรื่อง) เช่น พูดถึง "ประโยชน์ของไข่ไก่" ก็ต้องพูดถึงเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่ควรมีเรื่องแม่ไก่ หรือการทำฟาร์มไก่มาอยู่ในพารากราฟ
➡️สังเกต conjunctions/ transition words/ pronouns คำศัพท์ที่ช่วยลำดับเนื้อหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล 💡มี “เหตุ” ก็ต้องมี “ผล” ตามมา💡
Conjunctions คือ คำสันธาน หรือคำที่ใช้เชื่อม “คำกับคำ” หรือ “ประโยคกับประโยค” เข้าด้วยกันเพื่อให้ประโยคสละสลวยมากขึ้น
💡เทคนิคช่วยจำ คือคำว่า “fanboys”
f = for สำหรับ, เพื่อ
a = and และ
n = nor ไม่ทั้งสองอย่าง
b = but แต่
b = or (หรือ) ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงทางเลือก
y = yet (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน
s = so (ดังนั้น) ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุผลเป็นผลกัน
Transition words คือ คำหรือวลีที่ใช้เชื่อมส่วนต่าง ๆ ของบทความ เช่น ระหว่างประโยคหนึ่งไปอีกประโยคหนึ่ง หรือจากย่อหน้าหนึ่งไปยังอีกย่อหน้าหนึ่ง ช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงกันมากขึ้น
💡กลุ่มคำเชื่อม transition words ที่แบ่งตามความหมาย
เพิ่มเติม
and then = แล้วก็
again = อีก
besides, furthermore, in addition, moreover = นอกเหนือจากนี้, ยิ่งไปกว่านั้น
equally important = สำคัญไม่แพ้กัน
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
เปรียบเทียบ (บอกความแตกต่าง)
on the other hand, in contrast = ในทางกลับกัน, ในทางตรงกันข้าม
however, yet, nevertheless, nonetheless = อย่างไรก็ตาม, แต่ถึงอย่างไร, แต่กระนั้น
at the same time, meanwhile = ในเวลาเดียวกัน, ในขณะเดียวกัน
similar to = คล้ายกับ, ราวกับ
just as = เช่นเดียวกับ
although = แม้ว่า
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
บอกลำดับ
first, second, third = ขั้นตอนที่ 1 2 3
and so forth = และอื่น ๆ ต่อไป
next = ต่อจากนั้น
then = แล้วก็, อีกประการหนึ่ง
at this time = ในตอนนี้
now = ตอนนี้, บัดนี้
simultaneously = พร้อมกัน
after = หลังจาก, ภายหลัง
previously = ก่อนหน้านี้
finally = ในที่สุด, ในตอนท้าย
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
เพื่อเน้นย้ำ
extremely = อย่างยิ่ง
obviously = อย่างชัดเจน
certainly, absolutely = อย่างแน่นอน
in fact = ในความเป็นจริง
indeed = โดยแท้จริง
in any case = ไม่ว่ากรณีใด ๆ
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
เพื่อสรุป
so, therefore, hence, thus, = ดังนั้น
as a result = ด้วยเหตุนั้น, ดังนั้น
consequently = จึงเป็นเหตุ
accordingly = ตามนั้น
in brief = โดยสังเขป
Pronoun คือ คำสรรพนาม ใช้แทนคำนาม คน สัตว์ สิ่งของ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำนามซ้ำซาก ใช้แทนสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร และให้ประโยคกระชับ เข้าใจง่าย
Pronoun มี 8 ประเภท ดังนี้
➡️ เมื่อหาประโยคแรกได้แล้ว ก็เริ่มตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออก จากนั้นก็มองภาพทุกอย่างให้เป็นจิ๊กซอว์ แล้วจึงเรียงลำดับประโยคให้สมเหตุสมผล สมมติประโยคแรกเป็น D ประโยคต่อไปก็จะเป็น supporting ideas > ประโยคสรุปจบ
สิ่งสำคัญของการทำข้อสอบ "Paragraph Organization" คือการฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ จนชำนาญ จากนั้นทักษะต่าง ๆ และความมั่นใจก็จะตามมาเอง ติดตามสรุปเนื้อหา เคล็ดลับ และเทคนิคพิชิตคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ใน "ห้องเรียนติวเข้ม ม.ปลาย TCAS66" (คลิก)