ในช่วงที่ผ่านมา Application ที่มีชื่อว่า Instagram นั้นถือได้ว่ามาแรงมาก ๆ และเชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องมี Account อยู่แล้วแน่นอน แม้ว่าเริ่มแรก จะมีฟังก์ชันในการใช้งานเพื่อลงรูป และวิดีโอ แต่เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นก็เริ่มมีการโปรโมทสินค้าต่าง ๆ เข้ามา เกิดการซื้อ-ขายออนไลน์ ทำให้เป็น Application ที่มีบัญชีใช้ถึง 12 พันล้านบัญชีในขณะนี้ ซึ่งแน่นอนว่าก็ได้เกิดอาชีพ "Influencer" จากบุคคลที่มียอดติดตามเยอะมากพอที่จะส่งอิทธิพลต่อเหล่า Follower ทำให้เหล่านายทุนเริ่มสนใจในการจ้างบุคคลเหล่านี้โปรโมทสินค้า ซึ่งนั่นก็ได้ผลดีมากทีเดียว

แต่ด้วยข้อจำกัดของมนุษย์นั้นมีมากมาย เช่น ในด้านการทำงาน ค่าตัว ตารางคิว หรือปัจจัยอื่น ๆ ทำให้เกิดการแทนที่ด้วยการใช้ Virtual Influencer (เป็นบุคคลที่สร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์) เพราะสามารถดีไซน์ไลฟ์สไตล์, คาแรกเตอร์ หรือจะเขียนให้หน้าตาเป็นอย่างไรก็ได้ การถ่ายทำหรือต้นทุนต่าง ๆ ในเริ่มแรกนั้นน้อยกว่าที่จะจ้าง Influencer ที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นข้อได้เปรียบของมนุษย์เสมือน

เหตุผลที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ Virtual Influencer

• ค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
• มีความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ต่ำ
• ควบคุมทุกอย่างได้ 100%
• มีความสมบูรณ์แบบทั้งรูปร่าง หน้าตา และอายุที่ไม่เปลี่ยนแปลง
• มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง
• เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 18 - 24 ปีได้ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก VOGUE

แม้การเปิดเผยถึง Virtual Influencer ใน Instagram ทำให้ผู้คนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ลองมานึกย้อนภาพแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการใช้โปรแกรมสร้างตัวตนหรือบุคคลเสมือนในโลกอินเทอร์เน็ต มาย้อนดูพร้อม ๆ กันว่าก่อนที่จะเป็น Virtual Influencer ในแบบปัจจุบัน ที่จริงแล้วเคยมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาตั้งนานแล้ว!

ปี 1997 Crazy Frog ศิลปินจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิกคนแรกที่โด่งดังไปทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของ Crazy Frog เกิดจากการที่นักศึกษาคนหนึ่ง ทำการทดลองสร้างเสียงโดยเครื่องยนต์ (Internal combustion engine) ขึ้นมา จากนั้นเขาก็นำมันไปอัปโหลดลงบนเว็บไซต์ และถูกค้นพบโดยช่องโทรทัศน์ Swedish TV พวกเขาจึงติดต่อขอนำมันไปเล่นออกอากาศแต่ในตอนนั้นมันก็ยังไม่เป็นที่ติดหูของผู้คนทั่วไป กว่าจะเป็นที่นิยมและโด่งดังไปทั่วโลกก็หลังจากนั้นอีกตั้ง 6 ปี

จนกระทั่งเจ้าเทปเสียงนั้นถูกนำมาประกอบกับวิดีโอของเจ้ากบสีฟ้าที่สร้างขึ้นมาโดยนักศึกษาชาวสวีเดน Erik Wernquist เขาเรียกมันว่า The Annoying Thing (สิ่งที่น่ารำคาญ) และนำมันมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ และโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากที่เล็งเห็นแล้วว่ามันน่าจะทำเม็ดเงินได้มหาศาลจึงเปลี่ยนชื่อของมันให้กลายเป็น Crazy Frog และสร้างผลงานอื่น ๆ ตามมา จากนั้นก็นำไปวางขายในตลาด

Crazy Frog ถูกนำไปสร้างเป็นวิดีโอเกม รวมไปถึงเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่กวนประสาทมากที่สุดในโลก และถูกนำมารีมิกซ์โดยศิลปิน Axel F และกลายเป็นซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 2005 ติดอันดับ 1 ท็อปชาร์ตของประเทศอังกฤษติดต่อกันถึง 4 สัปดาห์ เท่านั้นยังไม่พอยังติดอันดับหนึ่งของประเทศ สวีเดน, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, และสวิตเซอร์แลนด์ อีกด้วย!!

และเจ้ากบตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งต้นกำเนิดของการสร้าง Virtual Influencer เมื่อตัวการ์ตูนไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์การ์ตูน

แต่ถูกออกแบบมาเป็นศิลปินในโลกของความเป็นจริงไปซะงั้น ในฝั่งของไทยก็มีศิลปินคล้ายกับ Crazy Frog นั่นก็คือ DDZ ซึ่งมีเพลงสุดฮิตที่คุ้นหูกันอย่างดี อย่างเพลง "โทรมาทำไม"

ปี 1998 วงดนตรี Gorillaz กับความสำเร็จของ Visual Band ที่ยังคงโด่งดังมาจนปัจจุบัน

ในช่วงปี 1998 ได้มีวงดนตรีที่ชื่อว่า "Gorillaz" ซึ่งเป็นโปรเจกต์ Visual Band  โดย ฟรอนต์แมนของวงชื่อดังอย่าง Blur ร่วมกับนักวาดการ์ตูนและ illustrator Jamie Hewlett หลังจากนั้นก็ได้ Remi Kabaka Jr. มาเป็นโปรดิวเซอร์และ A&R ให้กับวงในปี 2011 โดยชักชวนศิลปินและนักดนตรีหลายชีวิตมาร่วมกันทำเพลงโดยไม่เปิดเผยตัวตน แต่จะถ่ายทอดผ่าน 4 ตัวละคร 2-D, Murdoc, Russel และ Noodle 

และสิ่งนี้ก็ถือเป็นจุดขายที่สำคัญเพราะให้ว่ากันตามตรงก็ไม่ค่อยมี visual band ให้เราเห็นมากนัก คาแรกเตอร์ของ 2-D, Murdoc, Russel และ Noodle ก็เอื้อต่อการที่จะสร้างเรื่องราวนอกเหนือไปจากแค่เอาตัวการ์ตูนมาเล่นในมิวสิกวิดีโอ ซึ่งพวกเขาได้สร้างจักรวาล Gorillaz ขึ้นมาจริง ๆ มีอยู่หลายครั้งที่ลงไปโลดแล่นบนจอแก้ว อย่างการสัมภาษณ์ หรือในรายการ MTV Cribs ที่ปกติจะพาไปดูบ้านของศิลปิน ก็มี Murdoc พาชมบ้าน แล้วมีสมาชิกคนอื่น ๆ โผล่มาบ้างหมือนพวกเขามีตัวตนจริง ๆ

สำหรับ Gorillaz ถือได้ว่าเป็นอีกขั้นของการนำมนุษย์เสมือนมาใช้ นอกจากเพลงที่เพราะอย่างเหลือร้าย ยังมีการสร้างสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ให้เหมือนพวกเขามีตัวตนอยู่จริง ตลอดระยะเวลา 23 ปี ผู้คนต่างผูกพันธ์กับตัวละครทั้ง 4 และยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานวงดนตรี ที่ผู้คนต่างจดจำ Gorlillaz ในฐานะของ Visual Band ที่เฟี้ยวที่สุดวงหนึ่ง

ปี 2002 เคยมีแนวคิดจากภาพยนตร์เรื่อง Simone ที่สร้างมนุษย์เสมือนให้เป็นดาราดัง!

ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกา SIMONE เป็นเรื่องราวของผู้กำกับคนหนึ่งที่สร้างนักแสดงหญิงโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และตั้งชื่อเธอว่า "ซีโมน" จากการแสดงที่ยอดเยี่ยม ซีโมนได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกจนผู้คนต่างเริ่มให้ความสนใจว่าซีโมนคือใคร ไม่มีใครรู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วเธอไม่มีตัวตนในโลกจริงๆ ผู้กำกับทำทุกวิถีทางที่จะปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะในยุคนั้นแนวคิดนี้ออกจะเป็นเรื่องสุดโด่ง

ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2002 นำแสดงโดย Al Pacino, Winano Ryder, Catherine Keener โดยมีนักแสดงสาว Rachel Roberts รับบทเป็น ซิโมน เมื่อมนุษย์จริง ๆ ต้องแสดงเป็นตัวละครจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เห็นได้ว่าแนวคิดนี้มีมากว่า 20 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนามาไกล จนปัจจุบันสามารถสร้างมนุษย์จากโปรแกรมให้มีความสมจริงจนแทบแยกไม่ออกได้แล้ว

ภาพยนตร์เรื่อง S1MONE มาจากคำว่า ซิมวัน หรือ SIMULATION ONE

ปี 2016 กำเนิด VIRTUAL INFLUENCER คนแรกของโลก

จนมาถึงยุคปัจจุบันที่ยุค Influencer ใน Instagram โด่งดังมากยิ่งกว่าดาราในโทรทัศน์ สินค้าต่าง ๆ และโฆษณามักใช้บุคคลเหล่านี้ในการโปรโมทสินค้าของตัวเอง ก็ได้มี Virutal Influencer กำเนิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยมนุษย์เสมือนคนแรกเกิดขึ้นในปี 2016 ในประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีชื่อว่า Lil Miquela เป็นสาวสัญชาติ Brazilian-American อายุ 19 ปี มาด้วยลุคหน้าเก๋ มีกระ และทรงผมทรงหน้าม้าเต่อ

เธอเป็นทั้งนางแบบ นักร้อง และ Influencer ได้ร่วมงานกับเเบรนด์ดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Prada, Chanel, Supreme, Calvin Klein, Samsung เคยติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลในอินเทอร์เน็ตของนิตยสาร Time และเคยออก Single เพลงของตัวเองด้วย ปัจจุบันเธอมียอดติดตามในอินสตาแกรมมากถึงสามล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอดูมีชีวิตเหมือนมนุษย์มากที่สุดคือการออกมาเเสดงจุดยืนทางการเมือง อย่างเรื่อง Black Lives Matter, LGBTQ+

Lil Miquela ตอกย้ำความเป็นมนุษย์เสมือนที่เหมือนจริงสุด ๆ โดยมีการสร้างข่าวว่าเธอถูก Hack อินสตาแกรมโดย Virtual Instagram คนอื่น ๆ นับเป็นความชาญฉลาดของทีมงานเบื้องหลัง และข่าวนี้ก็ได้สร้างกระแสให้ชาวเน็ตได้ฮือฮากันทีเดียว

ประเทศไทย กับ Virtual Influencer ที่ไม่จำกัดเพศ!

ประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้ากับเขาเช่นกัน! เพราะล่าสุดได้มี Virtual Influencer ที่ชื่อว่า Bangkoknaughtyboo ฟังจากชื่อแล้วดูไม่เหมือนน้องกะทิ หรือไอรีน โดยมีคอนเซปต์เป็นลูกครึ่งคอม ลูกครึ่งคน! ไฮไลท์เด็ดอยู่ตรงที่สามารถจ้างถ่ายแบบได้จริง แถมยังมีสไตล์การแต่งตัวที่จี๊ดจ๊าดเป็นพิเศษ รูปร่างหน้าตาก็แตกต่างจาก Virtual Influencer ทั่วไปที่พยายามสร้างออกมาให้สมจริงที่สุด แต่กับ Bankoknauthyboy ผู้ดีไซน์ยังคงเก็บความเป็นกราฟฟิกเอาไว้อยู่

นอกจากจะสร้างขึ้นมาแล้วสามารถรับงานถ่ายแบบ รีวิวสินค้าต่าง ๆ แล้ว เขายังตอบรับต่อแนวคิด ไลฟ์สไตล์ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องเพศที่ไม่มีการระบุว่าเป็นหญิงหรือชายตามบรรทัดฐานสังคม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Virtual Influencer ที่แตกต่างและน่าสนใจมากที่สุดอีกหนึ่งคน

ในโลก Metaverse ที่กำลังรอเราอยู่ กับโลกเสมือนจริงที่มนุษย์สามารถใช้ตัวตนในอินเทอร์เน็ตเข้าไปอยู่ได้ ถึงตอนนั้นก็คงจะมีวัฒนธรรมอะไรใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเช่นกัน ! แม้จะยังไม่เปิดใช้บริการแต่ก็เกิดการโต้เถียงในวงกว้างถึงความก้าวไกลทางเทคโนโลยีว่าจะมีผลดีผลเสียอย่างไร

Virtual Influencer ถูกสร้างขึ้นมาให้มีพฤติกรรมและหน้าตาเลียนแบบมนุษย์ สิ่งที่ทำให้พวกเขาใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด คือความไม่สมบูรณ์แบบ นั่นแสดงให้เห็นว่าข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ ไม่พอใจ ทั้งด้านร่างกาย สังคม สติปัญญา ความสามารถ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างลึกซึ้ง การยอมรับในข้อแตกต่างและความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้น อาจเป็นอีกความหมายหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันสมบูรณ์แบบก็เป็นได้

สามารถติดตามรอัปเดตข่าวสารได้ในรายการ HAVE A NEWSDAY ทาง ALTV ทีวีเรียนสนุก ช่องหมายเลข 4