ตอนเป็นเด็ก เชื่อหมดหัวหมดใจว่าทำดีต้องได้ดี 1+1=2 ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย หลังฝนตกฟ้าจะใสและจะมีรุ้งพรายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มีความใสซื่อและวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์แบบนั้น
มันไม่มีอะไรเรียบง่ายแบบนั้นเลยในความเป็นจริง ยิ่งโตก็ยิ่งเรียนรู้ถึงตัวแปรมากมายที่เราไม่สามารถควบคุมได้ กระทืบเท้าร้องไห้ แจ้งความ ฟ้องนาย ก็ไม่ได้มาซึ่งความ 1+1=2 เราไม่ได้เรียกว่าความยุติธรรมหรอกนะ เพราะมันไม่มีมาตรฐานจริง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังต้องศรัทธาอยู่ คืออะไรสักอย่างที่ทำให้เราเชื่อมั่นในความดี แต่ละคนต่างมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับตัวผู้เขียนนั้น นอกจากหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาแล้ว ยังได้พบบางสิ่งที่ทำให้หัวใจอบอุ่น ในแบบที่ถ้าใครไม่เชื่อก็อาจมองว่างมงาย แต่เพราะความศรัทธานั้น ทำให้เราค้นพบว่าเรื่องร้าย ๆ บางอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเปิดประตูบานใหม่ ๆ ให้ชีวิต
เรื่องมันเป็นยังไง ไหนเล่าซิ!!
ในครั้งแรกที่ได้เห็นพระพิฆเนศตอนยังเป็นเด็ก แม่เป็นคนแนะนำให้รู้จักว่าท่านชื่ออะไร มันเหมือนมีความรู้สึกถึงความรักและความศรัทธาเหมือนเจอบางสิ่งที่ถูกชะตา แม้ยังไม่เคยพบปาฏิหาริย์ใด ๆ ยังไม่มีซีรีส์อินเดียเข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติม จนเมื่อได้มาเรียนเกี่ยวข้องกับศิลปะวิทยาการ ซึ่งจะมีการไหว้ครู ครอบครู พระพิฆเนศคือหนึ่งเทพในพิธีกรรมนั้น ๆ
แม้ในความเป็นจริงแล้ว พระพิฆเนศ จะไม่ใช้เทพเจ้าแห่งศิลปะโดยตรง แต่บทบาทใหญ่ของท่านตามคติอินเดียคือเทพแห่งอุปสรรค การขจัดอุปสรรคใด ๆ ก็เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย พระองค์จึงกลายเป็น “เทพแห่งการเริ่มต้น” ของทุกกิจกรรมในชีวิต เพราะฉะนั้นในการไหว้ครูต่าง ๆ จะมีหัวโขนพระพิฆเนศอยู่ด้านหน้า ทรงมาในฐานะครูที่ช่วยปัดเป่าเหตุพิบัติ ขจัดอุปสรรคทั้งหลาย เพื่อช่วยให้การเรียนรู้ของทุกคนประสบความสำเร็จ
เหตุผลที่พระพิฆเนศได้พัฒนามาเป็นตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากร
เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ความที่ทรงเป็นนักประพันธ์และมีความศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ ท่านได้ทรงนำพระคเณศมาเป็นตรา “วรรณคดีสโมสร” ในปี พ.ศ.2457 และพัฒนามาเป็นตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากรซึ่งขยายขอบเขตของงานศิลปะนอกจากการประพันธ์แล้ว ยังมีอีกเจ็ดแขนง รวมทั้งนาฏศิลป์และวิจิตรศิลป์ด้วย ตรากรมศิลปากรนี้ยังเชื่อมโยงไปยังตราของมหาวิทยาลัยศิลปากร และที่สุดพระคเณศได้กลายมาเป็นเทพเจ้าประจำของมหาวิทยาลัย
ถึงจะมีความเคารพท่านแค่ไหน แต่ไม่เคยคิดที่จะขวนขวายหาท่านมาบูชา เหมือนเจอหรือพบเห็นท่านที่ไหนก็จะยกมือไหว้ ไม่ใช่ไหว้ไปอย่างนั้นด้วยนะ เป็นอารมณ์ไหว้แบบตั้งใจ ในขณะที่เวลาเดินผ่านเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ก็ไม่เคยที่จะหยุดหรือยกมือขึ้นมาแบบที่ตั้งใจไหว้ท่าน
และในวันหนึ่งอยู่ดีดีมีใครบางคนยื่นพระพิฆเนศองค์แรกมาให้ในชีวิต
"ท่านจะมาหา และจะมีเวลาของเราเองที่ได้เริ่มศรัทธา" ใครบางคนเคยบอกไว้แบบนั้น
อารมณ์แบบรักใครคนหนึ่งมาก ๆ แต่ไม่กล้าบอก อยากจะแอบรักอยู่แบบนั้นเพราะกลัวโดนปฏิเสธ คงเป็นเหตุผลคล้าย ๆ กันกับที่ไม่กล้าขอพรใด ๆ จากท่าน เพราะอยากจะคงไว้ซึ่งความเคารพนับถือแบบนั้น กลัวว่าคำขอพรของเราจะถูกปฏิเสธและทำให้เราไม่เหลือสิ่งใดไว้คาดหวัง
จนวินาทีที่เพื่อนคนหนึ่งโดนทำร้ายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรานั่นแหละ มันเกินมือเกินความสามารถที่เราจะทำอะไรได้ จึงได้ตัดสินใจขอพรจากท่านเป็นครั้งแรก ขอทั้งที่ไม่มั่นใจว่าท่านจะช่วยได้จริง ๆ หรืออำนาจของท่านจะครอบคลุมการช่วยเหลือแบบนี้หรือไม่ ขอเพราะหมดปัญญาและหนทางอื่น ๆ ภาวนาอย่างตั้งใจและหากช่วยเพื่อนได้เราจะเริ่มทำการสักการะท่านอย่างจริงจังด้วยหัวใจและเครื่องบูชาทั้งปวง
ขอพรท่านเมื่อวาน วันนี้ฟื้นเลย!!
แต่... ถามว่าเชื่อหมดใจหรือไม่ว่าเป็นเพราะคำขอจากตัวเองส่งไปถึงท่านจริง ๆ ก็ไม่ ยังมีความรู้สึกว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ อาจเป็นเพราะพ่อแม่พี่น้องไปบนบานที่ไหน หรืออาจเป็นเพราะการรักษาที่ถูกต้องและได้ผล หรือเหตุผลอื่นใดที่ทำให้เพื่อนฟื้นจากหลับใหล
ผ่านไปสักระยะ จู่ ๆ เราเห็นท่านเดินมาในพิธีการสักการะ สีขาว ๆ ฟุ้ง ๆ เหมือนที่เราเคยเห็นในละคร ในตอนนั้นสมองบอกว่าท่านคือพระพิฆเนศ เราก้มลงกราบท่านและพอเงยหน้าขึ้นมา คนอื่น ๆ บอกว่า หน้าเรากลายเป็นงวงช้าง!! เราจับหน้าตัวเองรู้สึกได้ถึงจมูกที่งอกยาวออกมา คุณพระ! เท่านั้นแหละ เราจึงสะดุ้งตื่นจากความฝัน กลิ่นกำยานและความรู้สึกที่จมูกยังอยู่ และแจ่มชัด
เราเริ่มต้นบูชาท่านตั้งแต่วันนั้น ความรู้สึกของความศรัทธาที่เกิดขึ้นบางครั้งก็มาในรูปแบบความฝันนะ เห็นกับตาบางทียังไม่เชื่อ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกจริง ๆ โดยไม่สามารถอธิบายได้เลย
ท่านเป็นเทพเจ้าองค์เดียวที่เราบูชา นอกเหนือจากคำสอนของพระพุทธเจ้า นอกเหนือจากความรักของพ่อแม่ เราไม่เคยขอให้ถูกหวย ไม่เคยขอให้อยู่ดี ๆ รวยและแข็งแรงทั้งที่ไม่ทำงานและไม่ออกกำลังกาย ไม่เคยขอให้ทุกคนมารักและเมตตาทั้งที่ทำตัวเลวร้าย
และตั้งแต่บูชาท่าน ไม่ใช่ว่าชีวิตไม่เคยมีอุปสรรคอีกเลย หรือทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ แต่เหมือนว่าทุกอย่างมันจะคลี่คลายไปได้ในทางใดทางหนึ่ง ยังเจ็บป่วย ยังโดนทำร้าย โดนโกง แต่ทุกอย่างเหมือนจะมีเหตุผลที่ทำให้เราได้เห็นบางมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจไม่ใช่เรื่องของปาฏิหาริย์ แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน และเกิดกำลังใจว่า ยังมีสายตาของท่านที่คอยมองอยู่ และจะมีที่ทางที่ดีกว่า เหมาะสมกว่า เกิดขึ้น
พรที่ขอจากท่านเป็นประจำคือขอให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมกับที่เราก็ออกกำลังกายไปด้วย ทำไมจะไม่ขอในเมื่อนักกีฬายังหัวใจวาย ขอให้งานที่ทำอยู่ประสบความสำเร็จ ทำไมจะไม่ขอในเมื่อการทำงานทุกอย่างเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ได้ขอให้ไม่มีแต่ขอให้มันผ่านพ้นไปได้ ขอให้คนที่คิดร้ายคนที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต ซึ่งข้อนี้เราทำเองไม่ได้ทุกครั้งที่จะเดินออกมาจากคนที่ไม่ถูกต้อง และมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ ที่มักจะมีเหตุใด ๆ ก็ตามให้คนเหล่านั้นหลุดพ้นไปจากชีวิต ขอให้เราได้มีจิตใจที่เปิดกว้างมองเห็นธรรมะและปฏิบัติตัวอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งขอให้พรอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ส่งไปถึงพ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ ทุกท่านด้วย
วันแรม 4 ค่ำเดือน 10 เป็นช่วงเทศกาลคเณศจตุรถี แต่ละปีไม่ตรงกันหรอก ความเชื่อคือท่านจะเสด็จมาโลกมนุษย์ และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ต้อนรับท่าน สิ่งที่ผู้ศรัทธาทั้งหลายต้องทำก็มีพิธีกรรมต่าง ๆ มากมาย สำหรับเรา ผู้ซึ่งมีวิธีบูชาท่านในแบบของเราเอง ทำเองที่บ้านเท่าที่เราจะสามารถทำได้ เพื่อขอพรใหญ่ให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี และขอบคุณท่านที่ช่วยเป็นอีกพลังงานซึ่งมองไม่เห็นแต่ยิ่งใหญ่ คอยผลักดันให้เราคิดว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นจะเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมกับตัวเรา
ขนาดของความศรัทธาที่เรามีต่อท่าน ไม่เกี่ยวกับรูปจำลองเล็กจิ๋วที่อยู่บนหิ้งบูชา เพราะท่านเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ เราจึงเชื่อว่าท่านสามารถรับรู้และเข้าใจถึงเจตนาและพลังของความศรัทธา ไม่เกี่ยวกับพิธีกรรมแต่พิธีกรรมก็นำมาซึ่งการเตือนให้เราระลึกถึงความสำคัญ ได้ถามหัวใจตัวเองทุกครั้งว่าทำไปเพื่ออะไรและเพราะอะไร ทำไมเราถึงยินดีทำอะไรบางอย่างที่ยุ่งยากวุ่นวาย แต่ถ้าศรัทธาของเรามีขนาดใหญ่พอ เราจะทำได้ด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขจริง ๆ และสามารถใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต
เรื่อง // ภาพประกอบ : ณภัค ภูมิชีวิน
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : www.matichonacademy.com, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์, กรมศิลปากร
รูปภาพ : บ้านรักษ์หัวโขน