อีกเพียงไม่กี่อึดใจก็จะเข้าสู่ "เทศกาลแห่งความอบอุ่น" ที่ใครหลายคนต่างรอคอย นั่นคือ “เทศกาลวันคริสต์มาส” ซึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้สำหรับเทศกาลนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากแสงไฟประดับ การจับฉลากของขวัญ และ ‘ต้นคริสต์มาส’ ที่ถูกจัดวางไว้ตามบ้านเรือนหรือสถานที่แลนด์มาร์คต่าง ๆ แต่ใครบ้างจะรู้ว่าต้นคริสต์มาสที่ประดับตกแต่งด้วยของประดับมากมายที่เราเห็นกันอยู่ทุกปี ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น และจะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลย
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเราอาจเริ่มเห็นการประดับประดาต้นคริสต์มาสต์ตามบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ บ้างแล้ว โดยแต่เดิมพันธุ์ไม้ที่นำมาใช้เป็น ‘ต้นคริสต์มาส’ จะใช้ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบในวงศ์ไม้สน เช่น ต้นสน (Pine) ต้นเฟอร์ (Firs) ต้นสนสปรูซ (Spruce) เนื่องจากมีลำต้นตรงสูงชะลูด มีใบสีเขียวชะอุมตลอดฤดูกาล ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นตัวแทนของ “ต้นไม้แห่งชีวิต (The tree of life)" ที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตามความเชื่อของชาวคริสต์เตียน
มีความเชื่อว่าต้นไม้แห่งชีวิตถูกสร้างขึ้นโดยพระผู้เป็นเจ้า ตั้งอยู่ใจกลางกลางสวนสวรรค์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'สวนเอเดน' มีลักษณะพิเศษคือมีสีเขียวตลอดทุกฤดูกาล และผลของมันสามารถทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ ด้วยเหตุนี้เองพืชในตระกูลสนที่เขียวตลอดปี จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งถือเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซู แต่ถึงอย่างไรก็ตามต้นสนเป็นต้นไม้ที่มีราคาสูงและหาไม่ได้ง่าย ๆ ในบางพื้นที่ ทำให้ต้นคริสต์มาสประดิษฐ์จึงเป็นที่นิยมมากในทั่วโลก
สิ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดบนต้นคริสต์มาสคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก 'ดวงดาวประดับ' ที่มักถูกจัดวางอยู่บนยอดสูงสุดของต้นคริสต์มาส ดาวดวงนี้มีที่มาที่ไปมาจาก 'ตำนานการประสูติของพระเยซู' หรือที่เรียกว่า ‘The Nativity’
ในตำนานบอกเล่าถึงดาวดวงใหญ่สุกไสวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก ในคืนที่พระเยซูประสูติซึ่งได้นำพาให้ 3 นักปราชญ์ ได้พบเจอกับพระแม่มารีย์และพระเยซูที่เมืองเบธเลเฮม หลังจากนั้นจึงได้มีการขนานนาม ดาวดวงนี้ว่า Star of Bethlehem และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แทนการเสด็จลงมาช่วยไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์ของพระเยซูอีกด้วย
เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่ 'ระฆัง' มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความเชื่อของชาวคริสต์ การลั่นระฆังถือเป็นอีกวิธีในการสื่อสารรูปแบบหนึ่งของโบสถ์ เช่นการใช้ป่าวประกาศถึงการเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือช่วงค่ำคืนก่อนเทศกาลวันคริสต์มาส ที่จะมีการลั่นระฆังเพื่อประกาศว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลรื่นเริงแล้ว นอกจากนี้ตามความเชื่อในหมู่ชาวเพเกน การลั่นระฆังถือเป็นการขับไล่ปีศาจ และพลังงานชั่วร้ายให้หมดไปอีกด้วย
ในบริบทของศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟจากเทียนไข หรือ ไฟประดับ ล้วนเป็นการเปรียบเทียบถึงพระเยซูผู้ที่นำ ‘แสงสว่าง’ มาสู่โลกมนุษย์ โดยการตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยไฟประดับเริ่มขึ้นต้นในปี ค.ศ. 1882 โดยไอเดียนี้ริเริ่มมาจากชายที่ชื่อว่า เอดวิร์ด จอห์นสัน ผู้เป็นหุ่นส่วนกับ ทอมัส เอดิสัน บุคคลแรกที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟ โดยจอห์นสัน ได้ทำการเดินสายหลอดไฟจำนวน 80 ดวง ที่ประกอบไปด้วยสีแดง สีขาว และน้ำเงินสลับกันแล้วพันรอบต้นคริสต์มาส ทั้งนี้ก็เพื่อความสวยงามอลังการ เนื่องจากในสมัยนั้นชาวอเมริกันนิยมแต่งต้นคริสต์มาสให้อลังการที่สุดนั่นเอง
ต้นกำเนิดของลูกกวาดไม้เท้า (Candy canes) ยังคงคลุมเครือ มีเพียงการสันนิษฐานกันว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมือนกับ 'ไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะ' ซึ่งคนเลี้ยงแกะถือเป็นสมญานามของพระเยซู อีกทั้งยังเป็นอาชีพเก่าแก่และมีความสำคัญในยุคนั้น โดยแรกเริ่มมีลักษณะเป็นแท่งลูกกวาดกลิ่นเปเปอร์มิ้นต์สีขาวธรรมดา ซึ่งมีนัยยะสื่อถึงความดีงามและความบริสุทธิ์ของพระเยซู จนในภายหลังเริ่มมีการแต่งแต้มสีสันลงและลวดลายเข้าไป โดยใช้สีแดงแทนสีของพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งเพื่อชดใช้บาปแทนมนุษย์ชาติ
นอกจากเป็นการตกแต่งให้บริเวณบ้านดูสวยงามเพื่อต้อนรับช่วงเวลาแห่งความสุขแล้ว การประดับต้นคริสต์มาสยังเป็นการระลึกถึงพระเยซูตามความเชื่อทางศาสนาไว้อีกด้วย และ ALTV หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะสนุกสนานและมีช่วงเวลาที่ดีไปกับวันคริสต์มาสปีนี้นะคะ