นิทานพื้นบ้าน (folktale) เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เนื่องจากสมัยโบราณไม่มีความบันเทิงในรูปแบบอื่น เลยใช้การเล่าสู่กันฟังปากต่อปาก ซึ่งมักเป็นเรื่องราวจากจินตนาการ ประสบการณ์ และความเชื่อของชาวบ้าน
ทำให้นิทานพื้นบ้านมีการแต่งเติมเรื่องราวจากผู้เล่า และในนิทานทุกเรื่องต่างแฝงแง่คิดหรือข้อคิดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้รู้จักความกตัญญู การทำความดี ความเพียรพยายาม ฯลฯ
แน่นอนว่าเด็ก ๆ ในยุคนั้นกิจกรรมในวันหยุดของทุกเช้าต้องเปิดทีวีดูละครพื้นบ้านจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่ให้ทั้งความบันเทิงและคติสอนใจ แต่เอ๊ะ…เคยสงสัยไหมว่านิทานไทยถ้าได้เปรียบเทียบกับการ์ตูนดิสนีย์แล้ว เรื่องไหนที่มีคติสอนใจเหมือนกันนะ? ถ้าอยากรู้เลื่อนไปข้างล่างพร้อมกันได้เลย!!
มีครอบครัวหนึ่งที่ได้กำเนิดลูกสาวที่มีหน้าตาอัปลักษณ์คล้ายม้า นางมีชื่อว่า นางแก้วมณีเป็นสาวแก่น ทำอะไรโผงผาง จึงได้รับฉายาว่า “แก้หน้าม้า” มีนิสัยใจดี มีเมตตา และชอบช่วยเหลือผู้อื่น และยังมีของวิเศษติดตัว ไม่ว่าจะเป็น มีดอิโต้วิเศษ ที่สามารถใช้ตัดได้ทุกสิ่ง และเท้าของเธอยังมีพละกำลังที่สามารถดีดสิ่งของต่าง ๆ ออกไปได้ไกล และที่สำคัญนางยังมีร่างที่เป็นผู้หญิงงดงามอีกด้วย
วันหนึ่งนางได้ใช้ของวิเศษนั้นช่วยเจ้าชายองค์นึงที่ชื่อว่า “พระปิ่นทอง” และทำให้นางได้ตกหลุมรัก แต่พระปิ่นทองกลับรังเกียจนาง เพราะนางมีหน้าตาอัปลักษณ์
แต่นางก็ไม่ได้ยอมแพ้ และไม่ยอมใช้ร่างหญิงงามปรากฏกายให้พระปิ่นทองได้เห็น เพราะอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า อย่ารักคนที่รูปลักษณ์ภายนอก และในสุดท้ายแก้วหน้าม้าก็ชนะใจพระปิ่นทอง ทำให้พระปิ่นทองรับรักแก้วหน้าม้า เพราะความรักที่แท้จริงไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
เป็นเรื่องราวหญิงสาวที่มีชื่อว่า “เบลล์” ผู้มีหน้าตาและจิตใจที่งดงาม วันหนึ่งเธอยอมเสียสละแทนพ่อของเธอที่ถูกอสูรจับตัวไปขังไว้ในปราสาท เบลล์ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้าอสูรหน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัว
นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เบลล์รู้จักกับเจ้าชายอสูร ที่ไม่ได้มีจิตใจโหดร้ายหรือน่ากลัวอย่างที่ชาวบ้านเล่าขาน ถึงแม้จะมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดแต่กลับมีจิตใจที่ดีงาม แฝงแง่ที่ว่า เราไม่ควรตัดสินผู้อื่นจากภายนอกเพียงเท่านั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะตัวตนที่แท้จริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เปรียบเหมือนกับแก้วหน้าม้าและโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ที่ใช้ความรักอันแท้จริงมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
หญิงหม้ายคนหนึ่งมีลูกสาวสองคน คนโตชื่อ “มะลิ” คนที่สองชื่อ “พิกุล” หญิงหม้ายผู้นี้รักลูกสาวคนโตที่ชื่อ มะลิ มากเพราะมีรูปร่างหน้าตาและนิสัยเหมือนนาง โดยพิกุลลูกสาวคนเล็กเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวย และมีกริยามารยาทและน้ำใจงดงาม
แต่พิกุลกลับต้องทำงานหนักกว่าพี่สาว เนื่องจากความลำเอียงของผู้เป็นแม่ ด้วยความที่พิกุลมีน้ำใจ พูดจาไพเราะกับคนอื่น ทำให้พิกุลได้รับพรจากเทวดาให้มีดอกพิกุลทองร่วงออกจากปากทุกครั้งที่พูด
แต่แม่ของเธอมีความละโมบ ชอบบีบคั้นให้พิกุลพูดเพื่อเอาทองคำ และให้มะลิไปขอพรจากเทวดาบ้าง แต่มะลิมีนิสัยที่ไม่ดีนัก มักกลั่นแกล้งพิกุลอยู่ตลอดเวลา จึงได้รับผลตรงข้ามกับพิกุล คือเมื่อเวลาที่มะลิพูดจะมีหนอนร่วงออกจากปาก
ผู้เป็นแม่คิดว่าพิกุลอิจฉามะลิจึงทุบตีพิกุลและไล่เธอออกจากบ้านไป ด้วยความเสียใจของพิกุลได้ไปแอบร้องไห้ในป่าแต่เพียงลำพัง และได้ไปเจอเจ้าชายหนุ่ม
เมื่อเจ้าชายเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ จึงถามเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด ทันทีที่พูดจบที่บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยดอกพิกุลทอง เจ้าชายได้ขอพิกุลอภิเษกสมรสและหลังจากการอภิเษกสมรส ทั้งสองได้ขึ้นครองราชย์และปกครองเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
ซินเดอเรลล่าเป็นลูกของเศรษฐีผู้มั่งมี แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก พ่อของเธอจึงแต่งงานใหม่กับหญิงหม้ายที่มีลูกสาว 2 คน หลังจากนั้นไม่นานพ่อของเธอก็เสียชีวิต ทำให้เธอได้เห็นธาตุแท้ของแม่เลี้ยงใจร้าย
ซินเดอเรลล่าถูกเรียกใช้งานราวกับคนใช้ในบ้าน แต่ซินเดอเรลล่า ตั้งใจทำงาน ไม่เคยคิดจะตอบโต้ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายจากพระราชวังเรียนเชิญหญิงสาวทั่วอาณาจักรให้มาร่วมงานเต้นรำ เพื่อคัดเลือกคู่ครองให้กับเจ้าชาย
ลูกสาวทั้งสองต่างพากันดีใจและวาดฝันการได้เป็นคู่ครองของเจ้าชาย เช่นเดียวกับซินเดอเรลล่า แต่แม่เลี้ยงใจร้ายกลับกลั่นแกล้งจนซินเดอเรลล่าไม่มีชุดใส่ไปงานเต้นรำ แต่โชคก็เข้าข้างซินเดอเรลล่าให้โอกาสได้ไปงานเต้นรำและได้เต้นรำกับเจ้าชาย
ทั้งสองตกหลุมรักกันทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย และโชคก็เข้าข้างซินเดอเรลล่าที่ลืมรองเท้าแก้วเอาไว้ในงาน และเจ้าชายเก็บรองเท้าไว้ได้จึงประกาศว่าจะแต่งงานกับหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วนี้ได้เท่านั้น
เจ้าชายได้ตามหาทั่วบ้านทั่วเมือง จนมาถึงบ้านซินเดอเรลล่า ซินเดอเรลล่าก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมา และสวมให้กับเหล่าเสนาได้ดู ทำให้ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชาย และมีความสุขตราบนานเท่านาน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การคิดดี ทำดี ย่อมได้ดีอยู่เสมอ เช่นเดียวกับพิกุลทองและซินเดอเรลล่าที่ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่กลับได้สิ่งที่ดี ๆ อยู่เสมอ
เป็นเรื่องของเศรษฐีท่านหนึ่งที่ชื่อว่า “ทารก” (ทาระกะ) มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่ วันหนึ่งเศรษฐีได้พาภรรยาคนแรก ที่ชื่อว่า “ขนิษฐา” ไปจับปลาในคลอง หาปลาตั้งแต่เช้าถึงเย็นจับได้แค่ปลาบู่ตัวเดียว แล้วเป็นปลาบู่ที่ตั้งท้อง
นางขนิษฐาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป แต่ฝ่ายเศรษฐีทารกไม่ยอมและโมโหมาก เลยฆ่านางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว
เอื้อยคิดถึงแม่มาก จึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทอง ซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยเด็กสาวยอดกตัญญูรู้ว่าแม่มาเกิดเป็นปลาบู่ก็นำข้าวมาโปรยให้กิน
นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยมานั่งคุย นั่งให้อาหารปลาบู่ทองทุกวัน จึงสืบจนพบว่า นางขนิษฐาได้มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง นางขนิษฐีก็จับปลาบู่ทองมาทำอาหารและขอดเกล็ดทิ้งไว้ในครัว
เอื้อยได้พบร่างแม่เป็นแค่เกล็ดปลาบู่ทองก็เสียใจมาก จึงนำเกล็ดไปฝังดินและอธิษฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือ เอื้อยมารดน้ำให้ต้นมะเขือทุกวันจนงอกงาม
เมื่อขนิษฐีรู้อีกว่าขนิษฐาเกิดเป็นต้นมะเขือ ก็โค่นต้นมะเขือ และนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน แต่เอื้อยเก็บเมล็ดมะเขือที่เหลือไปฝังดิน และอธิษฐานให้แม่ไปเกิดเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า และไม่ให้ผู้ใดมาโค่น มาทำลาย ต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้
วันหนึ่งได้มีเจ้าชายเดินเข้าไปในป่าได้และพบกับต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง จึงอยากที่จะเอาไปปลูกในวัง แต่ไม่มีใคร เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์นี้ได้ เจ้าชายจึงประกาศว่าผู้ใดที่เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์นี้ได้ จะให้รางวัลอย่างงาม เอื้อยอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าขอย้ายแม่เข้าไปปลูกในวัง เอื้อยจึงถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้สำเร็จ
เจ้าชายชะตาเอื้อยจึงชวนเข้าไปอยู่ในวัง และแต่งตั้งให้เอื้อยเป็นพระมเหสี
ฝ่ายขนิษฐีและลูกสาวอิจฉาเอื้อย จึงส่งจดหมายไปบอกเอื้อยว่าเศรษฐีป่วยหนักขอให้เอื้อยกลับมาเยี่ยมที่บ้าน พอเอื้อยกลับมาได้ถูกกลั่นแกล้งจนตาย
เอื้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า พระฤๅษีได้ดูดวงพบว่านกแขกเต้าคือเอื้อยกลับชาติมาเกิด จึงเสกให้เป็นคนเหมือนเดิม และวาดรูปเด็กเสกให้มีชีวิตเพื่อให้เป็นลูกของเอื้อย
เมื่อลูกโตเอื้อยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกชายฟัง และร้อยพวงมาลัยให้ลูกนำไปให้พระเจ้าพรหมทัต เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้พบกับลูกชายของเอื้อยและพวงมาลัย
ก็ขอให้เด็กชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า ได้มาลัยมาอย่างไร เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดแล้วพระเจ้าพรหมทัตก็สั่งประหารชีวิตอ้าย อี่ และขนิษฐี และไปรับเอื้อยเพื่อให้กลับมาครองบัลลังก์ร่วมกันอีกครั้ง
มู่หลาน สาวงามและฉลาดเฉลียว ที่เป็นความหวังของสกุลฮัว เธอเลยเฝ้าหาโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าเธอมีความสามารถไม่แพ้ใคร มากกว่าที่จะถูกกดอยู่ภายใต้กรอบประเพณีเดิม มู่หลานตัดสินใจปลอมตัวเป็นผู้ชาย โดยใช้ชื่อว่า “ผิง” สมัครเป็นทหารแทนพ่อของเธอที่แก่ชรา เพราะการออกรบอาจทำให้พ่อของเธอชีวิต
มู่หลานได้ต่อสู้จนได้การยอมรับจากเพื่อนทหารและแม่ทัพชางผู้สง่างาม การผจญภัยของเธอนำไปสู่การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีเกียรติยศของวงศ์ตระกูล และประเทศชาติเป็นเดิมพัน และด้วยความกตัญญูของมู่หลานที่มีต่อพ่อและประเทศชาติ ทำให้เธอสามารกอบกู้แผ่นดิน และนำชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูลได้อย่างสำเร็จ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความกตัญญู ที่มีต่อพ่อแม่จะนำไปสู่ความสำเร็จ เปรียบดั่งสังข์ทองและมู่หลานที่กตัญญูกตเวทีจนประสบความสำเร็จ
นิทานพื้นบ้านไทยหรือการ์ตูนนานาชาติ ต่างให้คติสอนใจหรือแง่คิดดี ๆ อยู่เสมอ
ดังนั้นอยากให้เราอนุรักษ์ความเป็นไทย และจงภูมิใจว่านิทานไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก
เพิ่มเคล็ดลับ ต่อความรู้เรื่องภาษาไทยกับ รายการ ภาษาไทยไม่จำกัด รับชมได้ทาง : www.altv.tv/ThaiUnlimited