ร้อยเอกเมตตา เต็มชำนาญ รู้จักกันดีในชื่อ “ตู่ เมตตา” ฉายา "ตู่ ติงลี่" ผู้สมัคร หมายเลข 3 สังกัดพรรคเมตตาธรรม เดินทางมาสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ปี 2552 พร้อมขบวนเชิดสิงโตและขบวนรถตุ๊กตุ๊กสุดอลังการ พกไม้เท้าสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ร. 5 ส่วนมืออีกข้างหนึ่งมือถือดาบหลวงปู่ฤๅษีนารอดเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ซึ่งการเปิดตัวครั้งนั้นได้สร้างบรรยากาศคึกคักในวันเปิดรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.วันแรกพอสมควร
ตู่ เมตตา มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เพราะคลั่งไคล้ในตัวตนของ “ติงลี่” พระเอกจากซีรีส์จีน “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” เป็นอย่างมาก ถอดแบบการแต่งตัวที่คล้ายติงลี่แทบทุกกระเบียดนิ้ว รวมถึงการเดินทางแต่ละครั้งจะต้องมีขบวนอลังการมาดเจ้าพ่ออยู่เสมอ ทำให้ได้รับฉายาว่า ตู่ ติงลี่ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เมืองไทย
ก่อนหน้านี้ ร้อยเอกเมตตา เต็มชำนาญ เคยเป็นผู้สมัครอิสระเมื่อครั้งที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 2547 โดยเป็นผู้ริเริ่มนโยบาย “การปลูกผลไม้ที่เกาะกลางถนนในกทม. ให้ประชาชนสามารถเด็ดกินได้” ซึ่งเป็นนโยบายที่แปลกแหวกแนวมากในสมัยนั้น
จากสถิติที่ผ่านมา ร้อยเอกเมตตา เต็มชำนาญ เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว 4 ครั้งเมื่อปี 2547, 2551, 2552 และ 2556
ธรณี ฤทธีธรรมรงค์ ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 21 หญิงแกร่งที่ลงรายชื่อเข้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ปี 2552 โดยอ้างว่า “มาตามบัญชาสวรรค์” เปิดตัวด้วยมาดเศรษฐีนีสวมเดรสสีดำ ทรงผมตีกระบัง พร้อมเครื่องประดับเพชรพลอยเต็มตัว เท่านี้อาจยังไม่ฮือฮาพอ นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ มาในชุดลูกไม้สีขาว สวมมงกุฎเพชรสุดอลังการคล้ายกับพระแม่ธรณีและเจ้าแม่กวนอิม มีเด็กชายสวมชุดไทยเดินชูป้ายนโยบายหาเสียง “ปลดแอก กทม. คืนอำนาจให้ประชาชน” ซึ่งภาพลักษณ์ที่ต้องสวมมงกุฏ เธอเล่าว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์กำหนดมาให้ต้องใส่เฉพาะวันที่ลงสมัครเลือกตั้ง"
ที่มา: Spring News
นางธรณีรักษ์ความเป็นไทย โดยชูนโยบายส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมและดนตรี ท่านมีอุดมการณ์การหาเสียงโดยไม่มีการเดินไปหาเสียงตามท้องถนน ไม่มีป้ายหาเสียง เพราะเชื่อว่าผลการเลือกตั้งขอให้เป็นบัญชาของสวรรค์เท่านั้น
จากสถิติที่ผ่านมา นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ เคยลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว 3 ครั้งเมื่อปี 2551, 2552, 2556 และได้มีโอกาสไปออกรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ซึ่งได้เปิดเผยตัวตนที่เป็นคนธรรมะธรรมโมโดยแท้จริง
ที่ผ่านมาไม่มีใครไม่รู้จัก “ลีน่าจัง” ชื่อจริง “ลีนา จังจรรจา” ผู้สมัครที่สร้างชื่อฮือฮาทุกย่างก้าว เมื่อครั้งที่ลงสมัครชิงตำแหน่งปี 2552 ได้หมายเลข 7 เปิดตัวพร้อม “กองเชียร์ผู้ชาย” สวมชุดโจงกระเบนสีเหลืองทอง คาดสายสะพายสีแดงโพกหัวสีแดง พร้อมสโลแกนว่า “ผู้หญิงมีต่อมความชั่วน้อยกว่าผู้ชาย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก! ลีนา จังจรรจา เคยสร้างสีสันการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว ในปี 2547 พร้อมสโลแกนหาเสียงว่า “ลีน่า มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะ” เบอร์ 6 ซึ่งมีการใส่ทำนองและร้องเพลง เต้นรำ บนรถกระบะที่ใช้หาเสียง ครั้งนั้น กกต. ได้มีมติถอดรายชื่อออกจากการลงเลือกตั้งไปตามระเบียบ ด้วยข้อหา “จัดมหรสพ งานรื่นเริง”
จุดเด่นของลีน่าจังมักปรากฏตัวด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาด และได้รับความสนใจจากสื่ออยู่เป็นประจำในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ และนักกฎหมายช่วยเหลือประชาชน แต่มีเหตุการณ์ที่สร้างกระแสมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง คือ การสาธิตการลงเรือของลีน่าจัง ขณะลงพื้นที่หาเสียงเพื่อนำเสนอ “นโยบายปรับปรุงการขนส่งทางเรือ” บริเวณคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นไปอย่างทุลักทุเล วันนั้น “ลีน่าจัง” มาในชุดผ้าไหมสีบานเย็นสดใสลงทุนสาธิตวิธีการลงเรืออยู่ด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นก็เกิดลื่นตกลงไปในคลองแสนแสบ ทำให้เนื้อตัวเปรอะเปื้อน ทางทีมงานช่วยเหลือขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย จึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่หลายคนจำไม่ลืม
สถิติการลงสมัครผู้ว่าฯ ของ “ลีนา จังจรรจา” ที่ผ่านมา เคยลงสมัครมาแล้ว 3 ครั้งในปี 2547, 2551 และปี 2552
“แซม ยุรนันท์” เริ่มบทบาทใหม่ด้วยการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2552 ผู้สมัครหมายเลข 10 ในนามพรรคเพื่อไทย โดยนายยุรนันท์ ภมรมนตรี เดินทางมาสมัครในวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัคร พร้อมเพื่อนนักการเมืองและแฟนคลับที่มาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2552 ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนทั้งสิ้น 611,669 มาเป็นอันดับ 2 รองจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์
เปิดตัวเป็นผู้สมัครสังกัดอิสระ หมายเลข 8 “ขออาสาซ่อมกรุงเทพฯ” แม้ในวันสมัครจะไร้กองเชียร์ใด ๆ อีกทั้งยังเคยกล่าวว่าจะไม่เน้นในเรื่องของการประชาสัมพันธ์แต่ก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไม่น้อย แต่ภายหลังมีคะแนนความนิยมนำโด่งเป็นที่หนึ่งจากสวนดุสิตโพล คาดว่าคะแนนที่ได้จากการหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งในยุคนั้นอินเทอร์เน็ตเริ่มทั่วถึง โดยเล็งเห็นว่าสื่อออนไลน์สามารถเข้าถึงวัยรุ่นและวัยทำงานได้ดี
จากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2552 ได้คะแนนเสียงมาเป็นลำดับที่ 3 คือ 334,846 คะแนนรองจากนายยุรนันท์ ภมรมนตรี
เมื่อพ่อมดแห่งดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่าง “พี่โต้ สุหฤท” หรือ “สุหฤท สยามวาลา” ขอลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยในปี 2556 เป็นผู้สมัครหมายเลข 17 ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด มาพร้อมนโยบายสุดอินดี้ภายใต้แนวคิด “SURPRISE BKK FUN BKK SUHARIT RUN BKK!” กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นทั้งหลายในเวลาไม่นาน ส่วนวิธีการหาเสียงก็สุดแหวกแนวไม่แพ้กัน โดยใช้พลังแห่งโซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านเฟซบุ๊กเพจรวมถึงเว็บไซต์ แทนการติดป้ายและการออกหาเสียงตามที่สาธารณะต่าง ๆ ซึ่งเพียงประโยคเริ่มต้นที่ใช้ทักทายประชาชน “ผม สุหฤท เบอร์ 17 ยังแจ๋วครับ” และข้อความอีกมากมาย ก็ครองใจคนรุ่นใหม่จำนวนมาก
ที่มา: DJ Suharit Siamwalla
จากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2556 ได้คะแนนความนิยมทั้งหมด 107,138 คะแนน มาแรงเป็นอันดับ 4 จากผู้สมัครทั้งหมด 25 คน หากคะแนนเสียงส่วนมากมาจากการหาเสียงบนสื่อออนไลน์ ก็ถือได้ว่าวิธีนี้เวิร์คมาก
ตัวอย่างป้ายหาเสียงฝาเข่ง ที่มา: twitter.com
เชื่อหรือไม่ว่าวัสดุสุดแหวกแนวอย่าง “ฝาเข่ง” เคยถูกใช้เป็นป้ายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว โดยสมัยนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้สมัครที่มีภาพลักษณ์ติดดิน สวมเสื้อม่อฮ่อม จึงใช้วิธีหาเสียงแบบสมถะ ด้วยการใช้ฝาเข่ง กระด้ง หรือหุ่นไล่กามาทำสื่อหาเสียง นอกจากนี้ยังใช้ใบปลิวแจกประชาชนให้ช่วยส่งต่อ ๆ กัน น่าเสียดายที่ไม่มีภาพของจริงมาให้ทุกคนได้เห็น แม้จะเป็นการหาเสียงในงบประมาณจำกัด แต่ท่านก็สามารถครองใจประชาชนชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในปีนั้นได้สำเร็จ
นอกจากป้ายหาเสียงนอกบ้านแล้ว คุณปลื้ม หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้เห็นพลังสื่อใหม่ (New Media) ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้าถึงคนกรุงเทพฯ กว่า 60% ด้วยตัวเลขนี้ เห็นทีจะต้องใช้สื่อออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานให้มากที่สุด ด้วยการโฆษณาผ่าน “แบนเนอร์หาเสียง” ที่วิ่งตามเว็บไซต์ เมื่อคลิกแล้วแบนเนอร์ลิงก์เข้าสู่หน้า Hi5 Profile ที่คุณปลื้มสร้างด้วยตัวเอง นับว่าเป็นป้ายหาเสียงสุดสร้างสรรค์และแหวกแนวมากที่สุดในยุคนั้น
สุหฤท สยามวาลา อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. สุดอินดี้ ประกาศขอปฏิเสธการใช้ป้ายหาเสียงตามที่สาธารณะ โดยมีนโยบายที่จะทำ “ป้ายโฆษณาสีเขียว” บนสื่อออนไลน์ ฉีกกฏของป้ายหาเสียงแบบเดิม ๆ ด้วยการออกแบบป้ายหาเสียงออนไลน์ที่มีเฉดสีสดใส และ Infographic นำเสนอนโยบายในด้านต่าง ๆ ทำให้ชาวโซเชียลชื่นชอบและแชร์ออกไปได้เป็นวงกว้าง นอกจากนี้คุณสุหฤท สยามวาลายังเปิดเว็บไซต์ http://www.votesuharit.com เพื่อให้ประชาชนเข้าไปศึกษาข้อมูลของตน ถือได้ว่าป้ายหาเสียงออนไลน์ของผู้สมัครคนนี้ “แหวกแนว” สมกับภาพลักษณ์จริง ๆ
เมื่อ “ป้ายหาเสียง” ตามสถานที่สาธารณะ กีดขวางการสัญจร และบดบังการมองเห็นของประชาชน ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันมาก ว่า ป้ายหาเสียงที่มีขนาดใหญ่ยังจำเป็นอยู่ใหม? จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. ทั้งหลาย ในการเฟ้นหาไอเดียออกแบบป้ายหาเสียงให้โดนใจประชาชน ภายใต้แนวคิดเดียวกันคือ ป้ายหาเสียงต้องส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนน้อยที่สุด และป้ายหาเสียงสุดสร้างสรรค์นี้จะเป็นของใครบ้าง ไปดูกัน!
แนวคิด: ต้องการให้ป้ายหาเสียงรบกวนทัศนวิสัยของประชาชนน้อยที่สุด และไม่บดบังรถที่กำลังแล่นเข้า-ออกจากซอย หรือคนที่กำลังรอรถเมลล์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความโปร่งใสในการทำงาน และการมองทะลุถึงปัญหาของชาวกทม.
รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครเบอร์ 7 เปิดตัวป้ายหาเสียงสุดรักษ์โลกที่เรียกว่า “Rosana Reused” ที่ทำจากวัสดุใช้แล้วโดยฝีมือของกลุ่มศิลปินจิตอาสา
แนวคิด: ลดการสร้างขยะจากป้ายหาเสียงเพื่อรักษาความสะอาดเรียบร้อยของกทม.
วรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัครเบอร์ 22 มาพร้อมป้ายหาเสียงสุดคราฟต์จากกระดาษลัง โดยมีรูปถ่ายตนเอง และข้อความที่เขียนด้วยปากกาเมจิกระบุเพียงชื่อและเบอร์ ลุยเดี่ยวลงพื้นที่หาเสียงพร้อมโทรเข่งและมอเตอร์ไซค์คู่ใจ
แนวคิด: ใช้ทุนน้อยแต่เข้าถึงพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ภายใต้คำขวัญ “เป็นผู้ว่าฯ ที่ติดดิน” คือจับต้องได้
ที่มา: twitter ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
แนวคิด: “หาเสียงแบบรักเมือง” โดยลดขนาดป้ายหาเสียงให้แคบกว่าครึ่งหนึ่งของป้ายหาเสียงทั่วไป บางคนเรียกว่า “ป้ายเสาไฟฟ้า” อีกทั้งยังออกแบบให้ไวนิลป้ายหาเสียงสามารถนำกลับใช้ใหม่ได้ (Recycle) เป็นกระเป๋าก็ดี! หรือเป็นผ้ากันเปื้อนก็โดน! มีการพิมพ์ลาย Pattern ตัดเย็บให้เห็นกันลาง ๆ โดยจะทำใช้กันเองเฉพาะทีมงานเท่านั้น
แนวคิด: แก้ไขปัญหาจากป้ายแบบเดิมที่มีการร้องเรียน โดยออกแบบป้ายใหม่ที่มองเห็นได้ 3 ด้านรอบเสาไฟ และปรับขนาดใหม่ให้เล็กลง เพื่อให้ติดตั้งง่ายในพื้นที่จำกัด
นอกจากไอเดียป้ายหาเสียงที่กล่าวมา ยังมีแคมเปญหาเสียงในโลกออนไลน์สุดสร้างสรรค์ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ เช่น
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
thaipbs.or.th, สำนักข้าวไทย, ผู้จัดการออนไลน์, marketingoops.com, posttoday.com, springnews.co.th, thematter.co, สนามข่าว